สัญญาณ Divergence คืออะไร ? รู้จัก 2 เทคนิคการดูง่าย ๆ พร้อมตัวอย่างก่อนทำกำไร

เริ่มโดย support-1, เมษายน 29, 2024, 02:46:12 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

support-1

บทความนี้จะพาทุกท่านมารู้จักสัญญาณของกราฟในการทำกำไรตัวหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมกันอย่างมากในการดูเพื่อกินกำไรคำใหญ่ โดยมันถูกเรียกว่าการเกิด "สัญญาณ Divergence" ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวของเทรนด์ ที่เทรดเดอร์หลาย ๆ คนนำวิธีนี้ไปปรับใช้ในระบบการเทรดของตัวเอง และสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ หากคุณพร้อมแล้ว มาเริ่มทำความรู้จักได้เลย

สัญญาณ Divergence คืออะไร ?
ปกติแล้วคุณสามารถทำกำไรได้จากการดูสัญญาณหลากหลายรูปแบบ โดยสัญญาณ Divergence ก็เป็นวิธีที่เทรดเดอร์หลายคนนิยมใช้กัน เป็นการบ่งบอกถึง สัญญาณการกลับตัวของเทรนด์ มีวิธีการดูง่าย ๆ โดยการดูกราฟราคาสินทรัพย์นั้น ร่วมกับ Indicator เพื่อหาทิศทางที่ 2 สิ่งนี้เคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกัน เพื่อให้คุณสามารถทำกำไรก้อนใหญ่ได้ ด้วยการเทรดโดยสังเกตดูสัญญาณ Divergence อีกข้อดีคือ คุณแทบจะสามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์นั้น ๆ ได้ในราคาดีที่สุดของเทรนด์เลยก็ว่าได้

ขอยกตัวอย่าง เช่น เมื่อกราฟของสินทรัพย์ที่คุณกำลังเทรดอยู่ในช่วงเทรนด์ขาขึ้น แล้วสักพักราคาได้เกิดสัญญาณ Divergence คุณก็สามารถเปิดคำสั่ง Sell ไว้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ (วิเคราะห์ว่าราคาจะกลับมาเป็นเทรนด์ขาลง) และกลับกันเมื่อสินทรัพย์ที่คุณเทรดมีลักษณะกราฟเป็นช่วงเทรนด์ขาลง แล้วสักพักราคาได้เกิดสัญญาณ Divergence คุณก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า กราฟเทรนด์ขาลงกำลังจะจบแล้ว คุณจึงใช้โอกาสนี้ในการเปิดคำสั่ง Buy ไว้รอได้เลย (วิเคราะห์ว่าราคาจะกลับมาเป็นเทรนด์ขาขึ้น)

You cannot view this attachment.

และหากสัญญาณ Divergence อยู่ใน Timeframe ใหญ่ ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มความมั่นใจขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ว่าสัญญาณ Divergence ครั้งนี้จะมีโอกาสสูง ที่ทำให้กราฟสามารถกลับตัวได้ ซึ่งหากคุณสามารถดูสัญญาณ Divergence เป็นแล้ว มันจะช่วยทำให้คุณสามารถลดความเสี่ยงในการขาดทุนลงไปได้ค่อนข้างมาก และทำให้คุณสามารถสร้างกำไรได้มากเช่นกัน

แต่ก่อนที่คุณจะนำเทคนิคการดูสัญญาณ Divergence ไปใช้ คุณจะต้องรู้เกี่ยวกับรูปแบบการเกิด สัญญาณ Divergence กันก่อน เพื่อลดความผิดพลาดในการมองสัญญาณ Divergence ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยครับ

รูปแบบของสัญญาณ Divergence
การที่เราจะตัดสินใจในการออกออเดอร์แต่ละครั้งนั้น ต้องมาพร้อมกับการวิเคราะห์ ตามสไตล์การเทรดของแต่ละคน ส่วนคนที่จะนำเทคนิคการดูสัญญาณ Divergence นี้ไปใช้ร่วมกับสไตล์การเทรดของตัวเอง เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร  โดยการดูสัญญาณ Divergence มีทั้งจริงและหลอก จึงแบ่งมันออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

สัญญาณ Divergence แบบปกติ
Divergence แบบปกติ จะใช้ในการบอกว่า กราฟอาจจะมีการกลับตัวของเทรนด์ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับกรอบเวลา (Timeframe) หากว่าใช้กรอบเวลาที่เล็ก ๆ อย่าง 1-15 m จะใช้เวลาในการเกิดการกลับตัวเร็ว แต่หากว่าใช้กรอบเวลาที่ใหญ่ขึ้นมาอย่าง 30m - 4h ใช้ค่อนข้างใช้เวลาในการเกิดการกลับตัว โดย Divergence แบบปกติสามารถที่จะแบ่งออกได้ 2 สัญญาณ ดังนี้

1. Bullish Divergence
ถ้ากราฟราคาเกิดรูปแบบ Lower Lows (LL), แต่ว่าตัว Oscillator เกิด Higher Lows (HL) เราเรียกลักษณะการเกิดแบบนี้ว่า Bullish Divergence หรือว่าสัญญาณการเกิด สัญญาณ Divergence ขาขึ้นแบบปกติ ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากการจบเทรนด์ขาลง

You cannot view this attachment.

2. Bearish Divergence
ถ้าราคาได้เกิด Higher High (HH) แต่ว่าตัว Oscillator กลับเกิด Lower High (LH) คุณก็จะได้สัญญาณ Bearish Divergence หรือ สัญญาณ Divergence ขาลงแบบปกติ โดย Divergence ลักษณะนี้สามารถพบได้ในขาขึ้น หรือหลังจากที่ราคาเกิดราคาสูงสุดครั้งใหม่ ถ้าตัว Oscillator เกิด Lower High คุณอาจจะคาดได้ว่าราคากำลังจะเกิดจุดกลับตัวและร่วงลงมา

You cannot view this attachment.

การเกิด Divergence แบบปกติเหมาะสำหรับการเข้าออร์เดอร์ในจุดที่ต่ำสุดหรือสูงสุด ซึ่งคุณจะใช้ในการมองว่าจุดไหนจะเป็นจุดกลับตัว ส่วนตัวสัญญาณ Oscillator นั้น ถ้ามันเริ่มที่จะมีการ Divergence แล้ว ถึงแม้พฤติกรรมของราคายังจะเกิด Higher High or Lower Low นั่นหมายความว่าเทรนด์อาจจะไม่เปลี่ยนแปลงก็ได้

สัญญาณ Divergence แบบแฝง (Hidden Divergence)
Divergence แบบแฝง (Hidden Divergence) นอกจากจะให้สัญญาณจุดกลับตัวแล้วยังใช้ในการบอกสัญญาณว่าจะเกิดเทรนด์ต่อเนื่องได้ด้วย และผมอยากให้คุณจำไว้อยู่เสมอว่าเทรนด์เป็นเสมือนเพื่อนสนิทในการเทรดของคุณ ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้สัญญาณว่าจะเกิดเทรนด์อย่างต่อเนื่อง คุณก็ควรจะรู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรกับมัน โดย Hidden Divergence สามารถที่จะแบ่งออกเป็น 2 สัญญาณเช่นเดียวกันกับ Divergence ปกติ ได้แก่

1. Hidden Bullish Divergence
Hidden Bullish Divergence หรือ Divergence แบบแฝง เกิดขึ้นเมื่อราคาได้เกิด Higher Low (HL) (การปิดสูงกว่าราคา Low) แต่ว่าตัว Oscillator กลับให้สัญญาณ Lower Low (LL) สัญญาณนี้หมายความว่าราคาของสินทรัพย์นั้น กำลังจะเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาขึ้น

You cannot view this attachment.

2. Hidden Bearish Divergence
เมื่อราคาเกิด Higher Low ให้จับตาดูว่าถ้าตัว Oscillator มีความเคลื่อนไหวคล้ายกัน แต่ถ้าตัว Oscillator ไม่ได้เกิดสัญญาณ Lower Low คุณก็จะได้สัญญาณ Hidden Divergence หรือสัญญาณ Divergence แฝงมา ซึ่งรูปแบบนี้จะเกิดเมื่อตลาดให้สัญญาณ Lower High (LH) แต่ตัว Oscillator กำลังทำรูปแบบ Higher High (HH) คุณอาจจะคิดว่าเป็นรูปแบบของเทรนด์ขาลง เมื่อคุณเจอรูปแบบ Hidden Bearish Divergence โดยมันจะหมายความว่า โอกาสที่ราคาจะเคลื่อนไหวในทิศทางขาลงอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นไปได้สูง

นอกจากนี้ถ้าคุณเล่นแบบ Trend Follower (เทรดตามเทรนด์) คุณควรจะใช้เวลาในการศึกษารูปแบบ Hidden Divergence นี้บ้าง เพราะถ้าคุณเอาใจใส่การดูสัญญาณการเกิด Hidden Divergence มันอาจจะช่วยคุณเข้าเทรนด์ในช่วงที่กำลังเกิดเทรนด์ได้ ซึ่งตอนนี้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Regular (แบบปกติ) และ Hidden (แบบแฝง) Divergence จากบทความนี้แล้ว หวังว่าคุณจะสามารถนำไปปรับใช้เพื่อสร้างผลกำไรจากการดูสัญญาณ Divergence และให้จำไว้เสมอว่า Regular Divergences เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจจะเกิดจุดกลับเทรนด์ ส่วน Hidden Divergences เป็นสัญญาณว่าเทรนด์จะยังคงไปต่อ

อินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการหาสัญญาณ Divergence
Divergence เป็นสัญญาณที่จำเป็นที่จะต้องใช้อินดิเคเตอร์ในการช่วยหา เนื่องจากกราฟราคาไม่สามารถที่จะให้สัญญาณดังกล่าวได้เอง โดยเทรดเดอร์สามารถที่จะหาสัญญาณ Divergence ได้จากอินดิเคเตอร์เหล่านี้

Relative Strength Index (RSI)

ตัวอย่างกราฟ Divergence RSI

You cannot view this attachment.

Moving Average Convergence Divergence (MACD)

ตัวอย่างกราฟ Divergence MACD

You cannot view this attachment.

Stochastic Oscillator (Stoch)

ตัวอย่างกราฟ Divergence Stoch

You cannot view this attachment.

Awesome Oscillator (AO)

ตัวอย่างกราฟ Divergence AO

You cannot view this attachment.

จะสังเกตได้ว่าอินดิเคเตอร์ทั้ง 4 ตัวที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น เป็นอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator ทั้งหมด แต่มีเพียงตัวเดียวไม่ได้แสดงผลในรูปแบบ "เส้น" นั่นก็คือ Awesome Oscillator แต่ก็สามารถที่จะให้สัญญาณ DIvergence ได้เหมือนกันกับตัวอื่น ๆ เพียงแต่ว่าจะให้สัญญาณ Overbought/Oversold ได้ดีเท่าตัวอื่น ๆ เพียงเท่านั้น

ข้อควรระวังในการใช้ Divergence
สัญญาณต่าง ๆ ในตลาด เป็นเพียงแค่สัญญาณที่จะทำให้เทรดเดอร์สามารถที่จะคาดการณ์สิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับกราฟเพียงเบื้องต้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ควรที่จะคำนึงถึงข้อควรระวังของสัญญาณ Divergence ดังต่อไปนี้

- Divergence ไม่ได้กลับตัวทุกครั้งหรือกลับตัวทันที
การที่กราฟได้เกิดสัญญาณ Divergence นั้น ไม่ได้แปลว่าราคาจะเกิดการกลับตัวในทุก ๆ ครั้ง หรือจะกลับตัวในทันที การที่ Divergence จะเกิดการกลับตัวนั้นจะต้องพึ่งปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเกิด Price Action ที่บริเวณแนวรับ-แนวต้าน เป็นต้น และหากว่าในช่วงนั้นมีปัจจัยพื้นฐานแทรกเข้ามา การเกิดสัญญาณ Divergence แทบจะไม่มีผลกับกราฟเลย

- คาดเดาว่าจะเกิด Divergence
การคาดการณ์ หรือการคาดเดาเป็นนิสัยปกติของเทรดเดอร์ แต่สำหรับ Divergence เทรดเดอร์ไม่ควรที่จะคาดการณ์ว่ากราฟกำลังจะเกิดสัญญาณ Divergence และทำการเข้าเทรดเพื่อดักหน้าราคาไปก่อน การกระทำแบบนี้จะทำให้เทรดเดอร์เสียนิสัย และยังทำให้ขาดทุนเป็นจำนวนมากได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Divergence
Q : สัญญาณ Divergence Convergence คืออะไร ?
A : สัญญาณ Divergence คือสัญญาณการกลับตัว สังเกตได้จากเมื่อกราฟราคา และอินดิเคเตอร์เคลื่อนที่ตรงข้ามกัน ส่วน Convergence คือสัญญาณที่บอกว่าราคามีโอกาสที่จะไปต่อในแนวโน้มเดิม สังเกตได้จากเมื่อกราฟราคาและอินดิเคเตอร์เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน

Q : Divergence Convergence แปลว่าอะไร ?
A : Divergence แปลว่า ความแตกต่าง ส่วน Convergence แปลว่า การบรรจบกัน

Q : Divergence Forex คืออะไร ?
A : สัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวในตลาด Forex

สรุปสัญญาณ Divergence
Divergence คือ สัญญาณการกลับตัวของกราฟราคา ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ Divergence ปกติ และ Hidden Divergence ซึ่ง Hidden Divergence เป็นการส่งสัญญาณให้เทรดเดอร์ได้ทราบว่ากราฟพร้อมที่จะวิ่งไปต่อในเทรนด์ดังกล่าว ซึ่งจะต่างกับ Divergence แบบปกติ โดยมีข้อสังเกตสำคัญคือ กราฟจะต้องเกิดที่บริเวณแนวรับ-แนวต้าน และอินดิเคเตอร์ต้องเกิดการขัดแย้งกันกับทิศทางของราคา และเกิดในช่วง Overbought/Oversold ถึงจะเป็นสัญญาณที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การเทรด Forex นั้น ไม่ได้พึ่งพาแค่การวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือทางปัจจัยพื้นฐานเท่านั้น แต่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพา "วินัย" อีกด้วย จะสังเกตว่าเราจะกล่าวถึงเรื่องวินัยในส่วนสรุปทุก ๆ บทความ เนื่องจากทางเราเห็นว่าวินัยเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เทรดเดอร์ไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง

Source : Fxbrokerscam