การอ่านพฤติกรรมหรือการเคลื่อนไหวของราคาแท่งเทียน หมายถึงการทำความเข้าใจว่าตลาดทำอะไรไปแล้วบ้างและกำลังจะทำอะไรอยู่ ความรู้คืออาวุธ ความรู้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าตลาดกำลังจะทำอะไรต่อไป
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะเรียนรู้วิธีอ่านพฤติกรรมราคา โดยการเรียนรู้รูปแบบกราฟราคาแบบแท่งและรูปแบบแท่งเทียน ปัญหาที่พบเจอบ่อยๆ คือ การจดจำการกำหนดชื่อและยังต้องจดจำแปลความหมายโดยละเอียดอีกด้วย ดังนั้นเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ จึงมักจะพลาดรายละเอียดต่างๆ ที่หลากหลายไป ถ้าเทรดเดอร์ฝึกฝนอ่านพฤติกรรมราคาให้มากพอ จะเป็นการช่วยเพิ่มการวิเคราะห์ตลาดของเทรดเดอร์ได้
ในบทความนี้ จะแนะนำพฤติกรรมในแท่งกราฟราคาและรูปแบบกราฟราคา รวมถึงรูปแบบพฤติกรรมของกราฟราคาหลายแท่งรวมกัน บทความนี้จะช่วยเพิ่มทักษะในการอ่านกราฟราคาให้เทรดเดอร์ได้ แทนการจดจำคำศัพท์แฟนซีของกราฟราคานั่นเอง มาเริ่มกัน
กราฟราคาแท่งเดียว - ONE PRICE BAR
พฤติกรรมแท่งกราฟราคา เป็นภาพแสดงข้อมูลราคาในหน่วยเวลาหนึ่ง ๆ หน่วยเวลาทั่วไป ได้แก่ 5 นาที – M5, 15 นาที – M15, 30 นาที – M30, 1 ชั่วโมง –H1, ทุกวัน – D1, ทุกสัปดาห์ – W1 และ ทุกเดือน – MN1
ในบทความนี้ จะแนะนำการอ่านกราฟราคาโดยใช้ประเภทของกราฟราคา ที่เรียกว่า กราฟแท่งเทียน - CANDLESTICK โดยจำเป็นต้องมีข้อมูลสี่อย่างนี้เพื่อวาดแถบราคา การเขียนกราฟราคา ด้วยข้อมูลพื้นฐานราคา (OHLC) เป็นเรื่องพื้นฐาน
• เปิด OPEN (O)
• สูง HIGH (H)
• ต่ำ LOW (L)
• ปิด CLOSE (C)
(https://docs.google.com/uc?id=1m7ztyohLXF6oaWRHxpCeIoRuggT127bn)
ให้เทรดเดอร์จำไว้ว่าเมื่อราคาแถบปิดสูงกว่า ราคาแถบที่เปิดอยู่ จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวให้แตกต่าง หากราคาแถบปิดต่ำกว่าราคาแถบเปิด ก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง เนื้อสีแท่งเทียนที่โดดเด่นนี้เป็นข้อแตกต่างระหว่างกราฟราคาแบบดั้งเดิมกับแท่งเทียน
กราฟ ราคาแท่งเทียน CANDLESTICKS เหล่านี้ มีดีมากกว่าความสวยงามของตัวมันเอง เพราะ OHLC หลังจากทำหน้าที่ของมันเสร็จสิ้นแล้วแถบราคา ที่กราฟราคานี้ จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกสี่อย่าง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการอ่านราคา RANGE
• เนื้อเทียน
• ด้านบน มีการทำไส้เทียน
• ด้านล่าง มีการทำไส้เทียน
(https://docs.google.com/uc?id=1xS5SSsAHK0bu7oLulGElUG6abHzg-Q7b)
# ขอบเขตของกราฟราคาแท่งเทียน
RANGE ช่วงหมายถึงขอบเขตของการเดินทางของกราฟราคาแท่งเทียนของตลาดในช่วงเวลาที่เทรดเดอร์ใช้งาน
ขอบเขตนี้แสดงให้ เทรดเดอร์เห็นถึงความผันผวนของตลาด ตลาดที่ไม่มีแนวโน้มจะขยับเพียงแค่เล็กน้อย และครอบคลุมพื้นที่ เพียงเล็กน้อยต่อหน่วยในช่วงเวลาที่เทรดเดอร์ใช้งาน แต่สำหรับ ตลาดที่มีการเคลื่อนไหวหรือตลาดที่มีแนวโน้ม กราฟราคาแท่งเทียงก็จะเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ จนกว่าจะหมดช่วงเวลาที่เทรดเดอร์ใช้งาน
การสังเกต ขอบเขตของกราฟราคาที่ขยับอยู่ เทรดเดอร์ก็ยังสามารถประเมินความผันผวนของตลาดได้เช่นกัน ว่าในขณะที่เทรดเดอร์อยู่ในตลาดนั้น ตลาดกำลังทำอะไรอยู่ อาจจะอยู่นิ่งๆ นอนหลับอยู่ หรือวิ่งอาละวาดขึ้นลงๆ? แถบขอบเขตจะบอกเทรดเดอร์ได้
# เนื้อเทียน กราฟราคาแท่งเทียน
ช่วงขอบเขตของกราฟราคาจะแสดงให้เทรดเดอร์เห็นว่าตลาดมีการต่อสู้กันอยู่ โดยเนื้อเทียนจะแสดงให้เทรดเดอร์เห็นว่า ตลาดฝั่งขาขึ้นหรือฝั่งขาลงเป็นผู้ชนะ
ตัวเนื้อเทียนแสดงถึงความแข็งแรงของแท่งเทียนนั้นๆ ความแข็งแกร่งจะแสดงออกมา ไม่เว้นว่าจะเป็นตลาดขาขึ้น หรือตลาดขาลง
หากราคาเนื้อเทียนปิดอยู่เหนือราคาเนื้อเทียนเปิด แสดงให้เห็นว่าตลาดได้ขยับขึ้น ในขณะที่ตลาดเป็นฝั่งขาลง ราคาเนื้อเทียนปิดจะอยู่ใต้ราคาเนื้อเทียนเปิด นอกจากนี้ขนาดของเนื้อเทียนยังแสดงให้เห็นถึงขนาดของความแข็งแกร่งของตลาดอีกด้วย
(https://docs.google.com/uc?id=1Pm1O-62yevpI97CiM0gYIMjG_Kyj2twX)
จากภาพตัวอย่างด้านบน เทรดเดอร์จะเห็นเนื้อเทียนทางด้านซ้าย เป็นแท่งเต็มไม่มีหางหรือไส้เลย นี่คือรูปแบบที่แข็งแกร่งที่สุด ของแรงผลักดันที่สูงขึ้นในตลาด
ส่วนกราฟราคาแท่งเทียนทางด้านขวา ไม่มีเนื้อเทียนเลยแม้แต่น้อย หรือมีเพียงน้อยนิด เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจหรือยังตัดสินใจไม่ได้ สำหรับตลาดในช่วงเวลานี้ นั่นเอง
ในกราฟราคาแท่งเทียนเหล่านี้มีชื่อเรียก เช่นฝั่งซ้ายมือ ชื่อว่า MARUBOZU และฝั่งขวามือเรียกว่า DOJI อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้จะขอไม่พูดถึงป้ายกำกับ เพราะอย่างที่บอกไปตอนแรกว่า ชื่อกราฟราคาแท่งเทียนไม่มีความหมายอะไร ให้สังเกตจากเนื้อแท่งเทียนหรือ พฤติกรรมของแท่งเทียนจะดีกว่า
สำคัญคือการที่เทรดเดอร์สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้โดยสังเกตจากส่วนของเนื้อเทียน
• ตอนนี้ ตลาดมีการปรับตัวขึ้นหรือลง หรือไม่ปรับตัวเลย?
• การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เป็นอย่างไร?
# หางหรือไส้ของเนื้อเทียนด้านบนของกราฟราคาแท่งเทียน
ถ้าเทรดเดอร์ เข้าใจหัวข้อด้านบนเรื่อง ขอบเขตของกราฟราคาแท่งเทียนและ เนื้อของแท่งเทียน ในแต่ละแท่งแล้ว จะสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า หางหรือไส้ หรือร่องรอยการวิ่งไปของกราฟราคาแท่งเทียน มีอะไรแฝงอยู่บ้าง
หางด้านบนเป็นพื้นที่ที่ตลาดเคยวิ่งขึ้นไป (เป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลา) แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ (เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย) มันไม่สามารถที่จะพิชิตพื้นที่ดังกล่าวนี้ได้ เพราะตลาดผู้ขายมีมากกว่าตลาดผู้ซื้อ ดังนั้นหางหรือไส้ด้านบนจะเป็นตัววัดแรงกดดันในการขาย
(https://docs.google.com/uc?id=11XLECnD2mIJNAhT_EYKUuVqPDQRUFD-y)
# หางหรือไส้ของเนื้อเทียนด้านล่างของกราฟราคาแท่งเทียน
ใช้ตรรกะเดียวกันกับหางหรือไส้ด้านบนเมื่อ แต่สลับกันเล็กน้อย หางหรือไส้ด้านล่าง กับสิ่งที่เทรดเดอร์จะพบคือการดัน การซื้อของแต่ละกราฟแท่งเทียน เป็นการแย่งชิงพื้นที่กัน ระหว่างฝั่งซื้อที่มีมากกว่า ฝั่งขาย ทำให้กราฟราคาดันขึ้นไปนั่นเอง