Stablecoin มีกี่ประเภท? เจาะลึกความต่าง USDT, USDC และ DAI ก่อนเลือกถือครอง

เริ่มโดย Support-3, ธันวาคม 17, 2025, 03:00:57 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

Support-3

เจาะลึกความต่าง USDT, USDC และ DAI ก่อนเลือกถือครอง



      ในมหาสมุทรแห่งคริปโทเคอร์เรนซีที่คลื่นลม (ราคา) ผันผวนอย่างบ้าคลั่ง Stablecoin (เหรียญที่มีมูลค่าคงที่) เปรียบเสมือน "สมอเรือ" ที่นักลงทุนใช้พักเงินเพื่อรักษาความมั่งคั่ง มันถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าอิงกับสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง (โดยส่วนใหญ่คือเงินดอลลาร์สหรัฐ) ในอัตราส่วน 1:1 เสมอ
      แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ภายใต้ราคา 1 ดอลลาร์ที่เท่ากันนั้น "ไส้ใน" ของแต่ละเหรียญมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในแง่ของความเสี่ยง ความโปร่งใส และกลไกการทำงาน

Stablecoin มีกี่ประเภท? (The 4 Categories)
      ก่อนจะไปเจาะลึกเหรียญรายตัว เราต้องเข้าใจก่อนว่าโลกนี้แบ่ง Stablecoin ออกเป็น 4 ประเภทหลักโดยอ้างอิงจาก "สินทรัพย์ที่ใช้ในการหนุนหลังและกลไกการตรึงมูลค่า" (Backing Asset & Pegging Mechanism) ซึ่งเป็นปัจจัยกำหนดความมั่นคงที่แท้จริงของเหรียญดังนี้...

Fiat-Collateralized (หนุนหลังด้วยเงินจริง)
      นี่คือรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดและเข้าใจง่ายที่สุด ผู้ออกเหรียญ (Centralized Entity) จะเก็บเงินสด (Fiat) หรือสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสด (เช่น พันธบัตรรัฐบาล) ไว้ในธนาคาร และออกเหรียญดิจิทัลมาในจำนวนที่เท่ากัน
      หลักการทำงาน ผู้ออกเหรียญ (ซึ่งเป็นองค์กรหรือบริษัทแบบรวมศูนย์ - Centralized Entity) จะทำการ เก็บเงินสด (Fiat) หรือ สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดที่มีความเสี่ยงต่ำ (เช่น พันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น) ไว้ในบัญชีธนาคาร และออกเหรียญดิจิทัลมาในจำนวนที่เท่ากัน (เช่น ฝาก $1,000 ก็ออก 1,000 Stablecoin)
จุดเด่น
เสถียรภาพสูง ตราบใดที่ผู้ออกเหรียญเก็บเงินสำรองไว้จริง เหรียญจะมีเสถียรภาพมาก
สภาพคล่องสูง มีความนิยมและการยอมรับในวงกว้าง ทำให้มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง
จุดเสี่ยง
      Counterparty Risk ต้องเชื่อใจตัวกลางว่าเก็บสินทรัพย์สำรองไว้ครบถ้วนจริง และสินทรัพย์สำรองนั้นมีคุณภาพสูง
Regulatory Risk ผู้ออกเหรียญอยู่ภายใต้เขตอำนาจของรัฐบาล จึงเสี่ยงต่อการถูกอายัดบัญชี (Blacklist) หรือถูกแทรกแซงโดยหน่วยงานรัฐได้

Crypto-Collateralized (หนุนหลังด้วยคริปโทฯ)
      เนื่องจากคริปโทฯ มีความผันผวนสูง ระบบนี้จึงต้องใช้หลักการ "Over-collateralization" (ค้ำประกันเกินมูลค่า) เพื่อสร้างความมั่นคง
      หลักการทำงาน เนื่องจากสินทรัพย์คริปโทฯ (เช่น Bitcoin, Ethereum) มีความผันผวนสูงมาก ระบบจึงต้องใช้หลักการ "Over-collateralization" (ค้ำประกันเกินมูลค่า) เสมอ เพื่อเป็นกันชนรับความผันผวน ตัวอย่างเช่น การจะสร้าง Stablecoin มูลค่า $100 ผู้ใช้อาจต้องวาง ETH มูลค่า $150 ค้ำประกันไว้ หากมูลค่าค้ำประกันลดลงจนถึงระดับที่กำหนด (เช่น ต่ำกว่า $120) ระบบจะทำการ ชำระบัญชี (Liquidation) หรือขายสินทรัพย์ค้ำประกันนั้นทิ้งโดยอัตโนมัติ เพื่อนำเงินมาคืนหนี้และรักษาเสถียรภาพของ Stablecoin
ตัวอย่าง : DAI (โดย MakerDAO), LUSD
จุดเด่น
Decentralized มีความเป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐบาล (Censorship Resistance)
โปร่งใส ทุกธุรกรรมและสินทรัพย์ค้ำประกันสามารถตรวจสอบได้บนบล็อกเชน (On-chain)
จุดเสี่ยง
Liquidation Risk ผู้ใช้งานเสี่ยงต่อการถูกล้างพอร์ตหากราคาคริปโทฯ ที่นำมาค้ำประกันร่วงลงอย่างรวดเร็ว (Black Swan Event)
Complexity กลไกการสร้างและการรักษามูลค่ามีความซับซ้อน

Algorithmic Stablecoin (ควบคุมด้วยอัลกอริทึม)
เป็นประเภทที่ "อันตราย" และซับซ้อนที่สุด ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกันจริงๆ แต่อาศัย Smart Contract ในการเพิ่มหรือลดอุปทาน (Supply) เพื่อตรึงราคา
      หลักการทำงาน ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นเงินจริงหรือคริปโทฯ มากเกินมูลค่าอย่างชัดเจน แต่อาศัย Smart Contract ในการควบคุมอุปทาน (Supply) เพื่อรักษามูลค่า
●    เมื่อราคาต่ำกว่า $1 ระบบจะจูงใจให้ผู้ใช้ "เผาเหรียญทิ้ง" (Burn) เพื่อลดอุปทานในตลาด ดึงราคาขึ้น
●    เมื่อราคาสูงกว่า $1 ระบบจะ "สร้างเหรียญเพิ่ม" (Mint) เพื่อเพิ่มอุปทาน กดราคาลง
จุดเสี่ยง
●    Death Spiral หากเกิดวิกฤตความเชื่อมั่นพร้อมกับการเทขายจำนวนมาก กลไกอัลกอริทึมอาจไม่สามารถรับมือได้ ทำให้เกิดการล่มสลายอย่างรวดเร็วจนเหรียญมีมูลค่าเป็นศูนย์ (เช่น กรณีของ UST ของ Terra ในปี 2022)
●    Stability มีเสถียรภาพต่ำที่สุดในบรรดาทุกประเภท
จุดเด่น
ประสิทธิภาพการใช้เงินทุนสูง (Capital Efficiency)

Commodity-Backed (หนุนหลังด้วยสินค้าโภคภัณฑ์)
       หลักการทำงาน มูลค่าของเหรียญถูกตรึงกับสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีมูลค่าในโลกจริง เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือโลหะมีค่า โดยผู้ออกเหรียญจะเก็บสินทรัพย์จริงนั้นไว้ในตู้เซฟ
ตัวอย่าง: PAX Gold (PAXG) โดยที่ 1 PAXG เท่ากับทองคำ 1 ทรอยออนซ์
จุดเด่น
ป้องกันเงินเฟ้อ สินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะทองคำมักใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
การถือครองดิจิทัล เป็นวิธีที่สะดวกในการถือครองทองคำโดยไม่ต้องรับภาระในการจัดเก็บทางกายภาพ

เจาะลึก 3 ยักษ์ใหญ่ USDT, USDC และ DAI



เมื่อเข้าใจประเภทแล้ว เรามาเจาะลึก 3 เหรียญที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด และเป็นตัวเลือกหลักของนักลงทุนทั่วโลก
USDT (Tether) – พี่ใหญ่ผู้ทรงอิทธิพล
USDT ออกโดยบริษัท Tether Limited เป็น Stablecoin ตัวแรกของโลก (ก่อตั้งปี 2014) และมีมูลค่าตลาด (Market Cap) สูงที่สุด
●    กลไกการทำงาน เป็นแบบ Fiat-Collateralized อ้างว่ามีสินทรัพย์หนุนหลัง 100%
●    สินทรัพย์สำรอง (Reserves) นี่คือจุดที่ถูกวิจารณ์มากที่สุด ในอดีต Tether ไม่ได้ถือเงินสดล้วนๆ แต่ถือ "Commercial Paper" (ตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น) จำนวนมาก ซึ่งมีความเสี่ยงหากบริษัทที่ออกตราสารล้มละลาย ปัจจุบัน Tether ปรับพอร์ตมาถือ US Treasury Bills (พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ) เป็นส่วนใหญ่เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
● จุดเด่น
       - สภาพคล่องสูงสุดในโลก มีคู่เทรด (Trading Pairs) เยอะที่สุดในทุกกระดานเทรด
       - โอนถ่ายง่าย รองรับเกือบทุก Blockchain Network (TRC-20, ERC-20, BEP-20 ฯลฯ)
● ข้อควรระวัง
       - ขาดความโปร่งใสในการตรวจสอบบัญชี (Audit) อย่างละเอียดเมื่อเทียบกับเจ้าอื่น และมีข่าวลือเรื่องความมั่นคงของเงินสำรองอยู่เป็นระยะ (FUD)

USDC (USD Coin) – ผู้ท้าชิงสายขาว
       USDC เกิดจากความร่วมมือของ Circle และ Coinbase (กระดานเทรดระดับโลก) เปิดตัวในปี 2018 โดยชูจุดขายเรื่อง "ความโปร่งใส" และ "การปฏิบัติตามกฎหมาย" (Compliance)
● กลไกการทำงาน Fiat-Collateralized แบบเต็มรูปแบบ
● สินทรัพย์สำรอง (Reserves) ถือครอง เงินสด (Cash) และ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น (Short-term U.S. Treasuries) เท่านั้น เก็บรักษาไว้กับสถาบันการเงินชั้นนำ (เช่น BNY Mellon, BlackRock)
● ความโปร่งใส มีการเปิดเผยรายงานรับรองสินทรัพย์ (Attestation Reports) ทุกเดือน โดยบริษัทบัญชีระดับโลก (เช่น Grant Thornton หรือ Deloitte)
จุดเด่น
       - ความน่าเชื่อถือสูง เป็นที่ยอมรับของนักลงทุนสถาบันและโลกธุรกิจ
       - ปลอดภัยกว่า ความเสี่ยงเรื่องสินทรัพย์หนุนหลังต่ำกว่า USDT
ข้อควรระวัง
       - มีความเป็น Centralized สูงมาก บริษัทสามารถ "แบล็กลิสต์" หรือ "อายัด" กระเป๋าเงินของผู้ใช้ได้ทันทีหากได้รับคำสั่งจากทางการสหรัฐฯ

DAI – นักรบกระจายศูนย์
DAI สร้างและดูแลโดย MakerDAO ซึ่งเป็นองค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (DAO) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
●    กลไกการทำงาน Crypto-Collateralized (และปัจจุบันเริ่มมี Real World Asset - RWA ผสม)
●    วิธีการสร้าง DAI ผู้ใช้ไม่ได้เอาเงินสดไปแลก แต่ต้องนำเหรียญคริปโทฯ (เช่น ETH, WBTC) ไปฝากไว้ใน Smart Contract (เรียกว่า Vaults) เพื่อกู้ DAI ออกมา โดยต้องวางสินทรัพย์ค้ำประกันมากกว่ามูลค่าที่กู้ (Over-collateralization) เช่น วาง ETH มูลค่า $150 เพื่อเสก DAI มูลค่า $100
●    ระบบป้องกัน หากราคา ETH ร่วงลงแรง ระบบจะบังคับขาย ETH นั้นเพื่อนำเงินมาคืนหนี้ ทำให้ค่าของ DAI ยังคงเท่ากับ $1 เสมอ
จุดเด่น
       - Censorship Resistance ยากต่อการถูกแทรกแซงหรืออายัดโดยรัฐบาล เพราะทำงานด้วย Code บนบล็อกเชน
       - Decentralized โปร่งใสที่สุด ทุกธุรกรรมตรวจสอบได้บนเชน
ข้อควรระวัง
       - ความซับซ้อน ใช้งานยากสำหรับมือใหม่
       - ความเสี่ยงจาก Smart Contract หากโค้ดมีช่องโหว่ อาจถูกแฮ็กได้
       - การพึ่งพา USDC ปัจจุบัน DAI มีส่วนผสมของ USDC ในคลังสำรองเยอะขึ้น ทำให้ความเป็น Decentralized ลดลงบ้างเมื่อเทียบกับอดีต

ตารางเปรียบเทียบ (Comparison Matrix)



เลือกถือครองแบบไหนดี?
       การเลือก Stablecoin ที่เหมาะสมที่สุดนั้นไม่ได้มีคำตอบเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ "วัตถุประสงค์" ในการใช้งานและความเชื่อมั่นต่อกลไกพื้นฐานของเหรียญนั้น ๆ
1.    สำหรับสายเทรด (Trader) ที่เน้นสภาพคล่อง
       - เลือก USDT ด้วยมูลค่าตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีคู่เทรด (Trading Pairs) รองรับบนทุกกระดานเทรดหลัก USDT จึงเป็นสกุลเงินกลางสำหรับการเข้าออกตลาดอย่างรวดเร็วและเป็นราชาแห่งสภาพคล่อง (King of Liquidity)
2.    สำหรับสายถือยาว / พักเงิน (Saver/Holder) ที่เน้นความปลอดภัย
       - เลือก USDC หากคุณขายทำกำไรมาแล้วและต้องการ "พักเงิน" รอจังหวะการลงทุนครั้งต่อไป USDC คือตัวเลือกที่ให้ความสบายใจสูงสุด ด้วยการเปิดเผยข้อมูลสินทรัพย์หนุนหลังที่โปร่งใส การเก็บรักษาเงินสำรองไว้กับสถาบันการเงินชั้นนำ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ทำให้ความเสี่ยงด้านการล้มละลายของผู้ออกเหรียญต่ำกว่า
3.    สำหรับสาย DeFi / โลกเสรี (DeFi User) ที่เน้นการกระจายศูนย์
       - เลือก DAI หากคุณยึดมั่นในอุดมการณ์ของการเงินแบบไร้ตัวกลาง ต้องการใช้งานในแพลตฟอร์ม DeFi (Decentralized Finance) หรือต้องการถือครองเงินที่ ยากต่อการถูกแทรกแซงหรืออายัดโดยรัฐบาล (Censorship Resistant) DAI คือคำตอบที่ตอบโจทย์หลักการของคริปโทฯ ได้ดีที่สุด ถึงแม้จะมีกลไกที่ซับซ้อนกว่าก็ตาม
       - คำแนะนำสุดท้าย แม้จะชื่อว่า Stablecoin แต่ไม่มีอะไร "มั่นคง 100%" ในโลกการเงิน (แม้แต่ USDC ก็เคยหลุด Peg ช่วงวิกฤตธนาคาร SVB ชั่วคราว) การ "กระจายความเสี่ยง" ถือหลายสกุลเงิน หรือกระจายเก็บไว้ใน Cold Wallet ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด