CBDC สกุลเงินดิจิทัลที่ธนาคารกลางสร้างคืออะไร และจะเปลี่ยนโลกการเงินอย่างไร

เริ่มโดย Support-3, กันยายน 29, 2025, 04:18:47 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

Support-3

      ในยุคที่การทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันธนาคารและการสแกน QR Code กลายเป็นเรื่องปกติ เราอาจคิดว่าเงินของเราได้กลายเป็นดิจิทัลไปแล้ว แต่ในความเป็นจริง เงินในบัญชีธนาคารเป็นเพียง "บันทึกทางบัญชี" ของธนาคารพาณิชย์เท่านั้น ยังไม่ใช่ "เงินสด" ในรูปแบบดิจิทัลที่แท้จริง นี่คือจุดที่แนวคิด CBDC (Central Bank Digital Currency) เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะวิวัฒนาการขั้นต่อไปของเงินตรา ที่อาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบการเงินทั่วโลกไปอย่างสิ้นเชิง



CBDC คืออะไร? (เจาะลึกความหมาย)
      CBDC หรือ Central Bank Digital Currency คือ สกุลเงินประจำชาติในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ โดยตรง มีสถานะเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal Tender) เช่นเดียวกับธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่เราใช้กันในปัจจุบัน
      เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกภาพ "เงินบาทดิจิทัล" ที่สร้างและรับรองโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยตรง เงินนี้จะอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ของเรา และมีมูลค่าเท่ากับเงินบาทปกติทุกประการ (1 CBDC = 1 บาท)
      ข้อแตกต่างที่สำคัญที่สุด คือ เงินในบัญชีธนาคารที่เราใช้ทุกวันนี้เป็น "หนี้สิน" ของธนาคารพาณิชย์ที่มีต่อเรา แต่ CBDC คือ "หนี้สิน" ของธนาคารกลางที่มีต่อเราโดยตรง ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำที่สุด เปรียบได้กับการที่เราถือธนบัตรไว้ในมือ เพียงแต่อยู่ในรูปแบบดิจิทัลเท่านั้น
      เทคโนโลยีเบื้องหลังการพัฒนา CBDC ส่วนใหญ่มักใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger Technology: DLT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับบล็อกเชน (Blockchain) เพื่อสร้างความปลอดภัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม

CBDC ไม่ใช่เรื่องใหม่: ทำความรู้จัก Wholesale และ Retail CBDC
จริงๆ แล้ว แนวคิดเรื่องเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางมีมานานแล้ว แต่จำกัดการใช้งานในวงแคบๆ เราจึงสามารถแบ่ง CBDC ออกได้เป็น 2 ประเภทหลักตามกลุ่มผู้ใช้งาน ดังนี้
Wholesale CBDC (CBDC สำหรับสถาบันการเงิน):
o    เป็น CBDC ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในกลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
o    เป้าหมายหลัก: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารที่มีมูลค่าสูง เช่น การโอนเงิน หรือการซื้อขายพันธบัตร
o    นี่คือรูปแบบของ CBDC ที่มีอยู่แล้วในทางปฏิบัติหรือในการทดลองระดับสูงในหลายประเทศ รวมถึง "โครงการอินทนนท์" ของประเทศไทย

Retail CBDC (CBDC สำหรับประชาชน):
o    เป็น CBDC ที่ออกแบบมาให้ประชาชนและภาคธุรกิจทั่วไปสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน เหมือนกับการใช้เงินสด
o    เป้าหมายหลัก: เป็นทางเลือกในการชำระเงิน เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน และเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคใหม่สำหรับทุกคน
นี่คือรูปแบบที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง

ทำไมทั่วโลกถึงตื่นตัวกับ CBDC? (เป้าหมายและแรงผลักดัน)

การที่ธนาคารกลางทั่วโลกหันมาศึกษาและพัฒนา CBDC อย่างจริงจัง มีแรงผลักดันสำคัญหลายประการ ได้แก่:
•    เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน: ลดต้นทุนมหาศาลในการพิมพ์ จัดเก็บ และขนส่งธนบัตรและเหรียญ อีกทั้งยังทำให้การชำระเงินรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
•    รองรับสังคมไร้เงินสด (Cashless Society): ในประเทศที่การใช้เงินสดลดลงอย่างรวดเร็ว เช่น จีนและสวีเดน การมีเงินดิจิทัลที่ออกโดยรัฐจะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการชำระเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการเอกชนเพียงอย่างเดียว
•    ดำเนินนโยบายการเงินที่ตรงจุด: รัฐบาลสามารถส่งเงินช่วยเหลือหรือเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ (เช่น นโยบายแจกเงิน) ไปยังประชาชนได้โดยตรง รวดเร็ว และลดปัญหาการทุจริต ในทางทฤษฎี ยังสามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในภาวะเศรษฐกิจวิกฤต
•    เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion): ผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารอาจสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินพื้นฐานได้ง่ายขึ้นผ่าน Wallet ของ CBDC
•    ลดความเสี่ยงเชิงระบบ: การเกิดขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลเอกชน (เช่น Stablecoin) ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก อาจท้าทายเสถียรภาพทางการเงินและอำนาจอธิปไตยทางการเงินของรัฐ CBDC จึงเป็นเหมือนเครื่องมือที่รัฐใช้เพื่อรักษาสมดุลในระบบ

CBDC แตกต่างจากคริปโทฯ และ Stablecoin อย่างไร?
หลายคนอาจสับสนระหว่าง CBDC, สกุลเงินคริปโท (Cryptocurrency) และ Stablecoin ซึ่งทั้งสามอย่างนี้มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังตารางเปรียบเทียบ

Libra (ปัจจุบันคือ Diem และได้ยุติโครงการไปแล้ว) ไม่ใช่ CBDC เพราะเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยบริษัทเอกชน (Facebook) และมีลักษณะเป็น Stablecoin ที่ผูกมูลค่าไว้กับตะกร้าสกุลเงินและสินทรัพย์ต่างๆ


ภาพรวมการพัฒนา CBDC ทั่วโลก
ปัจจุบัน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีความคืบหน้าในการพัฒนา CBDC แตกต่างกันไป:
•    จีน (e-CNY): เป็นผู้นำที่ชัดเจนที่สุด มีการทดลองใช้ "หยวนดิจิทัล" ในวงกว้างกับประชาชนในหลายเมืองแล้ว
•    สวีเดน (e-Krona): อยู่ในขั้นตอนการทดสอบและวิจัยขั้นสูง เนื่องจากเป็นหนึ่งในสังคมไร้เงินสดมากที่สุดในโลก
•    สหภาพยุโรป (Digital Euro): อยู่ใน "ช่วงเตรียมการ" (Preparation Phase) โดยกำลังศึกษารูปแบบ ออกแบบ และผลกระทบ ก่อนตัดสินใจว่าจะดำเนินการสร้างหรือไม่
•    สหรัฐอเมริกา (Digital Dollar): ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและอภิปราย ยังไม่มีการตัดสินใจที่ชัดเจนว่าจะพัฒนาหรือไม่ เนื่องจากมีความกังวลต่อบทบาทของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก
•    ไทย (Retail CBDC): ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการทดสอบ Retail CBDC ในวงจำกัดร่วมกับสถาบันการเงินและผู้ใช้งานจริง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และผลกระทบในบริบทของประเทศไทย

โอกาสและความท้าทาย: ผลกระทบของ CBDC ที่ต้องจับตา
การมาถึงของ CBDC เปรียบเสมือนเหรียญสองด้านที่มีทั้งโอกาสและความท้าทายครั้งใหญ่
ข้อดีและโอกาส:
•    ระบบการชำระเงินที่รวดเร็วและต้นทุนต่ำ ตลอด 24 ชั่วโมง
•    เกิดนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ที่ต่อยอดบนโครงสร้างพื้นฐานของ CBDC
•    รัฐบาลดำเนินนโยบายการคลังและการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงเป้าหมาย
•    ลดปัญหาการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงิน ผ่านการติดตามธุรกรรมที่โปร่งใส
ข้อควรระวังและความท้าทาย:
•    ความเป็นส่วนตัว (Privacy): ข้อมูลการใช้จ่ายทั้งหมดอาจถูกรวบรวมโดยรัฐ ซึ่งสร้างความกังวลเรื่องการสอดส่องดูแลและการนำข้อมูลไปใช้
•    ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity): ระบบ CBDC แบบรวมศูนย์อาจกลายเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ของการโจมตีทางไซเบอร์
•    ผลกระทบต่อบทบาทของธนาคารพาณิชย์: หากประชาชนสามารถฝากเงินโดยตรงกับธนาคารกลางได้ อาจทำให้คนแห่ถอนเงินออกจากธนาคารพาณิชย์ (Bank Run) และกระทบต่อเสถียรภาพของระบบธนาคาร
•    ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital Divide): กลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนหรือเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

สรุป: ก้าวต่อไปของโลกการเงิน
CBDC ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นวิวัฒนาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเงินในยุคดิจิทัล มันคือความพยายามของภาครัฐในการปรับตัวและสร้างระบบการเงินที่ดีขึ้นให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้คน
แม้ว่าปัจจุบันจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและยังมีคำถามสำคัญอีกมากที่ต้องหาคำตอบ โดยเฉพาะสมดุลระหว่าง "ประสิทธิภาพ" และ "ความเป็นส่วนตัว" แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ CBDC จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่สำคัญที่สุดที่จะกำหนดทิศทางของโลกการเงินในทศวรรษหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย