ข่าว:

กระทู้ล่าสุด

#91
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 04, 2024, 12:13:33 ก่อนเที่ยง
#92
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / คำสั่ง Buy Stop Order คืออะไร ...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - เมษายน 04, 2024, 12:05:41 ก่อนเที่ยง
คำสั่ง Buy Stop คือการตั้งค่าให้ทยอยซื้อสินทรัพย์เข้ามาเรื่อย ๆ โดยอัตโนัมติจนกว่าราคาจะพุ่งไปถึงจุดที่กำหนดแล้วหยุดซื้อ การจะเลือกใช้คำสั่ง Buy Stop ต้องดูที่เป้าหมายการเทรดและเงื่อนไขของตลาดประกอบด้วย

การเทรดในสินทรัพย์การลงทุนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น FOREX หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์สามารถเป็นกิจกรรมที่ทำกำไรได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการให้ดี วิธีหนึ่งในการจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นคือการทำความเข้าใจปัจจัยที่กระทบต่อราคาของสินค้าเหล่านั้น และใช้ออเดอร์ที่เหมาะสมในการซื้อหรือขาย ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์การซื้อขายที่น่าสนใจที่วันนี้เราจะมาเรียนรู้กันก็คือ การตั้งค่าการซื้อแบบ Buy Stop

ออเดอร์หรือคำสั่งซื้อ Buy Stop คือคำสั่งที่ใช้บ่อย ๆ ในการเทรด ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่าคำสั่ง Buy Stop ทำงานอย่างไร และเหตุใดคำสั่งเหล่านี้จึงอาจเป็นประโยชน์ต่อนักเทรด นอกจากนี้ เราจะอธิบายวิธีการวางคำสั่ง Buy Stop และให้คำแนะนำบางประการเพื่อช่วยให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น มาเรียนรู้เกี่ยวกับคำสั่ง Buy Stop ไปพร้อม ๆ กัน!

คำสั่ง Buy Stop คืออะไร

คำสั่ง Buy Stop คือคำสั่งซื้อสินทรัพย์ในราคาที่จะสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน โดยมีการเพิ่มขีดจำกัดว่าราคาสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึงเท่าใด คำสั่ง Buy Stop นี้ใช้เพื่อจำกัดการขาดทุนในกรณีที่ราคาตลาดเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน เช่น หากเทรดเดอร์ต้องการซื้อคู่ EUR/USD ที่ 1.2000 แล้วละก็ ด้วยคำสั่ง Buy Stop พวกเขาจะตั้งราคาหยุดที่ 1.2050 และราคาจำกัดที่ 1.2100 ซึ่งหมายความว่าเมื่อ EUR/USD ไปถึงราคา 1.2050 หรือสูงกว่า คำสั่งซื้อจะดำเนินการที่ไม่เกิน 1.2100

วิธีวางคำสั่ง Buy Stop

เมื่อคุณวางคำสั่ง Buy Stop คุณกำลังบอกโบรกเกอร์ให้ซื้อคู่สกุลเงินที่ราคาตลาดปัจจุบันหากถึงราคาหยุด และจากนั้นให้ซื้อต่อไปที่ราคาจำกัดหรือดีกว่า คำสั่งประเภทนี้จะใช้เมื่อคุณคาดว่าคู่สกุลเงินจะทะลุขึ้นไปด้านบนจากช่วงของการรวมฐานหรือช่วงการเทรด

ต่อไปนี้คือวิธีการวางคำสั่ง Buy Stop:

1.กำหนดราคาที่จะหยุดซื้อที่ระดับที่คุณต้องการเข้าสู่ตลาด โดยปกติจะทำได้โดยการดูรูปแบบกราฟการวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือระดับฟีโบนัชชี

2.กำหนดลิมิตของราคาในระดับที่คุณต้องการทำกำไร อาจเป็นได้ทั้งเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าจุดเข้า หรือราคาเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจงก็ได้

3.ป้อนคำสั่งซื้อ อย่าลืมระบุว่าเป็นคำสั่ง Buy Stop เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน

4.ตรวจสอบการเทรดเมื่อมีการป้อน หากราคาเคลื่อนที่ไปถึงราคาที่กำหนด Buy Stop คำสั่งจะถูกดำเนินการและคุณจะเข้าสู่การเทรด จากจุดนั้น จับตาดูสิ่งต่างๆ และออกเมื่อบรรลุเป้าหมายกำไรหรือหากสิ่งต่างๆ เริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านคุณมากเกินไป และอาจต้องตัดขาดทุน (Cut Loss)

เมื่อทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะวางคำสั่ง Buy Stop และใช้ประโยชน์จากการทะลุที่อาจเกิดขึ้นในตลาดได้ เพียงให้แน่ใจว่าได้ใช้เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่ดีและเข้าสู่การเทรดเฉพาะเมื่อโปรไฟล์ความเสี่ยง/ผลตอบแทนเอื้ออำนวยต่อคุณ

เมื่อใดควรใช้คำสั่ง Buy Stop
คำสั่ง Buy Stop คือคำสั่งซื้อคู่สกุลเงินที่ราคาสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน โดยมีขีดจำกัดเพื่อให้แน่ใจว่าราคาจะไม่เพิ่มขึ้นอีก คำสั่งประเภทนี้มักใช้โดยเทรดเดอร์ที่เชื่อว่าตลาดกำลังจะเปลี่ยนทิศทาง

ในการส่งคำสั่ง Buy Stop จะต้องระบุราคา Stop และลิมิตราคา ราคาที่จะ Stop คือราคาที่จะทริกเกอร์คำสั่ง เช่น หกากำหนด Buy Stop ไว้ที่ 150USD เมื่อกราฟราคาเคลื่อนที่ไปถึงตำแหน่งราคานั้นแล้ว ทริกเกอร์จะทำการซื้อตามที่คุณตั้งค่าไว้ ส่วนลิมิตราคาราคาสูงสุดที่คุณยินดีจ่ายเพื่อซื้อเข้ามา คำสั่งซื้อจะถูกเติมเต็มก็ต่อเมื่อราคาตลาดถึงราคาหยุด และจะถูกเติมเต็มที่หรือต่ำกว่าราคาจำกัดเท่านั้น

สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงสำหรับคำสั่ง Buy Stop คือ คำสั่งเหล่านี้อาจมีการคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งหมายความว่าคำสั่งซื้ออาจไม่ได้รับการเติมเต็มที่ราคาหยุดหรือราคาจำกัดที่คุณระบุ แต่จะยังคงได้รับการเติมเต็มภายในพารามิเตอร์เหล่านั้น Slippage มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่มีความผันผวนสูง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงสิ่งนี้ในกลยุทธ์การเทรด

โดยรวมแล้ว คำสั่ง Buy Stop มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งในเวลาที่เหมาะสม และต้องการป้องกันการเคลื่อนไหวกลับหัวในตลาด การตั้งราคาจำกัดไว้ล่วงหน้า คุณจะมั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ต้องจ่ายเงินมากเกินไปสำหรับคู่สกุลเงิน

ออเดอร์แบบมีเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ใช้บ่อยในการเทรด
คำสั่งประเภทอื่นๆ ในการเทรด ได้แก่ คำสั่ง Sell Stop คำสั่ง Buy Limit และคำสั่ง Sell Limit

คำสั่ง Sell Stop

คือคำสั่งขายที่ราคาเฉพาะหรือต่ำกว่า คำสั่งประเภทนี้มักใช้เพื่อป้องกันการขาดทุนในกรณีที่ราคาตลาดตกลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด

คำสั่ง Buy Limit

คำสั่งซื้อที่ราคาเฉพาะหรือสูงกว่า คำสั่งประเภทนี้มักใช้เพื่อใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวย หรือเพื่อป้องกันการสูญเสียในกรณีที่ราคาตลาดสูงขึ้นเกินระดับที่กำหนด

คำสั่ง Sell Limit
คำสั่งขายในราคาที่กำหนดหรือสูงกว่า โดยทั่วไปคำสั่งประเภทนี้จะใช้เพื่อทำกำไรเมื่อราคาตลาดถึงระดับหนึ่ง

นอกจากคำสั่งประเภทข้างต้นแล้ว ยังมีคำสั่งประเภทอื่น ๆ เช่น คำสั่งตลาด คำสั่งหยุดการขาดทุน และคำสั่งหยุดการต่อท้าย คำสั่งทั้งหมดนี้สามารถใช้ในการเทรด FOREX เพื่อให้ได้กลยุทธ์การเทรดที่แตกต่างกัน

บทส่งท้าย
คำสั่ง Buy Stop จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มผลกำไรสูงสุดในตลาดการลงทุนด้วยการรวมคำสั่งหยุดและคำสั่งจำกัดสองประเภทเข้าด้วยกันเป็นคำสั่งเดียว คุณจะสามารถควบคุมการซื้อขายได้มากขึ้นโดยการตั้งค่าทั้งราคาเปิดใช้และระดับกำไรเป้าหมาย ด้วยความยืดหยุ่นประเภทนี้ คำสั่ง Buy Stop จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน
#93
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 03, 2024, 07:06:27 ก่อนเที่ยง
Buy : GBPJPY
จุดเข้า : ตอนนี้

TP : 191.750

SL : 189.700
#94
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 03, 2024, 12:17:24 ก่อนเที่ยง
#95
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - เมษายน 03, 2024, 12:05:46 ก่อนเที่ยง
EURCAD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily ราคาสร้างรูปแบบที่บ่งบอกถึงโอกาสที่จะกลับตัวขึ้นอย่าง Bullish QM Pattern
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Fibonacci Retracement Zone เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

GBPCAD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Fibonacci Retracement Zone เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

NZDUSD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า อีกทั้งราคายังเคลื่อนที่อยู่ภายในกรอบ Downtrend Channel จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคามีทีท่าว่ากำลังจะดีดตัวกลับขึ้นมาโดยที่ด้านบนของราคามี Resistance  รออยู่ เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะขึ้นมาทดสอบแล้วกลับตัวลงต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวลงเพื่อเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#96
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 02, 2024, 11:39:03 หลังเที่ยง
#97
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / เทคนิค การเทรด Forex ทำกำไรด้ว...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - เมษายน 02, 2024, 01:14:06 หลังเที่ยง
กลยุทธ์การเทรดอีกอย่างที่ถือว่าเรียนรู้และง่ายต่อการนำไปเทรด เพราะเป็นแค่การอ่านและทำความเข้าใจเรื่องของ วอลลูมที่เพิ่มขึ้นในช่วงตอนเปิดตลาดลอนดอนเป็นหลักคือ London Breakout ด้วยการดูว่าเมื่อเปิดตลาดช่วงลอนดอนมา 1-3 ชั่วโมงแรกเกิดการ Breakout ของช่วงตลาดที่เปิดมาแต่เช้าก่อนหรือเปล่า ถ้าเกิดก็ให้เทรดทางนั้นเป็นหลัก ซึ่งอาจมีผลมาถึงช่วงตลาดอเมริกาเปิดด้วย

เข้าใจช่วงตลาดก่อน

You cannot view this attachment.

ตลาดประกอบด้วย 4 ช่วงหลัก คือ Sydney, Tokyo, London และ New York หรืออาจเรียกช่วงรวมกันระหว่าง Sydne และ Tokyo เป็นช่วง Asia ก็ได้ ก็จะเหลือแค่ 3 ช่วงหลักๆ คือ ช่วงเอเชีย (Sydney + Tokyo) ช่วงยุโรป (London) และช่วงอเมริกา (New York) เมื่อดูชาร์ตที่ประกอบด้วยช่วงตลาด ท่านจะเห็นว่าแต่ละวันส่วนมากช่วงตลาดเอเชียราคาจะ sideway เป็นหลัก ยกเว้นมีข่าวเป็นบางวัน เพราะตลาดการเงินหลักของโลกอยู่ที่ยุโรปและอเมริกา ดังนั้นเมื่อช่วงตลาด London หรือช่วงตลาดยุโรปเปิดขึ้นมา มักจะมี volatility เพิ่มขึ้นทันที ทำให้ volume เริ่มเพิ่มขึ้น ก็เลยเป็นโอกาสที่เทรดเดอร์เห็นความเพิ่มขึ้นของ volatility ที่เริ่มเกิดขึ้น ถ้าเป็น Breakout ช่วงก่อนหรือช่วง Asia มักจะเปิดโอกาสให้เทรดตาม Breakout ทางที่เกิดขึ้นนั้นๆ เป็นการเทรดแบบง่าย ด้วยการดู 1-3 ชั่วโมงแรกของช่วงตลาดลอนดอนว่าได้มี Breakout เกิดขึ้นหรือไม่ ส่วนมากก็จะเทรดคู่พวก GBP เช่น GBPUSD GBPJPY GBPAUD EURGBP เป็นต้น แต่คู่อื่นๆ เช่น EURUSD ก็เทรดได้เช่นกัน

Timeframe ไหนเหมาะสำหรับเทรด London Breakout

รอให้ช่วงตลาด Asia ปิดก่อน เมื่อตลาดลอนดอนเปิด ดูว่า 1-3 ชั่วโมงแรก แค่ดูเรื่องของ price action และเข้าใจเรื่องของ Breakout ว่าราคาเบรคกรอบช่วงแรกของวันหรือช่วงตลาด Asia ไปทางไหน อาจมองได้ว่าช่วง Asia เป็นกรอบแนวรับ-แนวต้านก็ว่าได้ เมื่อราคาเบรคทางไหนก็หาโอกาสเทรดตาม เทรดไปทางนั้นๆ เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องของ timeframe ที่ใช้ในการกำหนด Breakout แนะนำให้ใช้ H1 เป็นหลัก เพราะถ้าเป็น H4 หรือ D1 ก็จะใหญ่เกินสำหรับการหารายละเอียด แต่ก็ควรจะใช้เพื่อกำหนดกรอบเทรนระยะยาวด้วย  แต่ถ้าเป็น M15 หรือ M30 ข้อมูลอาจน้อยไปสำหรับการกำหนดเทรน เลยแนะนำให้ใช้ชาร์ต H1 เป็นหลัก แต่ท่านอาจใช้ multi-timeframe analysis ประกอบเพื่อมองภาพรวมและจุดที่เข้าได้อย่างชัดเจน

เทรด London Breakout อย่างไร

You cannot view this attachment.

วิธีการหลักสำหรับเทรด London Breakout คือการเทรด Breakout นั่นเอง ใช้ช่วงเวลาตลาดเข้ามาเป็นตัวกำหนดว่าเกิด Breakout ทางไหนในช่วง 1-3 ชั่วโมงแรกหรือไม่ เมื่อตลาดลอนดอนเปิดมา ดังนั้นอาจบอกว่า กรอบราคาที่เกิดก่อนช่วง Asia เป็นกรอบแนวรับ-แนวต้านไปในตัวก็ว่าได้ ดังนั้นการเปิดเทรดเมื่อเห็นราคาเบรคกรอบแนวรับ-แนวต้านหลักๆ ที่กลยุทธ์นี้เป็นที่สนใจเพราะเรื่องของ volatility ที่เกิดขึ้นเมื่อตลาดยุโรปเปิดขึ้นมา โดยการเทรดสามารถใช้ได้กับหลายคู่เงินไม่ใช่แค่ GBP เท่านั้น อาจเป็น EURUSD หรือ USDJPY ได้ด้วย โดยให้เปิดชาร์ต H1 ขึ้นมาเป็นหลัก เพราะโอกาสเทรดสำหรับเทรดเดอร์ คือ 1-3 ชั่วโมงแรก ก็จะดูได้ง่ายและเห็นเทรนชัดเจนพอ  เช่นตัวอย่างภาพด้านบนเป็นคู่เงิน EURUSD เมื่อเราเปิดด้วยชาร์ต H1 ก็จะเห็นชัดว่า 1-3 ชั่วโมงแรกที่ต้องการโฟกัส และอาจมีการวิเคราะห์ต่าง timeframe ประกอบเพื่อภาพรวม เมื่อราคาเบรคไปทางไหน อย่างในภาพเป็นการเบรคลงมา จากนั้นเมื่อมอง price action ท่านจะเห็นว่าจะทำเทรนไปทางนั้นทั้งวัน แม้ช่วงตลาดอเมริกาหรือ New York เปิดมา หลักการในการเปิดเทรดคือเมื่อเห็นราคาเบรคก็เปิดเทรดได้เลย หรือบางทีอาจมีการกลับมาเทสอย่างรวดเร็วก็เปิดโอกาสให้เทรดได้ เนื่องจากการเทรดอิง Breakout ที่คาดว่าจะเกิดแต่ละวัน ดังนั้นกลยุทธ์การเทรดจะเน้นปิด position ที่เปิดภาพวันนั้นๆ เป็นหลัก

การเปิดเทรดก็เหมือนหลักการเทรด Breakout ทั่วๆ ไปคือการใช้ stop orders เช่น ถ้าราคาเบรคขึ้นบนก็เป็น buy stop orders ถ้าราคาเบรคลงล่างก็ใช้ sell stop orders และยังจะได้พวก stop loss orders จากเทรดเดอร์ที่เปิดเทรดช่วงก่อนหรือช่วง Asia มาเป็นตัวเร่งด้วย หรืออาจใช้เรื่องของ trailing stop มาช่วยก็ได้ แต่ต้องมีการกำหนด pips ขั้นต่ำ แต่ต้องระวังเพราะอาจโดนล่า stop ก่อนก็ได้ เพราะเรื่องของ volatility ที่เกิดขึ้นก่อนที่ราคาจะไปทาง Breakout จริงๆ ส่วนเรื่องของการปิดหรือทำกำไร หลักการเบื้องต้นคือปิดเมื่อช่วงตลาด London ปิด แต่ถ้าท่านเข้าใจหลักการ การส่งต่อออเดอร์ และเทรดเดอร์ที่ถือ positions อยู่ในตลาด แนะนำให้ใช้ price level ที่เคยเกิดเป็นตัวกำหนดแทน

การส่งต่อออเดอร์ของแต่ละวัน

You cannot view this attachment.

การที่จะเทรดเรื่องของ London breakout ได้ดี ท่านต้องเข้าใจความต่อเนื่องของออเดอร์ที่ส่งต่อกันระหว่างวัน เพราะว่าในการเปิดเทรดนั้น ขาใหญ่ไม่ได้เปิดเทรดทางเดียวแล้วดันราคาไปต่อเลยจนจบ มีการปิดกำไรเพื่อสะสม หรือมีการปั่นราคาเพื่อหาโอกาสเข้าเทรดอีกรอบ นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาชำนาญ เราต้องดู price structure ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน โดยเฉพาะที่เกิดช่วง London และ New York เป็นช่วงตลาดการเงินหลักของโลก ดูว่าช่วง Asia โต้ตอบกับ price level ที่เกิด 2 ช่วงนั้นในวันก่อนอย่างไรต่อเนื่องกัน ก็จะมองออกง่ายว่าท่านจะเทรด London Breakout ทางไหนดี ด้วยการมองย้อนกลับมา เช่นการมอง ให้มองวันที่ 3 ก่อน ดูการ rejection ที่เกิดระหว่างช่วง London และ New York โดยเฉพาะที่ 2 ช่วงยังเปิดอยู่ สัมพันธ์กับวันที่ 2 อย่างไร วันที่ 2 สัมพันธ์กับวันที่ 1 อย่างไร จะเห็นว่าช่วง Asia ของวันที่กำหนดเทรด London Breakout เป็นแค่ช่วงพักหรือ sideway แต่ยังอยู่ในอิทธพลของวันที่ 3 อย่างชัดเจน และวันที่ 3 ที่ราคาลงมาเทส support ของวันที่ 2 ราคาก็ไม่สามารถเอาชนะ swap level หรือ resistance ที่เปิดเผยวันที่ 2 และมีการเทสอีกรอบวันที่ 3 ได้ เมื่ออ่านความต่อเนื่องพวกนี้เป็น แล้วมี London Breakout เกิดขึ้นสัมพันธ์กัน ท่านจะกล้าปล่อยกำไรให้ยาวด้วยความมั่นใจได้ เพราะความเป็นไปได้สูงอยู่ข้างที่ท่านเปิดเทรด
#98
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - เมษายน 02, 2024, 12:01:12 ก่อนเที่ยง
EURGBP
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily ราคาร่วงลงมาหยุดที่ Major Support แล้วจากนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้เปลี่ยนจากขาลงมาอยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Fibonacci Retracement Zone แล้วมีแรงซื้อกลับเข้ามา จากภาพดังกล่าวทำให้มองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นจากบริเวณนี้ มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

AUDCHF
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily ราคาสร้างรูปแบบสามเหลี่ยม Descending Triangle จากนั้นราคาได้ทะลุขึ้นมาปิดอยู่ด้านบนของกรอบสามเหลี่ยม รวมไปถึง Resistance จากสวิงไฮก่อนหน้า เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารูปแบบสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะขึ้น มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

EURNZD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Major Support แล้วราคามีการทดสอบอยู่ 2 ครั้ง จากนั้นมีแรงซื้อกลับเข้ามาจนเกิดเป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นอย่าง Double Bottom
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาเพิ่งจะทะลุขึ้นมาทำสวิงไฮใหม่ยกตัวสูงขึ้นอยู่เหนือ Resistance ถือเป็นสัญญาณยืนยันการไปต่อของรูปแบบกลับตัวที่เกิด มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#99
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / SIMPLE MOVING AVERAGE 50 อินดิ...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - เมษายน 01, 2024, 12:32:33 หลังเที่ยง
Moving Average เป็นอินดิเคเตอร์พื้นฐานที่เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการการเทรด ทั้งหุ้น Crypto หรือแม้แต่ Forex ก็ล้วนใช้ Moving Average ในการวิเคราะห์แนวโน้ม ดูแนวรับ-แนวต้าน รวมไปถึงการหาจุดเข้า เนื่องจากว่า MA เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ง่าย และสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายมาก ๆ อีกทั้ง ยังมีประสิทธิภาพสูง โดยในบทความนี้ เราจะพามารู้จักกับ Moving Average ว่าคืออะไร มีลักษณะการใช้งาน และข้อดีข้อเสียอย่างไร

 

Moving Average คืออะไร?
Moving Average (MA) คือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ที่ใช้ข้อมูลราคาย้อนหลังมาคำนวณ เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ในการบ่งบอกแนวโน้มของตลาดว่า จะเป็นแนวโน้มขาขึ้น หรือขาลง ซึ่ง MA สามารถใช้เป็นแนวรับ-แนวต้านได้เช่นกัน และ MA จะใช้ไม่ได้ในช่วงที่ตลาดเป็น Sideway เนื่องจากว่าเส้น MA ที่ใช้บ่งบอกแนวโน้มจะพันกันไปมา จนไม่สามารถบอกแนวโน้มได้ โดยในปัจจุบัน Moving Average ได้ถูกพัฒนา และแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ เช่น Simple Moving Average (SMA), Exponential Moving Average (EMA) และ Weighted Moving Average (WMA) เป็นต้น

 

รูปแบบที่สำคัญของ Moving Average
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Moving Average ได้มีการพัฒนาต่อยอดมาจนมีหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่เทรดเดอร์นิยมใช้ และเห็นกันได้ทั่วไปจะมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก ได้แก่

 

1. Simple Moving Average (SMA)

You cannot view this attachment.

คือ เส้นค่าเฉลี่ยที่มีการคำนวณในลักษณะที่ให้ความสำคัญกับตัวแปรเท่ากันทั้งหมด ส่งผลให้ความไวต่อการตอบสนองการเคลื่อนไหวของราคาค่อนข้างที่จะช้า และห่างจากราคา

 

2. Weighted Moving Average (WMA)

You cannot view this attachment.

คือ เส้นค่าเฉลี่ยที่ต่อยอดมาจาก SMA จากการนำวิธีการทางสถิติมาปรับใช้ เพื่อให้ WMA มีการตอบสนองต่อราคาที่ไวมากขึ้น โดยจะให้เน้นน้ำหนักไปที่ข้อมูลล่าสุด ทำให้เส้นมีการขยับเข้าใกล้ราคามากกว่า SMA

 

3. Exponential Moving Average (EMA)

You cannot view this attachment.

คือ เส้นค่าเฉลี่ยที่มีการคำนวณในลักษณะที่ให้ความสำคัญกับตัวแปรตัวสุดท้าย ส่งผลให้เส้นค่าเฉลี่ย EMA นี้ มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ค่อนมาก โดย EMA เป็นฉบับปรับปรุงต่อจาก SMA อีกอัน ที่พยายามแก้ไขจุดบกพร่องที่ให้ความสำคัญของข้อมูลที่เท่ากัน

 

หากสงสัยว่า MA ประเภทไหนดีที่สุด คำตอบคือ ไม่มีตัวไหนดีที่สุด แต่หากจะให้จัดลำดับความนิยมก็คงให้ EMA เป็นที่หนึ่ง เนื่องจากว่าเป็นเส้นที่มีความไวต่อการเคลื่อนของราคามากที่สุด และยังเป็นที่นิยมมากที่สุดใน 3 ประเภทอีกด้วย ส่วน SMA จะรองลงมา และ MA ที่คนใช้น้อยที่สุด คือ WMA แต่อย่างไรก็ดี บางประเภทก็อาจจะดีกว่ากันในบางสถานการณ์ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความชอบ

 

วิธีการอ่านแนวโน้มของ Moving Average
สัญญาณฝั่งขาขึ้น (Buy Signal)

You cannot view this attachment.

หากเส้น Moving Average อยู่ใต้ราคาตามรูปข้างต้น แสดงว่า ราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Up Trend) และเส้น Moving Average มีสถานะเป็นแนวรับ ซึ่งหากราคามีการเบรกทะลุเส้นแนวรับลงมาได้ แสดงว่า มีการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ

 

สัญญาณฝั่งขาลง (Sell Signal)

You cannot view this attachment.

หากเส้น Moving Average อยู่เหนือราคาตามรูปข้างต้น แสดงว่า ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง (Down Trend) และเส้น Moving Average มีสถานะเป็นแนวต้าน ซึ่งหากราคามีการเบรกทะลุเส้นแนวต้านขึ้นไปได้ แสดงว่า มีการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ

 

กลยุทธ์การเทรด Moving Average
การใช้งาน Moving Average มีอยู่หลายวิธีการ ซึ่งการเทรดด้วย MA นั้น สามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลายอินดิเคเตอร์ แต่วิธีที่จะนำมาบอกนั้น ถือเป็นวิธีที่ใช้ง่าย และมีประสิทธิภาพสูง โดยจะมี 2 วิธี ดังนี้

 

1. MA Crossover

You cannot view this attachment.

เป็นการนำเส้น MA 2 เส้นมาใช้ในการวิเคราะห์รวมกัน ระหว่างเส้น MA ที่มี Length ขนาด 9 กับ 21 มารวมกัน โดยกลยุทธ์นี้มีธีการใช้ คือ หากเส้น MA มีการตัดกันจะเป็นการบ่งบอกถึงสัญญาณการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของราคา ซึ่งหากเส้น MA 9 (เส้นสีเหลือง) ตัดกันกับเส้น MA 21 (เส้นสีฟ้า) โดยทั้ง 2 เส้นอยู่ใต้กราฟ แสดงว่า ราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าหากทั้ง 2 เส้น ตัดกันแล้วไปอยู่เหนือกราฟ แสดงว่า ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง และถ้าหากทั้ง 2 เส้นตัดกันไปมาอยู่ตรงกลางของราคา แสดงว่า ราคาอยู่ในช่วงที่ไม่มีแนวโน้ม หรือ Sideway นั่นเอง โดยทั้ง 2 เส้น สามารถที่จะเป็นแนวรับ-แนวต้านได้ สังเกตจากการที่ราคาวิ่งไปแตะที่เส้นใดเส้นหนึ่งแล้วมีการดีดตัวกลับ

 

2. EMA 20/50/100

You cannot view this attachment.

กลยุทธ์นี้จะคล้ายกับ MA Crossover เนื่องจากว่ามีพื้นฐานเดียวกัน แต่เป็นนำเส้น EMA มาใช้ทั้งหมด 3 เส้น เพื่อวิเคราะห์แนวรับ แนวต้าน และจุดกลับตัว โดยจะประกอบไปด้วย EMA 20 / 50 / 100 โดยเส้น 20 กับ 50 จะใช้ในการดูการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของราคา และแนวรับ-แนวต้านย่อย ส่วนเส้น EMA 100 ใช้ยืนยันการกลับตัวของแนวโน้ม และเป็นแนวรับ-แนวต้านหลัก โดยจะมีวิธีการสังเกต ดังนี้

 

การสังเกตการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของ EMA 20/50/100

You cannot view this attachment.

ที่ผ่านมาราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง สังเกตได้จากที่เส้น EMA ทั้ง 3 เส้น เรียงกันอยู่ข้างบนราคา แต่เมื่อถึงช่วงราคาปัจจุบัน เส้น EMA 20 และ 50 ได้มีการตัดกัน ถือเป็นสัญญาณแรกของการเปลี่ยนแนวโน้ม แต่ยังไม่สามารถที่จะยืนยันได้ 100% ว่าจะมีการเปลี่ยนแนวโน้ม เนื่องจากสัญญาณยังไม่เพียงพอ อาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้

You cannot view this attachment.

ในภาพนี้ คือ สัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มที่สมบูรณ์ สังเกตจากการที่เส้น EMA ทั้ง 3 ได้เรียงตัวกันอยู่ใต้ราคา ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า เป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว โดยเทรดเดอร์จะสามารถหาจุดเข้าได้จากการย่อตัวของราคาลงมาบริเวณเส้น EMA 20 หรือ 50 แต่หากว่าราคาสามารถที่จะทะลุเส้น EMA 50 ไปได้ แนะนำให้รอการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของราคาที่แน่นอนก่อน

 
ข้อดี-ข้อเสียของ Moving Average
ข้อดีของ Moving Average
- เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
- บ่งบอกการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม และเป็นแนวรับ-แนวต้านได้ดี
- สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายแบบ และสามารถใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสียของ Moving Average
- ไม่สามารถใช้งานได้ในภาวะตลาดที่เป็น Sideway
 
สรุป
Moving Average เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ดูแนวโน้ม และแนวรับ-แนวต้านที่ง่ายที่สุด ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่หัดเทรดเป็นอย่างมาก สามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย และมีประสิทธิภาพ แต่จะมีจุดอ่อนที่สำคัญ คือ มันไม่สามารถใช้งานได้ในภาวะตลาด Sideway หรือช่วงที่ไม่มีแนวโน้ม โดย Moving Average มีอยู่ 3 ประเภท คือ EMA SMA และ WMA ซึ่ง EMA จะเป็นประเภทที่นิยมที่สุด เนื่องจากว่ามีความไวต่อการเคลื่อนที่ของราคามากที่สุด อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้ได้ตามที่ชอบ เนื่องจากว่าไม่มีอินดิเคเตอร์ไหนดีที่สุดหรือแม่นยำที่สุด แต่อยู่ที่เทคนิคของแต่ละบุคคล
#100
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 01, 2024, 03:44:21 ก่อนเที่ยง