การทำ Liquid Staking และข้อดีข้อเสีย

เริ่มโดย Support-3, กรกฎาคม 13, 2025, 03:21:58 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

Support-3

การทำ Liquid Staking และข้อดีข้อเสีย



       ในโลกของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน การ "Staking" เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ดิจิทัลที่เราถือครอง อย่างไรก็ตาม การ Staking แบบดั้งเดิมมีข้อจำกัดที่สำคัญคือ "การขาดสภาพคล่อง" ทำให้เกิดนวัตกรรมที่เรียกว่า Liquid Staking ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของการทำ Liquid Staking ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียด

ทบทวนพื้นฐาน Staking คืออะไร?
ก่อนจะไปถึง Liquid Staking เราต้องเข้าใจการ Staking แบบดั้งเดิม (Traditional Staking) ก่อน
●    ความหมาย การ Staking คือกระบวนการที่ผู้ถือเหรียญดิจิทัลนำสินทรัพย์ของตนไป "ล็อค" ไว้ในระบบของเครือข่ายบล็อกเชนที่เป็นแบบ Proof-of-Stake (PoS)

●    วัตถุประสงค์หลัก
           ○    เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย การล็อคเหรียญเป็นการค้ำประกันว่าผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator) จะปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริต
           ○    เพื่อยืนยันและสร้างธุรกรรมใหม่ ผู้ที่ทำการ Stake จะมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและเพิ่มบล็อกใหม่เข้าไปในเชน
●    ผลตอบแทน
           เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนสำหรับการมีส่วนร่วม ผู้ที่ทำการ Stake จะได้รับเหรียญที่สร้างขึ้นใหม่เป็นผลตอบแทน (Staking Rewards) คล้ายกับการได้รับดอกเบี้ยจากการฝากเงิน

ปัญหาของการ Staking แบบดั้งเดิม
แม้จะมีประโยชน์ แต่การ Staking แบบดั้งเดิมก็มาพร้อมกับข้อจำกัดที่สำคัญหลายประการ
●    สินทรัพย์ถูกล็อค (Locked Assets) เมื่อคุณนำสินทรัพย์ไป Stake สินทรัพย์นั้นจะถูกล็อคไว้ใน Smart Contract และไม่สามารถนำออกมาใช้, ซื้อขาย, หรือทำธุรกรรมอื่นใดได้จนกว่าจะครบกำหนดหรือทำเรื่อง Unstake ซึ่งอาจใช้เวลานาน (เช่น หลายวันหรือหลายสัปดาห์)
●    ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง (Severe Illiquidity) ปัญหานี้ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถตอบสนองต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ หากราคาเหรียญพุ่งสูงหรือดิ่งลงอย่างหนัก คุณจะไม่สามารถขายทำกำไรหรือตัดขาดทุนได้ทันที
●    ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในขณะที่สินทรัพย์ของคุณถูกล็อค คุณจะสูญเสียโอกาสในการนำเงินทุนก้อนนั้นไปใช้ประโยชน์ในโลกของ Decentralized Finance (DeFi) อื่นๆ เช่น การให้กู้ยืม (Lending), การเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providing), หรือการทำ Yield Farming เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า
●    ข้อกำหนดขั้นต่ำสูง (High Minimum Requirement) บางเครือข่าย เช่น Ethereum กำหนดให้ต้องมีสินทรัพย์จำนวนมาก (32 ETH) เพื่อทำการ Staking ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับนักลงทุนรายย่อย
●    ความซับซ้อนทางเทคนิค การตั้งค่าและบำรุงรักษา Validator Node ด้วยตนเองนั้นต้องการความรู้ทางเทคนิคและฮาร์ดแวร์เฉพาะ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

Liquid Staking คืออะไร?
Liquid Staking คือนวัตกรรมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น
●    นิยาม Liquid Staking คือกระบวนการที่อนุญาตให้ผู้ใช้ทำการ Staking สินทรัพย์ดิจิทัลของตน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคง "สภาพคล่อง" ของสินทรัพย์นั้นไว้ เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้
●    หัวใจสำคัญ - Liquid Staking Tokens (LSTs)
           ○    เมื่อคุณฝากสินทรัพย์ (เช่น ETH, SOL) เข้าไปในแพลตฟอร์ม Liquid Staking คุณจะได้รับโทเคนอีกตัวหนึ่งกลับมาเป็น "ใบเสร็จ" หรือ "ตัวแทน" ของสินทรัพย์ที่คุณฝากไป
           ○    โทเคนตัวแทนนี้เรียกว่า Liquid Staking Token (LST) หรือบางครั้งเรียกว่า Liquid Staking Derivative (LSD)
           ○    ตัวอย่าง
                      ■    ฝาก ETH บนแพลตฟอร์ม Lido จะได้รับ stETH
                      ■    ฝาก SOL บนแพลตฟอร์ม Jito จะได้รับ JitoSOL
                      ■    ฝาก ETH บนแพลตฟอร์ม Rocket Pool จะได้รับ rETH
●    กลไกการทำงานของ LST
           ○    LST จะเป็นตัวแทนของสินทรัพย์ที่คุณ Stake ไว้ในอัตราส่วนประมาณ 1:1 และมูลค่าของ LST จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตาม Staking Rewards ที่สะสมได้
           ○    คุณสามารถนำ LST นี้ไปซื้อขายในตลาด, ใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืม, หรือนำไปฟาร์มผลตอบแทนในแพลตฟอร์ม DeFi อื่นๆ ได้อย่างอิสระ

ขั้นตอนการทำงานของ Liquid Staking (Step-by-Step)



1.    ผู้ใช้ฝากสินทรัพย์ คุณนำสินทรัพย์ดิจิทัล (เช่น 10 ETH) ไปฝากไว้บนแพลตฟอร์ม Liquid Staking ที่เชื่อถือได้ (เช่น Lido)
2.    แพลตฟอร์มทำการ Staking แทน แพลตฟอร์มจะรวบรวมสินทรัพย์จากผู้ใช้หลายๆ คน แล้วนำไป Stake ในเครือข่าย PoS โดยกระจายไปยัง Validator ที่น่าเชื่อถือหลายราย
3.    ผู้ใช้ได้รับ LST ทันทีที่ฝากสำเร็จ แพลตฟอร์มจะสร้าง (Mint) LST ในจำนวนที่เทียบเท่ากับสินทรัพย์ที่คุณฝาก (เช่น ได้รับ ~10 stETH) แล้วส่งเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลของคุณ
4.    การสะสมผลตอบแทน สินทรัพย์ดั้งเดิม (10 ETH) ของคุณกำลังสร้างผลตอบแทนจากการ Staking อยู่เบื้องหลัง ซึ่งผลตอบแทนนี้จะสะท้อนกลับมาที่ LST ของคุณ โดยทั่วไปมี 2 วิธี:
           ○    Rebasing จำนวน LST ในกระเป๋าคุณจะเพิ่มขึ้นเองทุกวัน (เช่น stETH)
           ○    Value Accrual จำนวน LST จะคงที่ แต่มูลค่าของ LST เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดั้งเดิมจะค่อยๆ สูงขึ้น (เช่น rETH, JitoSOL)
5.    การใช้ประโยชน์จาก LST คุณสามารถนำ stETH ที่ได้มาไป:
           ○    ขาย บนเว็บเทรดแลกเปลี่ยน (DEX) เช่น Curve หรือ Uniswap เพื่อรับสินทรัพย์อื่นกลับมาทันที
           ○    ใช้เป็นหลักประกัน บนแพลตฟอร์ม Lending เช่น Aave หรือ Compound เพื่อกู้ยืม Stablecoin
           ○    นำไปฝาก ใน Liquidity Pool เพื่อรับค่าธรรมเนียมการเทรดและผลตอบแทนเพิ่มเติม
6.    การแลกคืน (Redeem) เมื่อคุณต้องการสินทรัพย์ดั้งเดิมคืน คุณสามารถนำ LST ไปแลกคืนบนแพลตฟอร์ม หรือขายในตลาดเปิดได้

ข้อดีของการทำ Liquid Staking (Pros)



●    ✅ ปลดล็อกสภาพคล่องและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุน (Unlocks Liquidity & Capital Efficiency)
           ○    นี่คือข้อดีที่สำคัญที่สุด คุณไม่ต้องเลือกระหว่างการ Staking เพื่อความปลอดภัยและการใช้สินทรัพย์ใน DeFi อีกต่อไป
           ○    สินทรัพย์ของคุณทำงานสองต่อ: ได้รับผลตอบแทนจากการ Staking และในขณะเดียวกันก็นำ LST ไปสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมได้
●    ✅ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนทบต้น (Compounding Yield Opportunities)
           ○    คุณสามารถ "Stack" ผลตอบแทนได้หลายชั้น (Yield Stacking)

ตัวอย่าง
1.    รับผลตอบแทน Staking 4% ต่อปีจาก ETH
2.    นำ stETH ที่ได้ไปฝากใน Liquidity Pool ได้รับผลตอบแทนอีก 3% ต่อปี
3.    รวมผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นได้เป็น ~7% ต่อปี (ตัวเลขสมมติ)


●    ✅ ลดข้อกำหนดขั้นต่ำในการ Staking (Lower Barrier to Entry)
           ○    คุณไม่จำเป็นต้องมี 32 ETH เพื่อ Stake บน Ethereum อีกต่อไป
           ○    แพลตฟอร์ม Liquid Staking อนุญาตให้คุณ Stake ด้วยจำนวนเงินเท่าไหร่ก็ได้ แม้จะเป็นเพียง 0.01 ETH ก็ตาม ทำให้เข้าถึงนักลงทุนรายย่อยได้ง่ายขึ้น
●    ✅ ความง่ายในการใช้งาน (User-Friendliness)
           ○    กระบวนการทั้งหมดทำได้ง่ายๆ ผ่านหน้าเว็บไซต์ของแพลตฟอร์ม ไม่กี่คลิกก็เสร็จสิ้น
           ○    ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความซับซ้อนทางเทคนิคของการรัน Validator Node, การบำรุงรักษา, หรือความเสี่ยงจากการ offline
●    ✅ การกระจายความเสี่ยงของ Validator (Validator Risk Diversification)
           ○    แพลตฟอร์มจะกระจายสินทรัพย์ที่รวบรวมได้ไปยัง Validator จำนวนมาก
           ○    หาก Validator รายใดรายหนึ่งทำงานผิดพลาดหรือถูกลงโทษ (Slashing) ผลกระทบจะถูกกระจายออกไปและลดความรุนแรงลงเมื่อเทียบกับการ Stake กับ Validator เพียงรายเดียว

ข้อเสียและความเสี่ยงของ Liquid Staking (Cons & Risks)
●    ❌ ความเสี่ยงจากสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract Risk)
           ○    การทำ Liquid Staking ต้องพึ่งพา Smart Contract ของแพลตฟอร์ม ซึ่งอาจมีช่องโหว่ที่นำไปสู่การถูกแฮกและการสูญเสียเงินทุนทั้งหมดได้
           ○    คุณต้องเชื่อมั่นในความปลอดภัยของโค้ดที่แพลตฟอร์มเขียนขึ้น
●    ❌ ความเสี่ยงจากการถูกลงโทษ (Slashing Risk)
           ○    หาก Validator ที่แพลตฟอร์มเลือกใช้ทำงานผิดพลาดอย่างร้ายแรง (เช่น offline นานเกินไป หรือพยายามทุจริต) เครือข่ายจะลงโทษด้วยการ "Slashing" หรือยึดสินทรัพย์ที่ Stake ไว้ส่วนหนึ่ง
           ○    ความสูญเสียนี้จะถูกส่งต่อไปยังผู้ถือ LST ทุกคน ทำให้มูลค่าของ LST ลดลง
●    ❌ ความเสี่ยงที่ราคา LST ไม่เท่ากับสินทรัพย์อ้างอิง (De-pegging Risk)
           ○    แม้ว่าตามทฤษฎีแล้ว 1 stETH ควรมีค่าเท่ากับ 1 ETH แต่ในทางปฏิบัติ ราคาของ LST ในตลาดเปิดอาจเบี่ยงเบนไปได้ (De-peg)
           ○    สาเหตุอาจเกิดจากแรงเทขายจำนวนมากในตลาด, ความกังวลเรื่องความเสี่ยงของแพลตฟอร์ม, หรือวิกฤตสภาพคล่อง
           ○    หากคุณต้องการเงินสดทันทีและ LST กำลัง De-peg อยู่ คุณอาจต้องขายในราคาที่ขาดทุน
●    ❌ ความเสี่ยงจากการรวมศูนย์ของแพลตฟอร์ม (Platform Centralization Risk)
           ○    แพลตฟอร์มบางแห่ง เช่น Lido มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงมากในการ Staking ของ Ethereum
           ○    การที่สินทรัพย์จำนวนมหาศาลถูกควบคุมโดยองค์กรเดียวอาจสร้างความเสี่ยงเชิงระบบต่อความมั่นคงและการกระจายอำนาจของเครือข่ายบล็อกเชนนั้นๆ
●    ❌ ความเสี่ยงจากผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validator Risk)
           ○    คุณต้องเชื่อใจว่าแพลตฟอร์มจะคัดเลือกและบริหารจัดการ Validator ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ
           ○    หากแพลตฟอร์มเลือก Validator ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ผลตอบแทนที่คุณได้รับก็จะน้อยลง
●    ❌ ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (Regulatory Risk)
           ○    สถานะทางกฎหมายของ LST และบริการ Staking ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาในหลายประเทศ หน่วยงานกำกับดูแลอาจออกกฎเกณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของแพลตฟอร์มในอนาคต

สรุป
       Liquid Staking เป็นนวัตกรรมที่ทรงพลังในโลก DeFi ซึ่งช่วยปลดล็อกสภาพคล่องและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเงินทุนได้อย่างมหาศาล มันเปลี่ยนการ Staking จากกิจกรรมที่หยุดนิ่งให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ยืดหยุ่นและทำงานสร้างผลตอบแทนได้หลายชั้น
อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายและผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นนี้ต้องแลกมากับชั้นของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจาก Smart Contract, การ De-peg, และการรวมศูนย์ ผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูล (Do Your Own Research - DYOR), เลือกใช้แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและผ่านการตรวจสอบ (Audit) มาอย่างดี และเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดก่อนตัดสินใจลงทุน