เล่นแบบไหนดีกว่ากัน Trend Following หรือ Trend Reversal

เริ่มโดย support-1, มิถุนายน 22, 2022, 03:37:56 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

support-1

นักลงทุนหลายท่านคงเคยได้ยินคำว่าที่ว่า Trend is your friend หรือ แนวโน้มคือมิตรของคุณ มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่หลายท่านอาจยังสงสัยว่า trend หรือ แนวโน้มที่ว่านั้นคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และช่วยในการทำกำไรได้อย่างไร

Trend หรือ แนวโน้ม คืออะไร

คำว่า Trend หรือ แนวโน้ม นั้นหมายถึงทิศทางของภาพรวมที่เกิดขึ้นในอดีตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เวลาที่เราพูดถึง trend ในทางเก็งกำไรนั้น เรากำลังพูดถึงอดีตที่เกิดขึ้นมาแล้ว เช่น ใน 10 วันที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้น 7 วัน แนวโน้มในรอบ 10 วันที่ผ่านมาจะเรียกว่าแนวโน้มขาขึ้น หรือ ใน 100 วันที่ผ่านมาราคาปรับตัวลง 75 วัน แนวโน้มในรอบ 100 วันที่ผ่านมาจะเรียกว่าแนวโน้มขาลง

การบอกแนวโน้มนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้  Trend Line หรือ การใช้อินดิเคเตอร์จำพวก Trend Following แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจำแนกว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแนวโน้มประเภทใด จำเป็นจำต้องมีเงื่อนไขเพิ่มเติม นั่นคือ ช่วงระยะเวลาที่พิจารณา และด้วยเหตุผลเดียวกัน การใช้ trend line ในการระบุ trend นั้นจึงขึ้นอยู่กับการเลือกจุดต่ำสุดหรือสูงสุดของนักลงทุนแต่ละคน ทำให้เส้น trend line ที่ได้นั้นมีค่าไม่ตรงกัน ดังตัวอย่างในภาพด้านล่าง


จากรูปด้านบน สมมติให้เส้นสีแดง คือ Trend Line ที่นักลงทุน A ใช้พิจารณา ส่วนเส้นสีเขียวคือ Trend Line ที่นักลงทุน B ใช้ในการพิจารณา เราจะพบว่า การกำหนดช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้มุมมองที่มีต่อราคาในช่วงเวลานั้นๆแตกต่างกันด้วย หากนักลงทุน A และ B มานั่งพูดคุยกัน แม้ว่าพวกเขาจะเห็นตรงกันว่า แนวโน้มของช่วงเวลาที่พิจารณากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ทั้งสองก็จะมีกลยุทธ์การซื้อขายที่แตกต่างกัน เนื่องจากมีมุมมองต่อแนวโน้มที่ต่างกันนั่นเอง

ฉะนั้นเพื่อที่จะระบุ trend ให้ได้ตรงกันทุกคน ในบทความนี้ จะใช้ Moving average ซึ่งเป็น indicator ในกลุ่ม trend following ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้าง เป็นตัวระบุ trend

Moving Average คืออะไร

Moving average หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ จัดว่าเป็น indicator ที่ใช้บอกแนวโน้มของราคาที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆในบรรดาอินดิเคเตอร์ประเภท Trend Following ทั้งปวง โดยมีหลักการคำนวณอย่างคร่าวๆมาจาก การนำราคาปิด x จำนวนวันย้อนหลังมาหาค่าเฉลี่ย โดยการแปลผลนั้นทำได้โดยง่าย คือ หากราคายืนอยู่เหนือเส้น moving average แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้น และหากราคาอยู่ต่ำกว่าเส้น moving average แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลง โดยในบทความนี้จะใช้ค่า x = 50 หรือใช้ เส้น moving average 50 วันนั่นเอง มาเป็นตัวระบุแนวโน้ม ตัวอย่างดังรูปด้านล่าง


ซื้อขายตาม Trend ดีอย่างไร

จากหัวข้อก่อนหน้านี้ หลังจากที่เราสามารถที่จะระบุ trend ได้ตรงกันแล้ว ก็มาถึงส่วนของการใช้งาน ว่า trend มีประโยชน์อะไร ทำไมเราจึงควรซื้อขายตาม trend ที่เกิดขึ้น




จากรูปด้านบนนั้นจะเห็นได้ว่า เหตุผลที่เราควรควรซื้อขายตาม trend นั้นเป็นเพราะ การปรับตัวขึ้นแรงหรือลดลงแรงอย่างมีนัยยะสำคัญนั้นมักเกิดขึ้นในทิศทางเดียวกันกับ trend ซึ่งถ้านักลงทุนจำกัดการซื้อขายไว้เฉพาะฝั่งเดียวกับ trend เท่านั้น (Long เท่านั้น ในช่วง Uptrend / Short เท่านั้น ในช่วง Downtrend )นักลงทุนจะมีโอกาสที่จะได้รับกำไรก้อนใหญ่จากการเคลื่อนไหวภายในเวลาเพียง 1-2 วัน เท่านั้น และนอกจากนี้นักลงทุนจะสามารถหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากวันที่ตลาดมีการปรับตัวลดลงแรงในแนวโน้มขาลง หรือปรับตัวขึ้นแรงในแนวโน้มขาขึ้นได้อีกด้วย

การเล่นแบบสวน Trend ไม่เหมาะกับนักลงทุนรายย่อย

นอกจากเหตุผลที่กล่าวไปแล้วด้านบน การซื้อขายตาม Trend นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างกำไรให้กับนักลงทุนรายย่อยมากกว่าการซื้อขายแบบสวน Trend ทั้งนี้เป็นเพราะในตลาดมีนักลงทุนรายใหญ่ ที่มีปริมาณซื้อขายจำนวนมากมายมหาศาล รวมตัวกันอยู่ การที่แนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางใดนั้นล้วนขึ้นอยู่กับนักลงทุนรายใหญ่เป็นสำคัญ หากนักลงทุนรายย่อยต้องการทำกำไรโดยการพยากรณ์จุดกลับตัว (หรือเล่นแบบสวน Trend) ก็จะไม่ต่างอะไรกับการเอากิ่งไม้เล็กไปขวางทางน้ำเชี่ยว แม้จะมีโอกาสสร้างกำไรได้ แต่วิธีทำกำไรเช่นนั้นก็จะไม่ยั่งยืน เพราะสุดท้ายแล้วโอกาสที่จะเจ็บตัวก็ยังมากกว่าอยู่ดี