ความสำคัญของสุขภาพจิตในการเทรด

เริ่มโดย support-1, พฤษภาคม 09, 2023, 01:27:36 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

support-1

สำหรับเทรดเดอร์รายวัน มันเกี่ยวกับ indicators, การกรองหุ้น , และรายงานเศรษฐกิจเป็นปัจจัยเหล่านั้น ไม่บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์รายวันเข้าใจว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เป็นปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกำไรเทรดที่ได้กำไรและขาดทุน ต้องขอบคุณที่สภาพจิตใจมนุษย์นั้นสามารถทางานได้ดีซึ่งบ่อยครั้งไม่สามารถสังเกตุได้ นอกจากว่าคุณจะใส่ใจ คุณจะค้นพบว่าจิตใจของคุณเริ่มกระบวนประมวลผลข้อมูล มีสถานะทางจิตใจที่เยี่ยมมีทัศนะคติเป็นบวกสามารถส่งผลต่อกระบวนการตัดสินใจได้ดี


ทุก ๆ ลักษณะการเทรดสามารถเห็นได้จากผลทางจิตวิทยา เทรดเดอร์ที่สามารถควบคุมความ อดทนในการเทรด และรอให้ถูกโอกาสจะเป็นคนที่สามารถจัดการกับจิตวิทยาที่ใช้ควบคุมการเทรด ได้ ถ้าเราเปรียบกับเทรดเดอร์หน้าใหม่ซึ่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ให้รอจนกว่ากราฟจะเข้า รูปแบบจริง ๆ อย่างไงอย่างนั้น


กระบวนการซื้อขายหลักทรัพย์ง่าย ๆ นี้จะต้องมีปัจจัยทางสภาพจิตที่ดีในที่คุณต้องหาคำตอบ เกี่ยวกับ การวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือคุณใช้ Price Action การใช้เครื่องคิดเลขคำนวณความ เสี่ยงว่าจะต้องลงทุนเท่าไหร่ในการเทรด หรือใช้ตั้ง SL หรือ TP หรืออะไรอื่น ๆ
ซึ่งหน้าที่เหล่านี้บางอย่างทำ โดยใช้ปฏิกิริยาอัตโนมัติและไม่สำคัญว่ามันอาจจะเร็วกว่าเสี้ยว วินาที เมื่อเรามองไปรอบ ๆ คุณจะเห็นได้ไม่รู้ว่าช้าก็เร็วว่าสุขภาพจิตที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดระยะยาว ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่สำหรับเทรดเดอร์หรือนักลงทุนรายวัน แต่ว่าใช้ได้สำหรับทุก ๆ วิชาชีพ
ลองมาดูกีฬากัน ซึ่งจะเห็นได้บ่อยครั้งว่าเป็นอาชีพที่สามารถเปรียบเทียบกับการเทรดได้ ใกล้เคียงมากที่สุด นักกีฬาไม่ได้ใช้เวลาในการขัดเกาทักษะของพวกเขาเพียงอย่างใด แต่ว่าใช้ เวลาไปกับการฝึกสภาพจิตใจ ฝึกจิตวิทยาของพวกเขาด้วย มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องที่จับต้องยาก แต่ว่าการต่อสู้นั้นต้องเอาชนะใจตัวเองก่อน เช่นเดียวกันนักกีฬาจะชนะหรือแพ้การแข่งในกำไร แข่งขันใจจิตใจของเขา ซึ่งหลักการนี้ก็ใช้ได้กับเทรดเดอร์ ถ้าคุณมีการเทรดที่แย่แต่ว่ายังเลือกเทรดอยู่ โอกาสที่จะจิตหลุดได้ก็มีสูงซึ่งส่งผลต่อผลการเทรด นอกจากว่าจะดวงดี

จิตวิทยาการเทรดไม่ใช่อะไรใหม่ มีเอกสารมากมายและงานวิจัยที่พูดถึงเรื่องการฝึกจิตใจให้ ประสบความสำเร็จในการเทรด จิตวิทยาการเทรดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าตลาดจะแสดง จิตวิทยาของนักลงทุน ลองพิจารณาถึงตลาดกระทิง เมื่อตลาดกำลังขึ้น นักลงทุนจะซื้อขึ้นเพราะ ว่ามันเป็นตลาดกระทิง บางทีเหตุผลอาจจะเป็นแค่ความโลภที่เข้าครอบงำ


เช่นนี้เมื่อมีข่าวดีเข้ามาในตลาด แต่ว่ามันเป็นขาลง ช่วงเวลานั้นเทรดเดอร์จะมีมุมมองต่อตลาด ที่แย่ ไม่ว่าจะข่าวดีขนาดไหน ดังนั้นเมื่อเผชิญกับสภาพจิตวิทยาตลาดอย่างนี้ในฐานะเทรดเดอร์ สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่เข้าใจจิตวิทยาการเทรดแต่ว่าต้องฝึกในคน ๆ หนึ่งสามารถฝึกสภาพจิตใจใน การเทรดให้มีสภาพจิตใจที่ดีด้วย


จิตวิทยาในการเทรดมีหน้าที่ 2 อย่าง อย่างเรก ตลาดมันสะท้อนจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาด สะท้อนอารมณ์นักลงทุน อย่างที่ 2 จิตวิทยาของเทรดเดอร์สะท้อนภาพใหญ่ของการตัดสิน ความสำเร็จในตลาดของเทรดเดอร์


ราคาหุ้นไม่ได้เคลื่อนไหวเพราะ MA ระยะสั้นในตลาดตัดเคลื่อนสูงกว่า MA ในตลาด หรือ เพราะว่าเครื่องมือทางเทคนิคทำ ให้มันเป็นอย่างนั้น ราคาหุ้นในตลาดเคลื่อนไหวเพราะอารมณ์ มนุษย์ การเทรดความถี่สูง หรือ การใช้หุ่นยนต์ในกรเทรดได้เพิ่มขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมาแต่ว่า มนุษย์ยังเป็นผู้อยู่ในตลาดส่วนใหญ่อยู่ ดังนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเอาเรื่องจิตวิทยาออกไปจากเรื่อง การเทรด


จิตวิทยาของความโลภและความกลัว

เมื่อพูดถึงเรื่องจิตวิทยา มี 2 คำ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง คือ ความกลัวและความโลภ !
ความกลัวในตลาดเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนเกรงกลัวความเสี่ยงและแสวงหาความปลอดภัยใน ทรัพย์สินที่ไม่ได้มีผลตอบแทนสูงมาก หรือสูงมากในบางกรณี เพื่อปกป้องเงินทุน หรือกรณี ทั่วไปว่ามีนักลงทุนที่กลัวเงินของเขาหายไปมาก มากกว่าการที่คิดถึงกำไรที่จะได้



ความโลภในตลาดหุ้น เกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนพยายามหาผลตอบเทนสูงสุด และตัดสินใจที่จะ เสี่ยงมากขึ้น แนวคิดหลักก็คือ นักลงทุนในตลาดมองว่าตลาดกำลังดี ซึ่งอาจจะเสี่ยงมากขึ้น

อารมณ์แบบเดียวกันนี้ยังมีส่วนสำคัญเมื่อมันใช้กับเทรดเดอร์ส่วนบุคคล เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น คุณจะเสี่ยงมากขึ้นไหมถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่แย่? ตัวอย่างเช่น คุณจะเสี่ยงเพิ่มขึ้น ตอนคุณกลัวว่าหุ้นจะตก หรือว่าเคยคิดว่ามันอาจจะเริ่มกำไรติดต่อกันก็ได้ กำไรครั้งต่อไปจะทำ ให้คุณอยากที่จะเพิ่มขนาด Position หรือไม่?

นี่เป็นสิ่งที่ความกลัวและความโลภมีบทบาทในระดับบุคคลในการเทรด ขณะที่วงจรในตลาด หุ้นก็สะท้อนจิตวิทยาของนักลงทุนในระดับใหญ่กว่านั้น ตลาดหุ้นล่มในครั้งก่อนไม่มีอะไรมาก ไปกว่าจิตวิทยาการเทรดเข้ามามีบทบาท ซึ่งนักลงทุนมีปฏิกิริยากับข่าวร้ายที่ออกมา
ส่วนใหญ่แล้ว ช่วงที่เป็นจุดสุดโต่งของช่วงตลาดล้มเหลว คุณจะพบว่าธนาคารกลางหรือว่า รัฐบาลเข้ามามีบทบาท ซึ่งปรกติแล้วรัฐบาลจะลดดอกเบี้ย หรือว่าปั๊มเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้สามารถจะช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลและค่อย ๆ เข้ามาในตลาดเมื่อมีความ มั่นใจโดยที่ไม่ต้องใช้นโยบายอื่น ๆ

เพื่อให้เห็นภาพของพลังของจิตวิทยาตลาด ลองมาดูดัชนี Dow Jones Industrial Average ใน กราฟข้างล่าง ช่วงเวลาที่เราสนใจคือ November 2016 หลังจากที่เหตุการณ์เลือกตั้ง ประธานาธิบดีที่สร้างความเปลกใจเมื่อ Mr. Donald Trump emerging เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นลดฮวบในวันที่ประกาศผล นักลงทุนไม่แน่ใจว่านโยบายของทรัมป์จะออกมาเป็นเช่นไร ทรัมป์ เริ่มทำงานและทำ ให้นักลงทุนมั่นใจทั้งที่ยังไม่ได้มีการประกาศนโยบายภาษี หรือ นโยบายการคลังใด ๆ

แนวคิดเบื้องหลังเรื่องนี้จะเห็นการแกว่งตัวของอารมณ์ของนักลงทุนจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง ในตลาดหุ้นจะเห็นว่า Dow Jones ทำ ราคาสูงสุด สูงกว่า 19,000 และใกล้จะถึง 20,000




คุณจะเห็นว่าจิตวิทยาตลาดนั้นมีความสำคัญที่นี่เพราะเป็นพลังผลักดันตลาด แน่นอนตลาดหุ้นมี ช่วงที่รุ่งซึ่งเป็นผลจากนโยบายการทำงานของ U.S. Federal Reserve แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

อีกตัวอย่างหนึ่งของจิตวิทยาตลาดที่มีส่วนสำคัญ ซึ่งปรากฏในศัพท์การลงทุนที่ชื่อ ว่า Irrational Exuberance หลักการนี้มาจาก Alan Greenspan ประธาน U.S. Federal Reserve คนก่อนที่เขาใช้คำ ว่า irrational exuberance ในการบรรยายสภาพตลาดในช่วงก่อนวิกฤติฟองสบู่ดอทคอมในช่วง 1990 บางคนเชื่อว่า Greenspan ใช้คำนี้อธิบายความจริงที่ว่าตลาดหุ้นมัน เกินมูลค่าในช่วงนั้นเพราะตลาดญี่ปุ่นลดลง 3 %

จิตวิทยาการเทรดช่วยคุณได้อย่างไร ?

การพัฒนาวินัยและทำ ให้อารมณ์อยู่ในกรอบเทรดเดอร์สามารถใช้จิตวิทยาเป็นส่วนหนึ่ง ของความได้เปรียบของพวกเขา ไม่ใช่เพียงเพื่อการทำกำไร แต่เพื่อลดความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่อ สิ่งต่าง ๆ เริ่มเลวร้าย

วิธีการหนึ่งที่เทรดเดอร์ขาดทุนบ่อย ๆ เมื่อมันเริ่มเทรดเพิ่มเข้าไปออเดอร์ที่ขาดทุน ช่วงนี้อาจจะ ฟังดูง่ายเวลาเราเทรด แต่ว่าถ้าเราได้ประสบกับตัวเองจะเข้าใจ เทรดเดอร์จะคิดว่าตลาดจะกลับ ตัวภายในไม่กี่จุดข้างหน้า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเทรดเดอร์จึงส่งออเดอร์เพิ่มในฝั่งที่ขาดทุน

ขณะเดียวกัน มันเป็นจิตวิทยาการเทรด หรือว่าการขาดวินัยที่เทรดเดอร์กลัวจะขาดทุนโดยรีบทำ กำไรออเดอร์ที่ทำกำไรได้ดี
ในเรื่องนี้ความรู้ความเข้าใจกับตลาดเป็นเรื่องสำคัญ มันคืออารมณ์ที่มักจะนำ ไปสู่การตัดสินใจ ที่ไม่เป็นมืออาชีพทำให้เทรดเดอร์เจอกับประสบการณ์ที่แสนแพง

จะรักษาสุขภาพจิตใจให้ดีได้อย่างไร ?

สำหรับเทรดเดอร์รายวันที่ใช้การเทรดวันแล้ววันเล่า มันจะค่อนข้างยุ่งยากในการเทรด มันจะ ง่ายขึ้นถ้าคุณเลือกเทรดตลาดเดียว ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพบว่าตัวเองประสบความสำเร็จใน ฐานะเทรดเดอร์ futures มากกว่าการเทรด E-mini S&P500 futures contract นั่นเพราะคุณเทรด มากเกินไป

บ่อยครั้งที่การเทรดเพียงอย่างเดียวเช่นนี้ที่จะทำ อย่างเดียวไปได้ตลอด เพราะว่าเทรดเดอร์มักจะ ตกลงในหลุมพรางของตัวเองว่ามีความสามารถเพิ่มขึ้นและนำ ไปสู่การตัดสินใจเทรดที่ผิด อีก ปัจจัยหนึ่งก็คือเมื่อเทรดเดอร์ขาดทุน บางครั้งขึ้นอยู่กับการเทรดครั้งเดียวส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจของเทรดเดอร์ ซึ่งทำให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ตลาดแบบเอนเอียงและเทรดผิดซ้ำซาก

การจะทำ ให้เทรดเดอร์มีสภาพจิตใจที่ดีในการเทรด ขั้นเรกคือ การพักจากตลาด หมายความว่า ไม่ดูกราฟ หรือว่าเคลียร์ออเดอร์ที่ติดอยู่ให้หมด เพื่อปรับตา ปรับภาพในหัว การเบรค ช่วยให้เทรดเดอร์ไม่ติดอยู่ภาพการเทรดเดิม ๆ แต่ยังช่วยให้เทรดเดอร์ได้วิเคราะห์โอกาสในการเทรด หรือว่าความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้า

การมีสุขภาพจิตที่ดี ทำให้เทรดเดอร์สามารถมุ่งมั่นโฟกัส กับสิ่งที่เขาชอบพร้อมกับสามารถเทรดในตลาดได้ เทรดเดอร์บางคนอาจจะชอบคิดว่าพวกเขากำลังพัก ๆ แล้วไม่ พวกเขาอาจจะไป อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเทรด หรือว่าดูเอกสารการเงินเกี่ยวกับตลาดอยู่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องทำ คือ ออกไปทำ งานอดิเรก โดยเฉพาะกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางกายซึ่งเป็นกิจกรรมที่ ช่วยให้มีสุขภาพกายและจิตที่ดี

เทรดเดอร์ยังควรที่จะโฟกัสเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม จัดการความรู้สึกตัวเองต่อคนอื่น หรือ ความรู้สึกของคนในบ้าง ซึ่งอาจจะเกี่ยวกับสภาพจิตใจของเราตอนเทรด บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์ ต้องอารมณ์เสียมาจากที่อื่นแล้วมาเทรดในตลาดแล้วต้องมาเจอกับสภาพจิตใจที่ไม่พร้อมใน ตลาด

จำไว้ว่ามันง่ายมากสำหรับคนที่อยากจะเป็นเทรดเดอร์แต่คนทำกำไรได้มีแค่ 20 % สถิตินั้นมี มากกว่า 80 % ที่เทรดเดอร์จะขาดทุน เทรดเดอร์หน้าใหม่ก็ไม่เว้น ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเลขที่อุปโลก ขึ้นมาแต่มันเป็นเรื่องจริง การเทรดมันอาจจะดูง่ายแต่ว่าเทรดเดอร์มักจะถูกทดสอบ เมื่อการเทรดของเขาออกมาไม่ดี แต่มีไม่กี่คนที่พยายามลุกขึ้นจากการล้มนั้นและพยายามไปต่อข้างหน้า ซึ่งคนที่ก้าวข้ามไปได้สามารถจัดการกับสภาพจิตใจได้ถึงจะเป็นคนที่ทำกำไรได้

ถ้าคุณยังไม่เคยคิดเกี่ยวเรื่องความสำคัญของจิตวิทยาการเทรด ลองใช้เวลามองย้อนเหตุการณ์เทรดที่สำคัญในการเทรดของคุณและดูผลของมัน คุณจะสามารถหาคำตอบได้ว่า ทำไมตอนกำไร ถึงรีบทำ กำไรเร็วขณะที่ตอนขาดทุนถึงถือมันยาวนาน