ข่าว:

เทรดเดอร์กับความกดดัน

เริ่มโดย support-1, มีนาคม 28, 2023, 02:31:48 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

support-1

การเทรดเป็นเรื่องของความเป็นไปได้ ราคาอาจขึ้นหรือลงก็ได้ แม้ว่า trade setup ที่เปิดเทรดจะบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงขนาดไหนก็ตาม แต่ไม่มีอะไรรับรองอย่างแน่นอนว่าราคาจะไปทางที่เปิด สำคัญคือเมื่อเปิดเทรดแล้วถือ positions ที่อยู่ในตลาดสิ่งที่อยู่กับท่านคือความกดดัน ท่านจะสามารถรู้ทันและจัดการกับความกดดันอย่างไร และเทรดเดอร์อื่นๆ โดยเฉพาะขาใหญ่ใช้ประโยชน์จากความกดดันของรายย่อยหรือเปล่า

เมื่อท่านเปิดเทรด Buy ท่านกลายเป็น Seller ทันที




ความกดดันจะไม่เกิดขึ้นถ้าท่านไม่เปิดเทรด แต่เมื่อท่านเปิดเทรด ท่านจะกลายเป็นอีกข้างทันที เช่นท่านเปิดเทรด Buy ท่านถือ long position แบกความกดดัน ท่านกลายเป็น Seller ทันที แค่ว่าท่านจะจัดการออกจากการเทรดตอนไหน ในทางกลับกันท่านเปิด sell ท่านกลายเป็น Buyer ทันที สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีเมื่อเปิดเทรดคือความกดดัน  เช่นอย่างตัวอย่างภาพด้านบนดูการเปิด long ที่เลข 1 2 3 และ 4 เทรดเดอร์ที่เปิดเทรดที่เลข 1 ราคาไปต่อไม่ได้แบบความกดดันมา ถ้าราคาดันขึ้นไปแล้วปิดทำกำไร แต่ถ้าไม่ได้ออก มาที่เลข 2 จะเห็นว่ามีการเข้าเทรดอีก แต่ราคาสามารถทำ new high ได้ ต่ำกว่าเดิมอีก ความกดดันก็เพิ่มกับเทรดเดอร์พวกนี้ด้วย พอมาที่เลข 3 ราคาไม่เบรคมี buyers เข้ามาเทรดอีก ราคาดันขึ้นแต่ High ต่ำกว่ารอบ 2 อีก มาเลข 4 มีการเข้าเทรดจาก buyers อีก เมื่อมองหลักการ ความพยายามและผลตามมา จะเห็นว่าความพยายามในการดันราคาขึ้นไปของฝ่าย Buyers กลับไม่มีผล มีแต่ราคาทำ lower high เรื่อยๆ ความกดดันเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ  เมื่อราคาเบรคลงมา เทรดเดอร์ที่แบกความกดดันหลังจากเปิดเทรด Buy ก็กลายมาเป็น Sellers อยู่แล้ว เจอสถานการณ์ที่ทำให้ต้องออก เทรดเดอร์พวกที่แบกความกดดันต้องออกก็เท่ากับเปิด Sell นั่นเอง เลยบอกว่า เมื่อท่านเปิดเทรด Buy ท่านกลายเป็น Sellers ทันที

ระดับความกดดัน ยิ่งเดือดร้อนมาก ยิ่งจำต้องออก



จากที่อธิบายมาเรื่องความกดดันจากเทรดเดอร์ที่เปิดเทรดแล้วถือ positions อยู่ในตลาด ระดับความกดดันมาจาก วอลลูมที่เปิดเทรดหรือล็อต ช่วงเวลาที่ถือรอ และ price structure ที่เกิดขึ้นหลังเปิดเทรด การถือรอนานถ้าราคาไม่พัฒนามาทางที่เทรด ไม่ใช่เรื่องดีเพราะท่านต้องแบกความกดดันจากการติดลบ ต่างจากถ้าราคามาทางที่เปิดเทรด การถือกำไร ไม่ได้แบกความกดดัน เงื่อนไขที่จะทำให้ออกจากตลาดต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการล่า Liquidity ที่มาจาก stop loss เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อเทรดเดอร์ถือ positions อยู่นาน ถ้า price structure ไม่พัฒนาเข้าทางก็จะเริ่มหันมากำหนด stop loss เพื่อยุติความกดดันที่แบกอยู่ อาจเป็นการกำหนด stop loss เข้าไปเลย หรือจะออกเองด้วยการกำหนดพื้นที่ที่จะออกไว้ในใจ หลักการอ่านและเข้าใจความกดดันของเทรดเดอร์ที่อยู่ในตลาด เป็นการเทรดแบบที่เรียกว่า เทรดเทรดเดอร์ที่อยู่ในตลาดหรือ Trade The Traders

ดูที่เลข 1 ที่ราคาขึ้นไปแล้วย่อตัวลงมา ราคาได้เบรคเทรดเดอร์ที่ถือ short positions ที่คาดว่าราคาจะลงไปต่อ ถือราคามานาน สิ่งแรกที่เพิ่มความกดดันหนักเข้าไปคือ ราคาเบรค High หรือพื้นที่ที่พวกเขาเปิดเทรดด้วย Impulsive move ราคาย่อตัวลงมา หลังจากราคาจบ Corrective move เห็นแท่งเทียน Bullish 2 แท่งชัดเจน ตรงที่ A หลังจากนั้นราคาขึ้นอย่างเดียว สิ่งที่เรียนรู้จาก price chart และความกดดันที่มาจากเทรดเดอร์พอบอกคร่าวๆ ได้ดังนี้ ตอนที่ราคาขึ้นไปทำ Impulsive move แม้แต่ stop loss และ buy stop เพื่อเข้าตลาด แต่ไม่มีอะไรบอกว่าเทรดเดอร์ที่ถือ short positions อยู่ในตลาดกำหนด stop loss เข้าไปทั้งหมด ราคาขึ้นไปเท่านั้นพวกเขาอาจแบบรับความกดดันได้ เพราะเป็นปกติที่ราคาดันขึ้นไปก่อนแล้วลงมาทางที่พวกเขาเปิดเทรด อย่างกรณีของการทำงาน Stop hunt แต่พอราคาลงมา ที่เลข 1 แล้วดันขึ้นไปอีกรอบ ยิ่งดันด้วยแท่งเทียนยาวๆ ด้วย จะมีข้อมูลบางอย่างที่พวกเขาไม่มั่นใจว่าราคาจะลงไปทางที่พวกเขาเปิดเทรด แล้วยิ่งเห็นราคา ทำ Higher Low ตามมาอีก พวกเขาไม่อยากแบกความกดดันอีกรอบ ตรงจุดนี้ จะเห็นว่านอกจากเรื่องความกดดันแล้ว ยังมี price structure ที่ทำให้พวกเขาคิดว่าราคาจะสวนพวกเขาเกิดขึ้นด้วยเข้ามาประกอบกัน
ดูพื้นที่ B ก็หลักการดียวกัน สิ่งที่เราเห็นจากชาร์ตคือ พื้นที่มีการเทรดเกิดขึ้น นั่นความความว่า เทรดเดอร์ที่ถือ positions อยู่ถ้าราคามาทางนั้นก็กำไร ถ้าวิ่งสวนก็แบกความกดดัน รับความเดือดร้อนอยู่ ความกดดันทำให้เทรดเดอร์พวกนี้จำต้องออก และการออกจากตลาดก็เท่ากับเป็นการเปิดเทรดตรงข้ามที่พวกเขาถือ positions อยู่ ณ ราคาที่พวกเขาออกเทรด สิ่งที่ขาใหญ่จะได้จากข้อมูลตรงนี้คือว่า พวกเขาสามารถรู้ว่าจะมีออเดอร์เกิดขึ้นตรงไหน และต่างจากออเดอร์ที่รอเข้าตลาด วิธีการที่พวกเขาทำคือปั่น price structure เพื่อเข้าเทรด และให้สร้างความเดือดร้อนจนถึงจุดที่เทรดเดอร์ที่แบกความกดดันรับไม่ไหวจึงจำต้องออก