[support-1]

Haruhiko Kuroda ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น  เริ่มแสดงความกังวลหลังค่าเงินเยนอ่อนค่ารุนแรงซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
คุโรดะกล่าวกับรัฐสภาเมื่อเช้าวันศุกร์ ว่า ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงจะส่งผลกระทบต่อครัวเรือนและบริษัทในรูปแบบต่างๆ กัน การอ่อนค่าของเงินเยนทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงขึ้นและทำให้บริษัทต่างๆ วางแผนธุรกิจได้ยากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาคิดว่าค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น


เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตา


ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมที่เพิ่มขึ้น 0.8%  และ เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2015 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น มาจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


จริงอยู่ที่ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าทำให้การส่งออกมีกำไรมากขึ้น แต่การนำเข้าของราคาสินค้าที่สูงขึ้นโดยเฉพาะราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจริงไม่แปลกใจที่เงินเฟ้อญี่ปุ่นที่สูงขึ้นในช่วงปีนี้มาจากต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง


ก่อนหน้านี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า การอ่อนค่าอย่างรวดเร็วของเงินเยนอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะเป็นปัจจัยขัดขวางไม่ให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากการทรุดตัวของเงินเยนทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค


เงินเยนที่อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ มาจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เดินหน้าใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษ (Ultra-low interest rates) ซึ่งแตกต่างจากธนาคารกลางในอีกหลายประเทศที่เริ่มคุมเข้มนโยบายการเงิน