ข่าว:

กระทู้ล่าสุด

#11
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 22, 2024, 02:30:02 หลังเที่ยง
Buy XAUUSD 2333
Limit 2329-31
Tp 2337
Tp 2340
Tp 2343
Tp 2346
Tp 2350
Tp 2354
Tp 2358
Tp 2364
Tp 2370
Tp 2376
Sl 2328
#12
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / trading pressure คืออะไร Selli...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - เมษายน 22, 2024, 01:38:24 ก่อนเที่ยง
แท่งเทียนเป็นส่วนสำคัญของการอ่าน price action ที่เกิดขึ้น อ่านบาร์ต่อบาร์แล้วอ่านเป็นภาพใหญ่ขึ้นเป็น price structure แล้วก็อ่านที่เปิดเผยตรงจุดต่างๆ ที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อกำหนดสำหรับ trade setup เข้าเทรดตอนราคากลับมาหา แนวรับ-แนวต้าน หรือ supply/demand การอ่านความหมายโดยเฉพาะเรื่องของ trading pressure หรือความกดดันการเทรดจากฝ่ายไหน ที่แท่งเทียนเปิดเผยออกมามีผลต่อการกำหนดความเป็นไปได้สูงแต่ละ trade setup

Trading pressure ต่างจากแท่งเทียน Bullish หรือ Bearish

You cannot view this attachment.

ส่วนประกอบหลักของแต่ละแท่งเทียนคือ ราคาเปิด ราคาสูง ราคาต่ำ และราคาปิด (Open High Low Close = OHLC) โดยหลักการทั่วๆ ไปก็จะบอกว่า แท่งเทียนบอกถึงการสู้กันระหว่าง Sellers และ Buyers ในช่วงเวลาแต่ละแท่งเทียนที่กำหนด เช่น M30 H1 หรือ H4  ที่บอกว่าข้างไหนชนะตอนจบ ข้างไหนแพ้ ด้วยการเปรียบเทียบเบื้องต้นแค่ราคาเปิดและราคาปิด โดยส่วนความยาวของ Body แท่งเทียน (Body ของแท่งเทียนคือ ระยะห่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด) และส่วนหางของแท่งเทียนหรือ shadow หรือ wick ที่บอกถึง traidng pressure ว่าเป็น selling pressure หรือ buying pressure ว่าอยู่ข้างไหนของแท่งเทียน  ดังนั้นการตีความหมายเรื่อง tradng pressure สำคัญกว่าแค่บอกว่าเป็น Bullish candlestick หรือ Bearish candlestick เพราะราคาบอกว่าตลาดกำลังบอกอะไรอยู่ เพราะราคาไม่รู้จักแท่งเทียน ดังนั้นต้องอ่านแท่งเทียนด้วยการอ่าน trading pressure ประกอบ โดยเฉพาะอ่านต่อเนื่องกัน ก็จะบอกปริบทที่เกิดขึ้นว่าเป็นแบบที่ต้องการเห็นสำหรับ trade setup หรือการเข้าเทรดหรือเปล่า ดังนั้น แท่งเทียนที่เป็น Bullish candlestick มีความหมายเป็น Bearish ได้ หรือในทางกลับกัน แท่งเทียน Bearish candlestick มีความหมายเป็น Bullish ได้

ส่วนสำคัญ trading pressure

ส่วนสำคัญที่บอกถึง trading pressure มาจากขนาดความยาวของแท่งเทียน และส่วนของหางแท่งเทียน เช่นอย่างที่แท่งเทียนเลข 1 เมื่อดูที่แท่งเทียนจะเห็นว่าเป็น Bullish candlestick เพราะราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แต่ท่านจะว่าขนาดของแท่งเทียนจะยาว แต่ส่วนของ Body คือระยะห่างราคาเปิดและราคาปิดน้อยมาก และยังมีหางบาร์หรือ wick ยาวด้วย แท่งเทียนที่เปิดขึ้นบอกถึงช่วงระยะที่มีการเทรดเกิดขึ้น ท่านจะเห็นว่าแม้ว่าแท่งเทียนนี้เป็น Bullish candlestick แต่พอราคาขึ้นไปทำ High ราคาเจอ resistance และดันราคาลงมามาก เมื่อเทียบสัดส่วนของแท่งเทียน ส่วนของ Body และหาง หางบาร์บอกว่าฝ่ายไหน dominant หรือมีบทบาทสำคัญมากกว่ากัน ดังนั้น Bullish candlestick นี้เมื่อตีความหมายถือว่าเป็นสัญญาณ หรือให้ข้อมูลว่าเป็น Bearish นั่นคือวิธีการบอกถึง trading pressure ที่เกิดขึ้นแต่และแท่งเทียน ดังนั้นการตีความตามตรรกะที่อธิบายมาก็จะเป็นดังนี้

แท่งเทียนเลข 1 – มีหางแท่งเทียนด้านบนยาว บอกว่ามี selling pressure มาก แท่งเทียนนี้หมายความว่า ราคาเปิดและดันขึ้นไปสูง ขึ้นไปได้ด้วย buyers  แต่จากนั้นพอราคาสูงสุดมี sellers เข้ามาและดันราคากลับลงมา

แท่งเทียนเลข 2 – มีหางบาร์ด้านล่างยาว บอกว่ามี buying pressure มาก แท่งเทียนนี้หมายความว่า ฝ่าย sellers ดันราคาลงมา แต่แล้ว buyers เข้ามาและสามารถดันราคากลับขึ้นมาได้

แท่งเทียนที่ 3 ดูข้างที่มีหางสั้นหรือน้อยบ้าง แท่งเทียนนี้บอกถึงมี buying pressure น้อยมาก เมื่อเทียบกับอีกข้าง

แท่งเทียนที่ 4 จะเห็นว่ามีหางบาร์น้อยทางด้านบน บอกถึง selling pressure น้อยมากเช่นกัน


ส่วนความยาวของ Body หรือระยะห่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด ถ้ายิ่งยาวมาก ยิ่งบอกถึง momentum หรือการเทรดทางใดทางหนึ่งทางที่ราคาปิดได้ ส่วนขนาด Body ที่สั้นบอกถึงการเคลื่อนไหวราคาไม่ห่างกันมาก เลยบอกถึง buying หรือ selling pressure ที่น้อยกว่า บอกถึง momentum ที่ลดลง

การใช้ trading pressure กับการเทรด

จากที่อธิบายมาเป็นการมองจากแท่งเทียนเดียวเป็นหลัก แต่การอ่านหลายๆ บาร์ประกอบกันสำคัญกว่า เพราะบอกถึงว่าการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็น bullish หรือ bearish แข็งหรืออ่อนขนาดไหน มากพอที่จะดันทางทางนั้นๆ หรือเปล่า เพราะการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการอ่านแท่งเทียนต่อเนื่องกัน บอกถึงว่า Bull หรือ Bear เป็นอย่างไร  หรือบอกถึง Momentum ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรนั่นเอง อย่างแรกที่เห็นการใช้ traidng pressure ในการเทรดคือการเทรดที่จุดแนวรับ-แนวต้าน หรือ supply/demand เมื่อราคากลับมาหลังบอกว่าราคาเกิด trading pressure ทางที่เป็น key level นั้นๆ หรือเปล่า ยิ่ง trading pressure มากยิ่งเป็นสัญญาณที่สนับสนุนในการเปิดเทรด

You cannot view this attachment.

อย่างภาพประกอบจะเห็นว่าราคาวิ่งเข้าหา resistance ด้านบน ดูตรงที่ลูกศรสีแดง ขนาดแท่งเทียนสั้น บอกถึง momentum ที่ลดลงไปเพราะราคาวิ่งเข้าหาแนวต้านที่บอกว่ามีการกำหนด sell limit orders ไว้ตามขั้นตอนเพื่อหยุด หรือชะลอ momentum ที่เกิดขึ้น อาจเห็นแท่งเทียนยาวๆ ที่เบรคขึ้นไปหา resistance เป็นเรื่องของการเร่งราคาขึ้นไปเพื่อ liquidiy ที่ต้องการเข้าเทรดด้านบน หลักการพื้นๆ ถ้ามองจากรูปแบบในการเทรด พวกแนวรับ-แนวต้านเมื่อเห็นราคาเด้งออกจากแรงๆ จากพื้นที่พวกนั้นบอกว่า trading pressure เกิดขึ้นสัมพันธ์กับแนวรับ-แนวต้าน เช่นอย่างด้านบนราคาวิ่งไปหา แนวต้าน ราคาเด้งที่เห็นจุดๆ ที่สะท้อน selling pressure ชัดเจน 2 แท่งเทียนที่พื้นที่เดียวกัน หลังจากที่ราคาขึ้นไปบอก momentum ทางด้าน buy ลดลงด้วย จะเห็นว่าพอราคาได้เบรคลงมาที่เอาชนะแนวรับใกล้ เลยเกิดสัญญาณในการเปิดเทรด sell ที่ชัดเจนทันที จะเห็นว่าการอ่านแท่งเทียนหา trading pressure เพื่อประกอบการเทรด อย่างกรณีที่ยกมา ต้องดูโครงสร้างและปริบทประกอบ ค่อยจะตีความหมายของการเคลื่อนไหวของราคาได้แม่น ไม่ใช่แค่อ่านความหมายจากแท่งเทียนเดียว  เพราะการอ่านแท่งเทียนอย่างเดียว อาจตีความหมายผิดได้ นำไปสู่การเทรดผิดทางได้ เพราะ trading pressure ที่เกิดตรงส่วนที่หางแท่งเทียนหรือ wick ต้องไม่ลืมว่านอกจาก trading pressure ที่เกิดขึ้น ยังเป็นการลด Limit orders ที่พื้นที่ที่เกิดหางแท่งเทียนหรือ trading pressure ด้วย เลยต้องใช้ trading pressure ให้เป็นว่าตีความเป็น trading pressure เพื่อเทรดกับการ Key levels  หรือการซึมซับออเดอร์ แล้วไปต่อทางที่เกิดหางแท่งเทียนได้ง่าย

You cannot view this attachment.

ตัวอย่าง ดูจุดแรก ถ้าตีความจากแท่งเทียนอย่างเดียวว่าเป็น selling pressure จะพลาดได้ ดูแท่งเทียนต่อมา ไม่ได้สนับสนุนการเคลื่อนไหว แม้ว่าตรงส่วนของ Body แท่งเทียนก่อนเกิดจะสั้นและต่อเนื่องกัน บอกถึง Momentum ที่ลดลงไป แต่ขณะเดียวกัน บอกว่า sellers ไม่สามารถดันลงมาได้ด้วยบอกถึง weakness ของฝ่ายนั้น
นี่คือการการตีความ trading pressure จากแท่งเทียนสำคัญต่อการเทรดอย่างไร สำคัญต้องอ่านปริบทหรือแท่งเทียนต่อเนื่องกัน และให้เข้ากับโครงสร้างที่ต้องการเปิดเทรด เพราะการอ่านต่อเนื่องกันบอกถึงการเคลื่อนไหวของฝ่าย sellers หรือฝ่าย buyers เป็นอย่างไร บอกถึง momentum ที่เกิดขึ้นว่ามากหรือลดลง เมื่อเกิด trading pressure ที่จุดที่คาด เช่น แนวรับ-แนวต้าน ว่าสัมพันธ์กันหมดหรือเปล่า
#13
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - เมษายน 22, 2024, 01:09:21 ก่อนเที่ยง
GBPAUD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า อีกทั้งราคายังเคลื่อนที่อยู่ภายในกรอบ Downtrend Channel จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาที่ Resistance Trendline สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement 78.6% แล้วมีแรงขายกลับลงมา จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะลงไปทำสวิงโลวใหม่ต่ำลงตามแนวโน้มเดิมต่อไป มองหาจังหวะเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

GBPCAD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily ราคาสร้างรูปแบบที่บ่งบอกถึงโอกาสที่จะกลับตัวลงอย่าง Head and Shoulder จากนั้นราคาได้ร่วงลงมาปิดอยู่ใต้เส้น Neckline เป็นสัญญาณยืนยันว่ารูปแบบกลับตัวที่เกิดขึ้นสมบูรณ์ จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงตาม Chart Pattern ที่เกิด มองหาจังหวะเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

AUDCHF
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily ราคาสร้างรูปแบบสามเหลี่ยม Descending Triangle จากนั้นราคาได้ทะลุขึ้นมาปิดอยู่ด้านบนของกรอบสามเหลี่ยม เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารูปแบบสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาทดสอบที่กรอบของ Descending Triangle เดิม สัมพันธ์กับระดับ Fibonacci Retracement 61.8% แล้วมีแรงซื้อกลับเข้ามา จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อ มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#14
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - เมษายน 19, 2024, 12:54:55 ก่อนเที่ยง
SILVER
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคาสร้างรูปแบบสามเหลี่ยม Symmetrical Triangle จากนั้นราคาทะลุออกจากด้านล่างของกรอบ Pattern เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารูปแบบสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้นครึ่งนี้บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะลง มองหาจังหวะเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

AUDUSD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาเพิ่งจะทะลุลงมาทำสวิงโลวล่าสุดต่ำลงอยู่ใต้แนวรับ ถือเป็นสัญญาณยืนยันการไปต่อในแนวโน้มขาลง มองหาจังหวะเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#15
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / เทรดสิ่งที่เห็นด้วย Keltner C...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - เมษายน 18, 2024, 01:05:02 หลังเที่ยง
เทรดสิ่งที่เห็นด้วย Keltner Channel

อินดิเคเตอร์อีกตัวที่เป็นที่นิยมกันในการกำหนดเทรนคือ Keltner Channel จะใช้ในการกำหนดและเทรดด้วยหลักการของเทรน เช่นดู Overbought/Oversold เพื่อหาเทรดจุดกลับตัว หรือว่าจะดูว่าเทรนหลักเป็นขาขึ้นหรือขาลงเพื่อเทรดตามเทรนเมื่อราคาลงมาทดสอบเทรน หลักการเสนอก็จะคล้ายๆ กับ Bollinger Bands คือเป็นกรอบเทรนหรือ Trend Channel ให้ดูเทียบกับราคาปัจจุบัน ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ถ้าใช้กับ Market structure ก็ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้เข้ามาอีกระดับหนึ่งสำหรับ Trade setup

Keltner Channel คืออะไร

You cannot view this attachment.

Keltner Channel เป็นอินดิเคเตอร์บอกเรื่องของเทรนหรือ Trend following เป็นหลัก รูปแบบการนำเสนอก็จะคล้ายๆ กับ Bollinger Bands แต่วิธีการในการหาค่าจะต่างกัน [ Keltner ใช้ ATR ในการหาค่า ส่วน Bollinger Bands ใช้ Standard Deviation ] ตัวอินดิเคเตอร์จะเสนอกรอบเทรนหรือ Channel ด้วย 3 เส้น เส้นกลางสำหรับกำหนดเทรนจากการหาค่าจาก EMA 20 ที่กำหนดใน Settings [สามารถเพิ่ม Moving Average กำหนดค่าวิธีการคำนวณเป็น Exponential เป็น 20 เปรียบเทียบได้] ส่วนเส้นด้านบนหาค่าจาก EMA +( 2 x ATR) และเส้นล่างหาค่าจาก EMA – (2 x ATR) เมื่อ 3 เส้นรวมกันก็จะได้กรอบเทรนสำหรับราคา

โดยการกำหนดเทรนจะอิงราคากับเส้นกลางหรือ EMA 20 ถ้าราคาเหนือกว่าเป็นเทรนขึ้น และถ้าราคาต่ำกว่าเป็นเทรนลง ถ้าราคาเริ่มออกจากเส้นกลางเป็นการเริ่มทำเทรนไปทางนั้นๆ ถ้าถึงเส้นบน ถือว่าเทรนไปมากหรือ Overbought ราคาอาจไปต่อแรงช่วงนี้ หรืออาจเด้งกลับมาหาเส้นกลางเพื่อทดสอบเทรนขึ้น การกลับมาเส้นกลางแล้วเด้งออกอีกรอบเป็นโอกาสที่เทรดเดอร์จะได้เทรดตามเทรนขึ้นหรือหลักการเทรด Pullback นั่นเอง และถ้าราคาต่ำกว่าเส้นกลางเป็นเทรนลง หาโอกาส Sell เป็นหลัก ถ้าราคาไปถึงเส้นล่างพื้นที่ Oversold ราคาได้ลงไปเยอะ อาจไปต่อได้อีกอย่างรวดเร็วและอาจเด้งกลับมาทดสอบเทรนที่เส้นกลาง ถ้าราคาหักลงต่อก็จะเป็นโอกาสเปิดเทรดแบบ Pullback สำหรับตามเทรนลง

You cannot view this attachment.

อธิบายแบบง่ายๆ  การตีความเทรนก็จะเห็นได้ชัดเมื่อ Keltner Channel เอียงและการตีความความแคบระหว่างเส้นบนและเส้นล่าง ถ้าห่างน้อยบอกความผันผวนน้อย ถ้าห่างมากบอกความผันผวนมาก เช่นถ้าไม่เอียงไปทางไหน ราคาอยู่ในกรอบหรือ Consolidation ถ้าเอียงขึ้นเป็นเทรนขึ้น ถ้าเอียงลงเป็นเทรนลง  และเนื่องจากกรอบบนและล่างถือว่าเป็นพื้นที่ที่ราคาได้ดันไปเยอะหรือบอกถึง Overbought/Oversold ไปด้วยเลยทำให้เราสามารถเทรดจังหวะเทรนได้ดี และต้องระวังด้วยว่า อย่างกรณีที่เลข 1 และเลข 2 ราคาไปเกิดเส้นบน นอกจากบอก Overbought แล้วว่าราคาอาจเกิด Reversal ได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่เห็นอีกประจำคือ ก็จะเกิด Momentum ได้ดีด้วยเพราะเมื่อเกิด Overbought/Oversold ขึ้นหมายความว่าตอนนั้น Imbalance ออเดอร์อยู่ทางใดทางหนึ่งมาก สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อใช้ Keltner Channel เมื่อมองจากชาร์ตคือเห็นกรอบเทรนว่าตอนนั้นๆ เป็นอย่างไร

Keltner Channel กับ Swing Highs/Lows

หลักการเทรด Keltner Channel คือดูราคาปัจจุบันสัมพันธ์กับ Trend channel อย่างไร แบบเดียวกันกับ Bollinger Bands คือค่าราคาเหนือเส้นกลางถือว่าเป็นเทรนขึ้น เทรดตามตอนราคาย่อตัวมาทดสอบหรือเริ่มออกจาก จนไปถึง เส้นบนให้หาจังหวะปิด พอราคาไปถึงเส้นบน ราคาวิ่งไปเยอะแล้ว Overbought โอกาสที่ราคาจะย่อกลับมาหาเทรนมีสูง ก็ให้ดู Price Action หรือสัญญาณที่บอกการ Rejection แล้วหาโอกาสเทรดสวนเทรนหรือ Reversal ในทางกลับกันสำหรับเทรนลงหรือราคาต่ำกว่าเส้นกลาง แต่ตรงที่เมื่อราคาไปเยอะแล้วถึงเกินพื้นที่ เส้นบนหรือเส้นล่างที่เป็น Overbought/Oversold ราคาอาจไปต่อก็ได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าอินดิเคเตอร์ทำงานอย่างไร Keltner Channel เป็นการกำหนดเทรนด้วยการหาค่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ได้ยืนยันสิ่งที่จะเกิดขึ้นแค่บอกความเป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดขึ้นอย่างไร จากสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านมา ถ้าเราสามารถหาจุดที่ราคาเคยเกิดร่องรอยอะไรบางอย่างไว้ แล้วใช้ข้อมูลจาก Keltner Channel ก็จะเพิ่มความเป็นไปได้มากขึ้น นั่นคือความสำคัญของ Swing highs/lows หรือตัวสร้าง Market structure

You cannot view this attachment.

มองดูชาร์ตอีกรอบด้วยการกำหนด Swing highs/lows คร่าวๆ เข้าไปพื้นที่เรากำหนด Keltner Channel ในการกำหนดกรอบเทรนหรือการเคลื่อนของราคา ดูเลข 1 ราคากลับขึ้นมาเบรคเส้นกลางแล้วดันขึ้นไป ดูจุด Swing high/low ที่ตีประกอบ ราคาโต้ตอบหลายรอบมาก พอราคาไปแตะเส้นบนได้ก็ดันลงมา บอกถึง Reversal สั้นๆ หรือเป็นการทดสอบตอนที่ราคาเบรคขึ้นมาก็ว่าได้  แล้วราคามาหยุดและเด้งอีกที่เส้นกลาง เกิดหางยาวๆ  ที่บอกถึง Buyers เข้ามาจะดันต่อเพราะ buying pressure ตรงเลข 1 มีข้อเสียอย่างเดียวคือ ราคายังไม่เบรคจุด Swing high ด้านบนเท่านั้นเอง แต่เราก็เห็น Build-up หรือกรอบ consolidation แคบๆ ตรงเส้นกลางพอดี บอกถึงแรงอ่อนจาก Sellers ดังนั้นโอกาสที่ราคาจะเบรคขึ้นก็มี

เลข 2 เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ Keltner Channel พร้อมทั้งหลักการ Swing Highs/Lows เพราะราคาลงมาอย่างแรกและเบรคจุด Swing low ก่อนที่เลข 1 ลงไปเกินเส้นล่างของ Keltner บอกถึง Oversold บอกถึงการเปลี่ยนข้างอย่างชัดเจน ราคากลับมาทดสอบ ก่อนที่จะไปที่เลข 2 แต่ราคาไม่ลงไปทำ New Low ใหม่ได้ ดันกลับมาเบรคเส้นกลาง เปลี่ยนจากมุมมองเทรนลงเป็นเทรนขึ้นถ้ามองจากมุม Keltner Channel แต่พอราคาดันมาถึงพื้นที่ Swing ก่อนที่ราคาจะเบรคลงไป เป็นราคาเด้งออกจากพื้นที่เส้นบนพอดี บอกถึง Overbought โอกาสที่จะเกิด Reversal เป็นไปได้ พอราคาต่ำกว่าเส้นกลางเปลี่ยนเทรนลงอีกรอบ ก็เป็นโอกาสเปิดเทรด Sell ตามเทรน แต่ถ้าท่านเห็นราคาเด้งหรือ Rejection ที่ตรง Swing ที่โดนเบรคไปและพื้นที่เส้นบนด้วย ท่านจะเปิดเทรดก่อนเมื่อเห็นราคายืนยันก่อนที่ราคาจะลงไปต่ำกว่าเส้น ที่พื้นที่เลข 4 5 และ 6 ก็เป็นหลักการเดียวกัน

You cannot view this attachment.

อีกวิธีการที่จะใช้ Keltner Channel เข้าเทรดด้วยหลักการของการใช้อินดิเคเตอร์คือ เป็นการวิเคราะห์หลาย timeframe ด้วยค่า Settings เดียวกัน เช่นอย่างภาพประกอบดูที่ H1 และ M15 แล้วดูจุด Swing high/low ประกอบก็จะช่วยในการหาจุดเข้าได้ดี
#16
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - เมษายน 18, 2024, 02:08:01 ก่อนเที่ยง
CHFJPY
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า อีกทั้งราคายังเคลื่อนที่อยู่ภายในกรอบ Downtrend Channel จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาที่ Fibonacci Retracement 78.6% สัมพันธ์กับ Resistance Trendline เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาจังหวะเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

CADCHF
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า อีกทั้งราคายังเคลื่อนที่อยู่ภายในกรอบ Uptrend Channel จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Fibonacci Retracement 50% สัมพันธ์กับ Support Trendline แล้วเกิดสัญญาณแท่งเทียนกลับตัว Bullish Engulfing จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นและไปต่อตามแนวโน้มเดิม มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

NZDCHF
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า อีกทั้งราคายังเคลื่อนที่อยู่ภายในกรอบ Uptrend Channel จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคามีทีท่าว่ากำลังจะย่อตัวกลับลงมาโดยที่ด้านล่างของราคามี Fibonacci Retracement Level 61.8-78.6% สัมพันธ์กับ Support Trendline รออยู่ เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะลงมาทดสอบแล้วกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#17
การวิเคราะห์พื้นฐานเเละข่าว / updateข่าว ประจำวัน
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 18, 2024, 01:06:52 ก่อนเที่ยง
ข่าว วันที่ 18 เมษา 2567
#18
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 18, 2024, 12:58:51 ก่อนเที่ยง
GBPJPY SELL 191.70

🔻 SL 192.50
🔹 TP 189.00
#19
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมษายน 17, 2024, 01:45:49 หลังเที่ยง
sell xauusd 2387
sl 2400 tp 2365
#20
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / กลยุทธ์ Price Action 6 แบบที่ด...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - เมษายน 17, 2024, 03:28:37 ก่อนเที่ยง
ภาพรวมเกี่ยวกับ Price Action Charts

ถ้าคุณเปิดเว็บ บางครั้งมันอาจจะยากในการตัดสินใจเพื่อมองหากราฟในการเทรด คุณจะเห็นกราฟพร้อมกับ Indicator มากมาย และ เทรนด์ไลน์ มันอาจจะดูเหมือนว่าเทรดเดอร์พยายามที่จะเอาชนะความไม่แน่นอน ตัวอย่างเช่น ผมได้คุยกับเทรดเดอร์ที่มีภาพหน้าจอเวลาเทรด อะไรคล้าย ๆ กับภาพข้างล่างนี้

You cannot view this attachment.

Too Many Indicators

ผมเคยเห็นเทรดเดอร์บางคนที่มี indicator อย่างน้อย 4 หรือมากกว่านั้นบนจอ เมื่อคุณเห็นกราฟเหล่านี้ คุณอาจจะหวังว่าเทรดเดอร์จะสามารถปลดปล่อยตัวเองจากจุดนี้

ถ้าเราอาศัยอยู่ในโลกที่เทรดโดยใช้ Price Action เท่านั้นหล่ะ? โลกที่เทรดเดอร์เลือกความง่ายในการดูกราฟ มากกว่าการเลือก Indicator ที่มีความซับซ้อน

ถ้าคุณเอาเครื่องมือรกหูรกตาพวกนั้นออก ที่เหลือมีเพียงราคา คุณจะเห็นรูปแบบต่อไปนี้

You cannot view this attachment.

Price Action Chart

ตอนแรกมันอาจจะดูไม่ค่อยคุ้นถ้าไม่มีเครื่องมือ เหมือนกับชีวิต เราสร้างเครื่องมือช่วยเหลือบนความกังขาของตัวเอง เช่น เทรดกับเครื่องมือตัวโปรดมาหลายปีแล้ว ต่อมามาเทรดด้วยกราฟที่ไม่มีอะไรเลย อาจจะส่งผลกระทบต่อคุณได้

ในบทความนี้ เราจะดูว่า กลยุทธ์ Price Action 6 แบบที่ดีที่สุดมีอะไรบ้าง หมายความว่าต่อไปเราจะดูแค่ราคา ดูการก่อตัวของรูปแบบต่าง ๆ

#1 - Outside Bar ณ จุดแนวรับแนวต้าน

สำหรับใครที่ไม่คุ้นเคยกับ Outside bar ตัวอย่างของ Outside Bar ของตลาดกระทิงจะอยู่ต่ำสุดของวันก่อนหน้า แต่ว่าราคาหุ้นสามารถ เคลื่อนไหวและปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของวันก่อนหน้าได้ ในภาพข้างล่างเป็นตัวอย่างของ Outside Bar สาหรับขาลง ซึ่งตรงข้ามกับที่กล่าวมากับกรณีแรก

You cannot view this attachment.

outside down day

ดังนั้น ไม่ใช่แค่เพียงหา outside candlestick แล้วส่งออเดอร์เท่านั้น ที่คุณเห็นข้างบน คือกราฟ Cambrex (CBM) มันสามารถหา Outside Bar หลังจากเกิดการทะลุเทรนด์ได้ ในกราฟ CBM มีเทรนด์ขาขึ้นเป็นเวลา 3 ชั่วโมงในกราฟ 5 นาที ก่อนที่จะมีการเกิดทะลุเทรนด์ลง

หลังจากการเบรค CBM จะมี outside down day ซึ่งนาไปสู่การ Sell ในช่วงตอนบ่าย.

#2 – การดีดกลับที่แนวรับ

Spring at Support

การดีดกลับเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นทดสอบกรอบราคาต่ำสุดและดีดกลับมาในโซนเทรดอย่างรวดเร็ว และเกิดเทรนด์ใหม่ ฉันชอบใช้ปริมาณในการยืนยันการเกิดเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม บทความนี้จะดูแค่ Price Action อย่างเดียวไม่ใช้ปริมาณ ซึ่งเราจะดูแค่กราฟแท่งเทียนเท่านั้น

การตีความผิดของกราฟดีดกลับ คือเทรดเดอร์รอสาหรับการสวิงครั้งสุดท้าย แต่ว่า การดีดกลับสามารถเกิดขึ้นได้ถ้าหุ้นขึ้นมาภายใน 1 – 2 % ของการแกว่งตัวจุดต่ำสุด

รูปแบบการเกิดนั้นค่อนข้างหายากว่าจะต้องมีลักษณะอย่างไร เพื่อแสดงให้เห็นภาพ เรามองตัวอย่างข้างล่างกัน

You cannot view this attachment.

Spring Example

จะเห็นว่าราคา Low ก่อนไม่สามารถไปถึงได้ แต่ว่าคุณสามารถบอกได้จากพฤติกรรมราคาว่าหุ้นจะกลับตัวและ ราคาจะดีดกลับเป็นขาขึ้น ในลูกศร

#3 - Inside Bars ที่เกิดขึ้นหลังจาก Breakout

Inside bars เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนกระจุกตัว แล้วราคาเริ่มสร้างแนวรับแนวต้าน แท่งเทียนจะเกิดการแกว่งตัวสวิงจุดสูงต่ำของแท่งก่อนหน้าทำให้ราคาบีบเรื่อย ๆ เพื่อสะสมปริมาณหุ้น

คุณสามารถดูได้จากชุดกราฟซึ่งหลักจากนี้จะเกิดเบรคเอาท์ในกราฟต่อไปนี้

You cannot view this attachment.

Inside Bars

กราฟนี้เป็นกราฟหุ้น Neonode ซึ่งค่อนข้างมีเอกลักษณ์ เพราะว่าราคาหุ้นเกิดเบรคเอาท์หลังจากที่พยายามมา 4 ครั้งและทะลุราคาสูงสุดไป ต่อมามี Inside Bar เกิดขึ้นหลังจากนั้น NEON ก็เคลื่อนไหว 20 % ของการฟ Day Trade

โปรดทราบว่า Inside bars สามารถเกิดขึ้นก่อนเบรคเอาท์ ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งและความได้เปรียบแม้ว่าจะทะลุแนวต้านไปแล้ว

#4 – ไส้เทียนยาว (Long Wick Candles)

You cannot view this attachment.

Long Wick 1

You cannot view this attachment.

Long Wick 2

คุณจะสามารถเห็นพฤติกรรมแบบ Price Action อย่างต่อเนื่องนี้กราฟนี้ ซึ่งถ้าคุณไม่เห็นคุณจะไม่เห็นรูปแบบการก่อตัวของการเคลื่อนไหวในกราฟ

เรามาดูอะไรสนุก ๆ กัน

ไส้เทียนยาวเป็นหนึ่งในรูปแบบโปรดปรานที่สุดของฉัน การเกิดรูปแบบประกอบด้วยการเกิด Gap ขึ้นหรือลง ในตอนเช้า ตามมาด้วย แรงผลักของตลาด เมื่อเกิดรูปแบบนี้จะมีไส้เทียนยาวสำหรับเทรดเดอร์เล่นรอบ เราจะรู้ว่านี้คือรูปแบบที่ทำให้เกิดรูปแบบ Price Action

เหตุผลหลายประการท่าให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะเข้าช้า ทำให้ราคามันดีดขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทดสอบราคาสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง

รูปแบบนี้มีให้เห็นไม่บ่อย แต่ว่าเรามาดูในกราฟกันดีกว่า

You cannot view this attachment.

Long Wick 3

จะเห็นว่าหลังจากที่มีไส้เทียนยาว CDEP มี Inside bar เกิดขึ้นมาก ก่อนที่จะเกิดราคาต่ำสุดใหม่ หลังจากเกิดเบรค ราคาหุ้นเคลื่อนไหวลงต่ำที่สุดต่อ

#5 – การวัดระยะของการสวิงครั้งก่อน

Measure Previous Swings

เคยได้ยินคำกล่าวว่า อดีตมักซ้ำรอยหรือไม่? ในการเทรดก็เช่นกัน

ในฐานะเทรดเดอร์ คุณสามารถเจอกับภาวะอารมณ์บ่อยมาก จนมันครอบงำเหนือเหตุผล คุณจะดูกราฟแล้วดูว่ามันจะถูกต้อง ต้องใช่อย่างที่คุณคิด

จริง ๆ แล้วนั่นไม่ใช่ความจริง คุณรู้หรือไม่ว่าในหุ้น มีหลายคนที่คอยควบคุมตลาดมีอิทธิพลเหนือตลาดอยู่?

เทรดเดอร์เหล่านี้อาศัยด้วยหุ้นของเขา มีเงินมาก ซึ่งจะควบคุมการเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์

สิ่งที่คุณทำได้คือ ทำความเข้าใจกับ Price Action ในการเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ก่อนหน้า เมื่อคุณทำการวิเคราะห์ราคาคุณจะสังเกตุเห็นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ 5 % ถึง 6 %

ถ้าคุณเทรดสวิง คุณอาจจะเห็นกรอบการแกว่งตัว 18 % - 20 % แต่ว่าคุณไม่ควรจะคิดว่าราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวกว้างกว่าการเคลื่อนไหวก่อนหน้า

ผมเข้าใจดีเลยว่าตลาดนั้นไม่มีขีดจำกัด แต่ว่าเราควรเล่นกับโอกาสที่มีโอกาสสำเร็จสูง คนที่สามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องคุณย่อมชนะได้ในระยะยาว

เพื่อที่จะได้เห็นภาพมาดูกราฟกัน

You cannot view this attachment.

Measure the Swings

จะเห็นว่าหุ้น FTR ตลอดระยะเวลา 10 เดือนเจอการแกว่งตัวบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม แต่ละครั้งมีระยะราว 60 – 80 เซน ขณะที่มุมมองกราฟ FTR รายวันเราจะเห็นความสัมพันธ์เดียวกันบน Time Frame ใดก็ได้

ในฐานะเทรดเดอร์ คุณคิดว่ามันจะดูสมเหตุสมผลหรือไม่ในการทำกำไร 2 – 4 เหรียญจากการเทรดสวิง? บางครั้งกราฟอาจจะวิ่งได้ แต่ว่าในกราฟนี้อย่างน้อยก็มี 6 – 7 ครั้งที่มันเคลื่อนไหว 60 – 80 เซน ถ้าคุณสามารถเทรดแต่ละการแกว่งตัวได้สำเร็จทุกครั้ง หมายความว่าคุณตีโฮมรันทุกครั้งได้ แต่ถ้าไม่หล่ะ

#6 – การพักฐานที่น้อย

No Price Retracement

อย่าพึ่งเอาไปปนกับ Fibonacci เพราะว่าผมรู้ว่าบางคนอาจจะคิดว่านี่เป็นโซนที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม การพักฐานที่น้อยนั้นสะท้อนให้ถึงความแรงของเทรนด์และเทรนด์นั้นจะเคลื่อนไหวต่อไป นี่ก็เป็นสัญญาณง่าย ๆ

You cannot view this attachment.

little retracement

บางครั้งคุณอาจจะให้มันพักฐานจนถึงระดับน้อยกว่า 38.2% ถ้าเป็นอย่างนั้นเมื่อราคาหุ้นได้ทดสอบ swing high หรือ low ก่อนหน้า จะมีโอกาสมากที่เบรคเอาท์จะเกิดขึ้นและเทรนด์จะเคลื่อนไปต่อ

สรุป

การเทรดด้วย Price Action อาจจะง่ายหรือยากขึ้นอยู่กับคุณเลือกอย่างไร 6 รูปแบบที่เขียนไปมีอยู่ในตลาดเกิดขึ้นบ่อย คุณต้องดูการวิเคราะห์ของคุณว่า คุณคิดอย่างไร