ประเภท ของโบรกเกอร์ Forex มีอะไรบ้าง

เริ่มโดย support-1, พฤษภาคม 30, 2022, 04:01:22 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

support-1

โบรกเกอร์ฟอร์เร็กซ์ คือบริษัทนายหน้า เป็นตัวแทนที่ทำหน้าที่  รับ – ส่ง คำสั่ง(ออเดอร์)ของเราเข้าสู่ตลาด Forex ปัจจุบันจะเก็นว่าโบรกเกอร์ฟอร์เร็กซ์นั้น มีมากมาย ถ้าจะนับนวนทั้งหมด ล่าสุดมีมากกว่า 2,000 โบรกฯ เลยทีเดียว ในบทความนี้เราจะมากล่าวถึงประเภทของโบรกเกอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ

1.Dealing Desk (DD) บางทีก็เรียกว่า Market Maker  หรือ B Book  คือโบรกเกอร์ที่ดำเนินการผ่านเคาน์เตอร์จัดการ (Dealing Desk) จะมีห้องรวบรวมข้อมูลของลูกค้าไว้ และจะมีพนักงานคอยตรวจสอบข้อมูลของลูกค้า ออร์เดอร์ที่คุณสั่งก็จะอยู่ในมือของ โบรกเกอร์ เมื่อเราทำการซื้อขาย โบรกเกอร์ก็จะทำการจับคู่กับอีกฝั่งหนึ่งให้เรา 2.No Dealing Desk (NDD) หรือเรียกอย่างหนึ่งว่า A Book คือ โบรกเกอร์ที่ส่งคำสั่งซื้อ – ขาย ของลูกค้าไปยังพื้นที่ส่วนกลางโดยตรง  โดยที่ไม่ได้ผ่าน server หลักของโบรกเกอร์ แยกย่อยออกเป็น

2 ประเภทคือ STP (Straight Through Processing) คือ การประมวลผลโดยตรง ECN+STP (Electronic Communication Network + Straight Through Processing คือ การประมวลผลโดยตรง+ระบบออโต้ที่เก็บคำสั่งซื้อที่ตรงกัน

- STP (Straight Through Processing) คือ การประมวลผลโดยตรง
- ECN+STP (Electronic Communication Network + Straight Through Processing คือ การประมวลผลโดยตรง+ระบบออโต้ที่เก็บคำสั่งซื้อที่ตรงกัน



ประโยชน์ของการเลือกโบรกเกอร์ No Dealing Desks (NDD)

1.ส่งคำสั่งซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว

ประโยชน์ข้อแรกของการใช้ No Dealing Desks (NDD) คือ เราสามารถทำคำสั่งซื้อหรือขายไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วตรงนี้มีผลโดยตรงต่อการเทรด forex เพราะยิ่งถ้าเป็นช่วงที่ตลาดมีการแกว่งตัวแรงๆ ถ้าเราสามารถเข้าไปเทรดได้ทัน นั่นหมายความว่าเราสามารถทำเงินและทำกำไรได้เร็วกว่ามากกว่า หรือรีบตัดการขาดทุนได้เร็วกว่าโบรกเกอร์ที่ไม่ใช่ No Dealing Desks (NDD) ครับ

2.ได้ราคาที่ใกล้เคียงกับราคาจริง

ข้อนี้จะมีส่วนสำคัญช่วยให้เรานั้นสามารถเลือกกลยุทธ์ในการทำการตลาดได้ง่ายยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากราคาที่มีความใกล้เคียงกับราคาจริงมากๆนั่นเอง ถ้าเป็นโบรกเกอร์ที่ไม่ใช่เป็นแบบ NDD แล้ว ก็อาจจะไม่สามารถทำลักษณะแบบนี้ได้

3.ค่าเสปรดมีการแกว่งตัวหลายแบบ

ข้อดีต่อมาคือเรื่องของค่า สเปรดที่มีการแกว่งตัวหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะ และช่วงเวลาของการเทรด หลักการง่ายๆคือ ถ้าช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้เข้าทำการเทรด forex ในคู่เงินนั้นน้อยๆ ก็จะทำให้ค่าตัวนี้มีราคาสูง แต่ในทางตรงกันข้าม ก็จะทำให้มีราคาต่ำเช่นกัน จึงสามารถประยุกต์ข้อมูลตรงนี้ในการวางแผนการเทรดได้ อย่างเช่น การชิพไปเทรดในคู่เงินที่มีสเปรดต่ำๆ