ข่าว:

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - support-1

#441
"Forex" ตลาดนี้ ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้

เมื่อพูดถึง Forex คุณอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับมันในแง่ลบเสมอ ไม่ว่าจะเคยฟังเรื่องเล่า หรืออ่านเจอมา ว่าเล่น Forex หมดตัวบ้างเอย เทรด Forex มีแต่ขาดทุนบ้างเอย เป็นต้น

ซึ่งประโยคเหล่านี้มันก็สามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ แต่ว่า "มันไม่ใช่กับทุกๆคน"

ตลาด Forex คือ ตลาดที่ทำการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยราคานั้นจะแปรผันตาม demand และ supply ของแต่ละสกุลเงิน ซึ่งทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งต้องยอมรับว่า ตลาด Forex นั้น เป็นตลาดลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเป็นตลาดลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก มากถึงมากที่สุด แต่ว่าก็สามารถทำกำไรได้มาก ถึงมากที่สุดเช่นกัน

หากมองง่ายๆ การเทรด Forex จะขาดทุนหรือได้กำไร มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนเทรด คนๆนั้น มีความพร้อม ความเข้าใจมากแค่ไหน อยากให้ลองมองว่ามันเป็นการเก็งกำไร หรือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง การลงทุนต่างๆ ทุกๆคนก็ทราบดีอยู่แล้ว ว่ามีความเสี่ยง มีการขาดทุน มีการได้กำไรแน่นอน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย

ยกตัวอย่าง หากคุณอยากจะลงทุนอะไรซักอย่างละให้มันประสบความสำเร็จ คุณต้องผ่านการพิจารณา กำหนดกลุ่มเป้าหมาย หาทำเล ทำการตลาด หรือการวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่กับการลงทุน แม้กระทั่งการลงทุนในเรื่องหุ้น คุณก้ต้องศึกษามาอย่างดีแล้ว สำหรับการจะซื้อหุ้นตัวนั้นๆ

เช่นเดียวกับการลงทุนในตลาด Forex หากคุณอยากประสบความสำเร็จกับมัน คุณก็ต้องศึกษามันให้เข้าใจ หากคุณมีเทคนิคที่ดี มีวินัย มีการคิดการวิเคราะห์ รวมถึงประสบการณ์ที่ดี การทำกำไรในตลาด Forex นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย มันก็เหมือนการลงทุนอย่างอื่นๆนั้นแหละ ที่ต้อง "ลงทุนศึกษา ลงเงิน และลงแรง"

ซึ่งถ้าหากเรากำลังมองหาผลกำไรในระยะยาว เป็นเรื่องปกติที่จะสูญเสียได้ บางทีคนๆหนึ่ง สามารถสูญเสียได้ถึง 60-70% แต่ยังได้กำไรในระยะยาวก็เป็นได้

สิ่งสำคัญที่คุณต้องมี หากคุณไม่อยาก "อยู่ยาก" สำหรับตลาดนี้

1) ความอดทน - หลายๆๆครั้ง คุณเล่น forex แล้วเห็นว่า เวลาซื้อ มันดันลง เวลาขาย มันดัน ขึ้น แล้วพอมัน ติดลบเยอะๆๆ คุณเริ่มใจไม่ดีล่ะ คุณก็กดปิด แต่ปรากฏว่าผ่านไปไม่ถึง 10 นาที หรือ 1 ชม หรือ 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์ มันกลับดีดกลับมาบวก และบวกเยอะด้วย ให้คุณเจ็บใจเล่น เพราะฉะนั้น คำถามคุณจะอดทนรอมันไหวไม๊ เช่น คุณเปิด position 10 หรือ 20 หรือ 30 postions หลายๆๆ currency อาจจะ 1 -10 currences และ โดยรวม ทั้งขาย ทั้ง ซื้อ ทั้งport คุณ ติดลบ 100 คุณก็เริ่มใจไม่ดีล่ะ พอตัวไหนเริ่มกำไร คุณก็ปิดไป ถัว กับตัวที่ติดลบอยู่ "คำถามคือแล้วเมื่อไรคุณจะได้กำไร"
.
ไหน บางตัวเป็นแล้วว่าจำเป็นต้องปิดทั้งๆๆที่ติดลบ อีก ทีนี้ล่ะ กำไรหมดแน่ๆ
.
เพราะฉะนั้น ความอดทนที่คุณจะยอมให้มันติดลบ อาจจะต้องถือนานหน่อย รอเป็นบวกค่อยปิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้คุณถือแบบหลับหูหลับตาไปเรื่อง คุณก็ต้องมีวินัย และความรู้ด้วย ไม่ใช้อารมณ์
.
และที่สำคัญอย่าลืมว่า หน้าที่ของนักเทรดคือการตอบสนอง ไม่ใช่การคาดเดา มันอาจจะเข้าเรื่องของจิตวิทยาและวินัยแล้ว เพราะราคาไม่มีทางวิ่งทางเดียว มันอาจติดลบอยู่ 2-3 วันก่อนไปในทางที่เราเล็งไว้ก็ได้ ดังนั้น ต้องให้เวลามันหายใจ อย่าเปิดแล้วเปลี่ยนใจปุบปับโดยไม่ได้ให้เวลามันหายใจ

2) ความมีวินัย คุณตั้งเป้าว่า จะซื้อหรือขาย ที่ตรงนี้ จะ Stop loss หรือ Take profit ที่ตรงนี้ คุณก็ต้องทำ ความมีวินัยมาพร้อมกับความอดทน รอไม่ได้แล้วใจร้อนอยากได้แล้ว คุณก็ ซื้อเลย ขายเลย หรือ close position เลย
.
เพราะฉะนั้น คุณตั้งเป้าไว้อย่างไร ก็ความมีวินัยทำตามนั้น
บางตัวติดลบเกิน จำเป็นต้องปิด ก็คือต้องปิด เช่น position เดียว ติดลบเกิน 300 หรือ 500 pip หรือตามเป้าที่คุณตั้งไว้

3) การใช้อารมณ์ เช่น วันนี้คุณอามรณ์ดี คุณก็ดูข้อมูล วิเคราะห์ถึ่ถ้วนแล้วว่าควรซ์้อ ควรขาย หรือ close แต่พอคุณอารมณ์ไม่ดี ซื้อๆ ขายๆ ปิดๆ ไปเถอะ ตังค์เหลือแค่นี้ หมดแล้ว เดียวก็ลงใหม่ได้ แล้วจะเล่นไปเพื่ออะไร ถ้าตังค์คุณเยอะ อยากผลาญก็ตามสบายคับ
.
หรือแม้แต่ว่า เฮ้ย ซื้อแล้วทำไมมันลง หรือ ขายแล้วทำไมมันขึ้น จะลงใช้ใหมทั้งๆที่เป็นลบอยู่ คุณก็ close ทันทีแล้วไปเข้าตรงข้ามกัน เช่นตะกี้ซื้อแล้วติดลบ คุณก็ปิด แล้วไปขายแทน โดยเพิ่มเงินเข้าไปอีก แล้วถ้ามันกลับตรงข้ามอีกล่ะ คุณก็เล่นๆๆ แบบเปิดๆปิดๆ ภายในไม่ถึง 1 นาที คุณจะหวังว่า คุณได้ซื้อที่จุดต่ำสุดล่ะ หรือขายได้จุดที่สูงสุดล่ะ ไม่ได้ เพราะ Forex ไม่มีอะไรแน่นอน สามารถขึ้นและลงได้แบบไม่ทันตั้งตัว

4) ความรู้ คุณก็ต้องศึกษาด้วยว่าข่าวมาจากไหนบ้าง trend เป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่า คุณจะเล่น แบบดู 1m 5m 15m 30m 1h 4h 1d 1wk 1mn ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า กราฟแต่ล่ะช่วงเวลา trend ไม่เหมือนกันเลย มันก็สลับไปสลับมา เพราะฉะนั้น คุณก็ต้องกำหนดทิศทางก่อนว่าคุณเล่นสั้น เล่นยาว
.
indicator ทั้งหลายคุณศึกษามามากพอรึยัง indicator ตั้วนั้น ตั้วนี้ ที่สำคัญตัวไหนเหมาะกับคุณ
(Cr. Pantip)

ทั้งนี้ขอยืนยันเหมือนเดิมเลยว่า ตลาด Forex มีความเสี่ยงจริง แต่ตรงกันข้าม คุณสามารถทำกำไรได้มากจริงเช่นกัน นั่นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง Forex คือช่องทางการลงทุนอีกทางหนึ่ง อยู่ที่คุณคุณพร้อมจะเสี่ยงที่จะขาดทุน หรือพร้อมจะยิ้มไปกับมัน เวลาที่คุณได้กำไร หรือไม่
(ซึ่งความเสี่ยง ผมว่าเราๆ ก็สามารถศึกษา หาวิธีเพิ่มเติมได้ ว่าทำยังไงถึงจะลดความเสี่ยงให้น้อยลง)

ท้ายสุด หากให้สรุปว่า Forex ดี หรือ ไม่ดี ? ก็คงไม่สามารถตอบได้ Trader ทุกท่านคุณคงรู้อยู่แล้วว่ามันดีสำหรับตัวคุณหรือไม่

การลงทุนในตลาดนี้ คุณจะ "อยู่ได้" หรือ "อยู่ไม่ได้" นั่นก็ขึ้นอยู่กับคุณ เพราะไม่มีใครหรอกครับ ที่จะมาบังคับให้คุณกด ปุ่ม BUY หรือ ปุ่ม SELL จะขาดทุนหรือกำไร ก็อยู่ที่กลยุทธ์ของคุณ วิธีไหน ที่คุณจะใช้ทำเงิน และเอาชนะตลาด Forex และ Happy ไปกับมัน

"ความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงที่สุด คือการไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย"

Cr.Bankok Forex

#442
Money managemant / Forex ควรเทรดเวลาไหนดี
เมษายน 22, 2022, 02:06:48 หลังเที่ยง
อาจจะมีนักลงทุนหรือเทรดเดอร์หลายๆ ท่านในตลาด Forex ไม่ว่าจะมือใหม่ หรือมือเก่าที่เทรดมาได้สักพักแล้ว แต่ยังจับทิศทางไม่ได้ ไม่รู้ว่าเรา ควรจะเทรดช่วงไหน หรือเวลาไหนดี? สำหรับคำตอบที่ง่ายและสั้นที่สุดก็คือ เทรดเมื่อคุณพร้อมและตลาดเหมาะ   
ความพร้อมหลักๆที่สำคัญแยกออกเป็น 3 ส่วนคือ

1.ร่างกาย เช่นการได้พักผ่อนเต็มที่ สมองปลอดโปร่ง
2.จิตใจ เช่น อารมณ์ดี จิตใจเบิกบาน กระชุ่มกระชวย
3.ฝีมือ เช่นใช้เครื่องมือเป็น มีข้อมูล วิเคราะห์ทิศทางได้

ตลาดที่เหมาะกับการเทรดแยกเป็น 2 ส่วนคือ

1.ตลาดที่คุณถนัด เช่นเมื่อคุณเห็นกราฟ สามารถวิเคราะห์เห็นทิศทาง เมื่อเทรดแล้วไม่ผิดพลาด (ได้กำไร)
2.ตลาดที่ขยับ ไม่นิ่ง เช่น เทรดช่วงกลางสัปดาห์ หรือช่วงที่ตลาดเปิดซ้อนกัน เพราะ volume มาก ราคาเคลื่อนไหวสูง

เนื่องจากความถนัด หรือสไตล์ในการเทรดของแต่ล่ะท่านแตกต่างกัน บางท่านอาจจะชอบตลาดที่สวิงแรงๆ ยอมรับความเสี่ยงที่มันโหดๆได้ ก็จะเน้นเทรด ข่าวนอนฟาร์ม หรือในช่วงที่มีข่าวสำคัญๆประกาศ เป็นต้น แนะนำให้อ่าน ปฏิทินข่าวเศรษฐกิจ ความสำคัญ วันที่ประกาศ และ ความผันผวนของค่าเงินจากผลกระทบของข่าวในหัวข้อ วิธีดูข่าวเพื่อเทรด ส่วนท่านไหนที่เล่นตามเทคนิคอล หรืออินดี้ ก็จะหลีกเลี่ยง ระวังไม่เทรดในช่วงที่มีข่าวแรงๆ ประกาศ

อีกอย่างช่วงที่เหมาะในการเทรด Forex ก็คือช่วงที่ 3 ตลาดหลักใหญ่เปิดทำการคือ ตลาดโตเกียว, ตลาดลอนดอน, ตลาดอเมริกา สำหรับช่วงเวลาเปิด/ปิดของตลาด Forex หรือศูนย์กลางทางการเงินของโลก ตามเวลาของประเทศไทยโดยประมาณให้ดูจากตาราง

ตารางแสดงเวลาเปิด/ปิดของตลาด Forex ตามเวลาของไทย



ตลาด Forex หากยึดตามเวลาในบ้านเราจะเห็นว่า ในช่วงเช้าสกุลเงินที่เปิดทำการซื้อขายคือ JPY กับ AUD ช่วงนี้ กราฟสกุลเงินทั้งสองก็จะวิ่งมากกว่าเวลาอื่น เพราะตลาดออสเตรเลีย กับตลาดเอเชียเปิด ส่วนในช่วงเย็น สกุลเงินที่เปิดทำการซื้อขายคือ  USD,EUR,GBP กราฟสกุลเงินเหล่านี้ก็จะวิ่งมากในช่วงนี้กว่าเวลาอื่นเหมือนกัน พราะตลาดฝั่งยุโรปกับอเมริกาเปิด. Read more at: https://www.forexinthai.com/4949/
#443
หากพูดถึงการลงทุน ทุก ๆ การลงทุนย่อมอยู่คู่กับความเสี่ยง และในทุก ๆ ความเสี่ยงมักจะมาคู่กับผลตอบแทนที่คุ้มค่า  การเก็งกำไรในค่าเงินหรือที่เรียกว่า "เทรด Forex" ก็เช่นกัน ค่าของคู่สกุลเงินที่กำลัง Match ต่อสู้แข่งขันกันอยู่ หากมีนักลงทุนท่านใด มีความเข้าใจในตลาด  และพร้อมรับกับความเสี่ยงที่มันสูงๆ ได้ โอกาสและผลตอบแทนอันมหาศาลก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ

ข้อดีของตลาดฟอเร็กซ์

- เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดตลอด 24 ช.ม. สามารถเทรดได้ทั้งวันทั้งคืน จันทร์ – ศุกร์  ปิดเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
- ตลาดมีความเป็นอิสระ ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของใคร ค่าสกุลเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตของแต่ละภูมิภาค ซึ่งเป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจโลก
- เข้าถึงตลาดง่าย สามารถเทรดออนไลน์ ได้ทุกที่ทุกเวลา  ผ่านแพลตฟอร์ม MT4-5 ใช้ได้ทั้งใน คอมพิวเตอร์ หรือ มือถือสมาร์ทโฟน แฟบเล็ต แท็บเล็ต ไอแพดไอโฟน ฯลฯ
- โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์โดยส่วนใหญ่ จะฟรีค่าธรรมเนียมในการเทรด
- เทรดแบบ Short-Selling ได้
- ฝาก-ถอนเงิน สะดวก ได้หลายช่องทาง รับทั้งบัตรเครดิต, E-currency ฯลฯ
- มีระบบ Leverage  ช่วยสร้างกำไร
- เปิดโอกาสให้กับนักลุงทุนที่มีงบลงทุนน้อย บางโบรกเกอร์ ฝากเงินเริ่มต้นที่ 1 $ 

ข้อเสียของตลาดฟอเร็กซ์ Forex

- การลงทุนมีความเสี่ยงสูง
- ยังไม่มีกฎหมายรองรับในประเทศไทย
#444
ในช่วงข่าว Forex อันตรายหรือกำไรชัวร์ ?  การเทรด Forex หลายๆคนอาจจะทราบดีว่าการทำกำไรนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก จำเป็นต้องใช้ช่วงเวลาหรือสถานการณ์บางช่วงที่มีความเหมาะสมในการทำกำไร เราจึงจะสามารถทำกำไรได้ และในบางครั้งในการเทรด Forex มักจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ง่ายต่อนักเทรดขาประจำในการทำกำไร แต่ในช่วงเวลานั้นเองก็ถือเป็นช่วงเวลาที่อันตรายต่อนักเทรดมือใหม่เช่นเดียวกัน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวก็คือช่วงเวลาที่เกิดข่าวในตลาด Forex นั่นเอง สำหรับในช่วงเวลาที่เกิดข่าวขึ้นมานั้นมือใหม่อาจจะสงสัยว่ามันทำกำไรได้ชัวร์จริงหรือ เพราะจากที่ได้ยินมาช่วงเวลาดังกล่าวนักเทรดส่วนใหญ่มักได้ดิบได้ดีในช่วงนั้น แต่ทำไมมือใหม่หัดเทรดถึงขาดทุนแล้วขาดทุนอีกล่ะ? และนั่นเองเป็นสาเหตุที่เราจะมาพูดในครั้งนี้ในเรื่องราวของการ เทรดช่วงข่าว Forex อันตรายหรือทำกำไรกันแน่? โดยมีสองหัวข้อหลักได้แก่มือใหม่กับนักเทรดมืออาชีพนั่นเอง

การเทรดช่วง ข่าว Forex อันตราย

สำหรับนักเทรดมือใหม่ที่กำลังหัดเทรดอยู่ อาจจะสงสัยอย่างมากว่าทำไมในบางครั้งผู้คนส่วนใหญ่จึงแนะนำไม่ให้มือใหม่เทรดช่วงที่มีข่าวในตลาด Forex สาเหตุก็มาจากว่า มือใหม่นั้นยังอ่อนต่อประสบการณ์และความรู้ยังไม่ถึงขั้น ถ้าหากเทรดในช่วงเวลาที่เกิดข่าวไม่ว่าจะเทรดกี่ครั้งก็ขาดทุน การที่มือใหม่จะสามารถเทรดในช่วงเวลาเกิดข่าวเพื่อทำกำไรได้นั้น อย่างแรกเลยมือใหม่จะต้องเข้าใจเสียก่อนว่าข่าวที่เกิดขึ้นมาส่งผลกระทบอย่างไร เพราะในมือใหม่หลายๆคนเข้าใจแค่ว่าเทรดช่วงมีข่าวยังไงก็ได้กำไร ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะจริงๆแล้วการเทรดช่วงเวลาที่มีข่าวนั้นเป็นการเทรดโดยมีข่าวมาทำให้เราวิเคราะห์ถึงทิศทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อที่เราจะทำกำไรได้ง่ายๆนั่นเอง ซึ่งมือใหม่เองก็ยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงห้ามไม่ให้มือใหม่เทรดช่วงเกิดข่าวนั่นเอง ถ้าหากว่าคุณเป็นมือใหม่แล้วอยากจะเทรดช่วงเวลามีข่าวให้ได้กำไร คุณก็จะต้องทำความเข้าใจและติดตามข่าวสารให้เป็นก่อนคุณจึงจะสามารถทำกำไรจากมันได้ง่ายๆ

การเทรดช่วงข่าว Forex จะทำกำไร

ในช่วงเวลาที่เกิดข่าวนั้นถือเป็นวินาทีทองสำหรับนักเทรดมืออาชีพ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าตลาด Forex เมื่อใดก็ตามที่เกิดข่าวขึ้นมา กราฟในตลาดจะเกิดการผันผวน ซึ่งบ่อยครั้งจะเกิดเทรนด์ไลน์ขึ้นมา ทำให้เรามองเห็นแนวโน้ม ทิศทางของราคาที่วิ่งไป ในบางครั้งกราฟก็จะเป็นเทรนด์ขาขึ้น ในบางเวลาก็จะเป็นเทรนด์ขาลง ซึ่งถ้าหากว่าคุณเข้าใจและวิเคราะห์การเทรด Forex ได้อย่างแม่นยำ โอกาสในการทำกำไรในช่วงที่มีข่าวก็จะเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มของนักเทรดมืออาชีพนั่นเอง แต่ในบางครั้งช่วงที่มีข่าวนักเทรดมืออาชีพก็ไม่เทรดเสมอไป เพราะในบางครั้งข่าวที่เกิดขึ้นมาอาจจะเป็นข่าวที่รุนแรงทำให้เกิดไซต์เวย์ขึ้นมาได้ ซึ่งไซต์เวย์ก็คือเทรนด์ของกราฟที่ไม่สามารถคาดเดาทิศทางแน่ชัดได้ จะขึ้นจะเหวี่ยงลงอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การเทรด Forex ช่วงมีข่าว นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้กำไรเสมอไป เพราะใน การเทรด Forex ให้ได้กำไร มันก็มีปัจจัยหลายๆอย่างหลายๆเรื่องมาปะปนกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่เราอยากจะฝากเอาไว้ไม่ว่าจะนักเทรดมือใหม่หรือขาประจำก็คือเรื่องของความโลภ ถ้าหากว่าคุณไม่อยากขาดทุนแต่คุณอยากจะทำกำไรในการเทรด Forex ให้ได้ง่ายๆและกินยาวๆ หยุดนิสัยความโลภในตัวคุณซะ เพียงแค่นี้คุณก็จะสามารถทำกำไรได้ง่ายขึ้นและไม่ขาดทุนง่ายๆเหมือนเดิมอีกต่อไป
#445
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / การเทรด Scalping
เมษายน 20, 2022, 12:49:03 หลังเที่ยง
ที่ผ่านมาการเรายังพูดถึงการเทรดน้อยมาก ในวันนี้ผมจึงมาแบ่งปันระบบเทรดแบบ Scalping การเทรดแบบ Scalping เป็นการเทรดที่ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ เนื่องจากต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา แต่ว่าถ้าหากเป็นเงื่อนไขการใช้ EA เป็นระบบเทรดที่ได้รับความนิยม แม้ว่ากราฟที่ใช้ในการเทรด Scalping จะออกมาสวยงาม แต่ว่าการเทรด Scalping ที่ทำกำไรได้จริงกลับมีไม่มากนัก

การเทรดแบบ Scalping คืออะไร?

การเทรดแบบ Scalping คือ การเทรดแบบใช้ระยะเวลาในการถือครองออเดอร์เพียงระยะสั้น ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของการคาดการณ์กราฟไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การเทรดแบบ Scalping ก็ยังต้องอาศัยการตั้ง Stop loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผิดพลาดอยู่ เพราะว่าเป็นการเก็งกำไรในระยะสั้น ๆทำให้ระยะทางในการทำกำไรนั้นน้อยลงไปด้วย จึงทำให้การเทรดนั้นต้องเทรดด้วย Lot ที่มีขนาดใหญ่

ลักษณะของการเทรด Scalping

การเทรด Scalping เป็นการทำกำไรโดยใช้ความแม่นยำสูง ระยะทางต้องถูกต้อง และที่สำคัญ ขนาด Lot จะต้องขนาดใหญ่พอสมควร โดยที่ Risk ของพอร์ทการลงทุนนั้นไม่ส่งผลกระทบ ซึ่งจากการที่เป็นการทำกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ สิ่งสำคัญที่ต้องแลก ได้แก่ ถ้าหากไม่มีการเคลื่อนไหวรุนแรงก็จะไม่เข้าเทรด เพราะว่า ทำให้ความเสี่ยงนั้นเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายปัจจัยที่ทำให้การเทรด Scalping ต้องอาศัยลักษณะเฉพาะ ดังต่อไปนี้

ขนาด Lot ที่มีขนาดใหญ่

ด้วยระยะทางบางครั้งได้ผลตอบแทนเพียง 3 – 5 pip หรือน้อยกว่านั้น ทำให้การเทรด Scalping จะต้องส่งด้วย Lot ที่มีขนาดใหญ่ เมื่อ Lot มีขนาดใหญ่ ถ้าหากมีการเคลื่อนไหวผิดทิศทาง พอร์ทอาจจะได้รับความเสียหายอันใหญ่หลวงได้ สิ่งที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง คือ การตั้ง Stop loss เพื่อป้องกันความเสียหายดังกล่าว  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้คือ  ระยะในการตั้ง Stop loss ของแต่ละ Broker นั้นมีระยะทางไม่เท่ากัน  ระยะทางขั้นต่ำ สำหรับบางโบรคเกอร์นั้นอาจจะต้องตั้งให้ได้ 10 pip หรือ 100 point ขณะที่บางโบรคเกอร์จะสามารถตั้งได้ใกล้ถึง 5 pip หรือประมาณ 58 point ซึ่งสำหรับการตั้ง Stop loss ใกล้ ๆ ขนาดนี้ แทบจะไม่มีผลในการเทรดมือ เพราะว่า กดตั้ง Stop loss แทบจะไม่ทันในระยะเวลาอันใกล้นั่นเอง ดังนั้น การตั้ง Stop loss ต้องเลือกโบรคเกอร์ให้เหมาะสมด้วย

เทรดเมื่อกราฟมีการเคลื่อนไหวรุนแรง

การเทรดเมื่อกราฟมีความเคลื่อนไหวรุนแรง เนื่องจาก การเทรด Scalping สามารถเทรดได้ 2 แบบ คือ ช่วงที่กราฟเคลื่อนไหวรุนแรง และช่วงที่กราฟเคลื่อนไหวสงบนิ่ง ถ้าหากว่าจะเทรดกราฟเคลื่อนไหวรุนแรง คุณต้องรู้ทิศทางของการเคลื่อนไหวของกราฟที่แน่นอน ระหว่างนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาตามมาสำหรับบางโบรคเกอร์ หรือ โบรคเกอร์ส่วนใหญ่ คือ ปัญหา Spread ที่ถ่างออกในช่วงเวลาที่กราฟเคลื่อนไหวรุนแรง การเลือกโบรคเกอร์ก็ต้องหาโบรคเกอร์ที่เหมาะสมกับเงื่อนไขในการ Scalping ด้วย

เทรดโบรคเกอร์ที่มี Spread ต่ำและอนุญาติให้ Scalping

สำหรับอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ Scalping เทรดได้ในช่วงเวลาปกติก็คือ การเทรด Swing หรือเทรนด์ใน Time Frame ต่ำ ๆ เช่น กราฟ 1 นาที กราฟ 5 นาที กราฟ 15 นาทีเป็นต้น โดยการเทรดกราฟใน Time Frame ต่ำ ๆ แบบนี้สิ่งที่เราต้องใช้คือ Broker ที่มี Spread ต่ำ ๆ ระดับ 0.5 – 0.7 pip เมื่อ Spread ต่ำมาก ๆ จึงจะสามารถเทรดได้เพราะว่า ต้นทุนของการเทรดนั้นยังพอทำกำไรได้ แต่ถ้าหาก Spread สูง ทำให้การเทรดนั้นจะต้องเผชิญความเสี่ยงมหาศาลในการเทรด

ฉะนั้น จะเห็นได้ว่า ลักษณะที่สำคัญของการเทรด 3 ข้อที่กล่าวมานั้นจะเกี่ยวข้องกับ โบรคเกอร์และการเลือกโบรคเกอร์ เพื่อให้การเทรดแบบ Scalping นั้นเป็นไปได้ โดยลักษณะที่สำคัญ ได้แก่ Spread ของ โบรคเกอร์และค่าเงิน เงื่อนไขการเทรดระบบที่ต้องตั้งให้เหมาะสมด้วย

สิ่งที่ต้องมีในระบบ Scalping

สิ่งที่ต้องมีในระบบ Scalping ที่ดี คือ Stop loss เพราะการตั้ง Stop loss คือการป้องกันการขาดทุนในจำนวนมหาศาล และทำให้การเทรดนั้นเป็นระบบมากขึ้น การตั้ง Stop loss ทำให้เราต้องออกแบบระบบที่เกี่ยวข้องกับ Risk Reward และต้องมาคำนวณว่า Stop loss 1 ครั้งคิดเป็นกี่ % ของพอร์ทลงทุน นอกจากนี้ต้องหา Drawdown และ Consecutive Loss เผื่อไว้เพื่อรองรับสภาพจิตใจที่อาจจะผันผวน และไม่กล้าเทรดอีกหลังจากเทรดไป 30 ครั้งแล้วขาดทุนติดกันหมด ถ้าหากเราไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย เราจะมีสภาพจิตใจที่ล้มเหลว สิ่งเหล่านี้จะทราบได้จากการทำ Back Test ครอบคลุมระยะเวลาต่าง ๆ ยาวนาน หลักหลายปี ซึ่งเทรดเดอร์จะต้องเป็นคนทำเอง
#446
Indicator คืออะไร Indicator ความหมาย ตรงตัวคือ ตัวบ่งชี้ ในการเทรด Forex นั้นเทรดเดอร์และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะนิยมนำ Indicator มาใช้ประกอบการเทรด เพื่อใช้ดูแนวโน้มหรือทิศทางของราคา เพื่อตัดสินใจซื้อขาย โดย Indicator นั้นจะเป็นการนำข้อมูลจากกราฟราคาคือราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด ราคาปิด ( OHLC ) มาคำนวณด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ตามแต่ละสูตรที่ผู้คิดค้น Indicator นั้นๆกำหนดขึ้นมา นั่นหมายความว่า Indicator นั้นจะวิ่งช้ากว่าราคาจริง เนื่องจากจะต้องรอให้ราคาวิ่งก่อนจึงจะนำราคานั้นๆมาเข้าสูตรทางคณิตศาสตร์ได้ โดย Indicator ที่พื้นฐานนั้นจะมีติดมาในโปรแกรมที่ใช้เทรดอย่างเช่นโปรแกรม MT4 หรือ MT5 อยู่แล้ว แต่หากเทรดเดอร์หรือนักลงทุนท่านใดที่อยากจะคิดค้นสูตร Indicator ขึ้นมาเองก็สามารถที่จะเข้าไปเขียนโค้ดแล้วนำมาใส่ใน MT4 และ MT5 เพิ่มเองก็ทำได้เช่นกัน

หมวดหมู่ Indicator Forex
สำหรับ Indicator ที่ติดมากับโปรแกรม Mt4 MT5 นั้นก็จะมีแบ่งเป็นหมวดหมู่เอาใว้ดังนี้

1.Indicator หมวด Trend อินดิเคเตอร์ที่อยู่ในหมวดหมู่นี้ก็จะใว้ใช้สำหรับดูแนวโน้มของราคา ซึ่งจะมีที่นิยมใช้งานกันมากที่สุดคือ Indicator MA หรือ Moving Average และ Indicator Bollinger Bands
2.Indicator หมวด Oscillators สำหรับอินดิเคเตอร์ในหมวดหมู่นี้จะเป็นอินดิเคเตอร์ที่ใว้ใช้ดูการแกว่งของราคาหรือความผันผวนของราคา ซึ่งอินดิเคเตอร์ในหมวดนี้นั้นที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็จะมี MACD , RSI และ Stochastic Oscillator
3.Indicator หมวด Volumes สำหรับหมวดหมู่นี้จะเป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ดู Volume ของการซื้อขาย ส่วนอินดิเคเตอร์ในหมวดนี้ที่นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือ Indicator Volumes
4.Indicator หมวด Bill Williams อินดิเคเตอร์ในหมวดนี้จะเป็นอินดิเคเตอร์ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดย Bill Williams ที่เป็นเทรดเดอร์ชาวสหรัฐ ชื่อดังในอดีต ซึ่งอินเคเตอร์ของ Bill Williams ที่นิยมใช้งานกันมากที่สุดในปัจจุบันนั้นคือ อินดิเคเตอร์ MFI หรือ Market Facilitation Index
5.Indicator หมวด Custom ในหมวดนี้ก็จะเป็นอินดิเคเตอร์อื่นๆที่เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งก็มีให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย แต่ที่นิยมมากที่สุดในหมวดนี้คือ อินดิเคเตอร์ ZigZag ที่เอาใว้ใช้ดูสวิงของกราฟ

ประโยชน์ของ Indicator Forex
1.ช่วยในการบอกแนวโน้มตลาดสภาวะต่าง ๆ เช่น Up-Trend, Down-Trend, Sideways ว่าเป็นไปในทิศทางใด
2.ช่วยในการหาจังหวะออกออเดอร์เข้าซื้อขาย ( Buy,sell ) ที่ได้เปรียบ
3.ช่วยในการหาจังหวะปิด Order, Cut Loss (SL), Take profit (TP)
4.ช่วยในการบอกสภาวะ Overbought, Oversold
5.ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มการกลับตัวของราคา

Indicator ตัวไหนดีที่สุด
เมื่อเริ่มทำการซื้อขาย Forex เทรดเดอร์หลายๆ คน ก็มักจะมองหา Indicator Forex ที่ดีที่สุด เพื่อใช้ในการเทรดหรือเป็นแนวทาง เป็น Signal เพื่อทำกำไรให้ได้มากที่สุด ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า Indicator เหล่านั้น ทำงานอย่างไร ใช้ทำอะไร และมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร

ไม่มี Indicator ตัวไหนที่ดีที่สุด แม่นที่สุด เพราะ Indicator แต่ละตัวถูกออกแบบให้ใช้งานต่างวัตถุประสงค์กัน

Indicator แต่ละตัวนั้น ถูกออกแบบมาให้ใช้งานต่างวัตถุประสงค์กัน ดังนั้นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Indicator ตัวที่เรากำลังเลือกใช้งานอยู่นั้นถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด หากนำไปใช้งานผิดวัตถุประสงค์ ก็อาจทำให้ไม่สามารถดึงประสิทธิภาพของ Indicator ตัวนั้น ๆ ออกมาได้


#447
พื้นฐาน Forex / กฏการเทรด 10 ข้อ โดย John Murphy
เมษายน 18, 2022, 01:50:04 หลังเที่ยง
1.Map the trends (หาแนวโน้ม)

เรียนรู้จากภาพใหญ่ – เริ่มต้นวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคจาก Timeframe รายสัปดาห์ หรือรายเดือนก่อน (Long Term) เพื่อดูแนวโน้มในภาพใหญ่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งการดูภาพระยะยาวนั้น จะช่วยให้มองแนวโน้มของตลาดได้ง่ายกว่าการมองภาพรวมระยะสั้น เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มในภาพใหญ่ได้แล้ว จากนั้นค่อยไปพิจารณาจาก Timeframe รายวัน หรือภาพรายชั่วโมงต่อ (Short Term)

บ่อยครั้งที่เวลามองภาพรวมระยะสั้น (Short Term) แล้วจะถูกตลาดสับขาหลอกอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น เวลาเทรดภาพระยะสั้นก็ควรเทรดในฝั่งเดียวกับแนวโน้มระยะกลาง หรือแนวโน้มหลักจะดีกว่า เพราะจะช่วยให้การเทรดนั้นมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น และโอกาสที่จะถูกสับขาหลอกก็จะน้อยลงตามไปด้วย

2. Spot the trend and go with it (จับแนวโน้ม และไปกับมัน)

จับแนวโน้ม และไปกับมัน – แนวโน้มประกอบด้วยหลายขนาด ได้แก่ ระยะยาว (Long Term), ระยะกลาง (Intermediate Term) และระยะสั้น (Short Term) ซึ่งในขั้นต้น เราจะดูว่าแนวโน้มขนาดไหนที่เราต้องการจะเทรด จากนั้นก็ให้เทรดทำทิศทางเดียวกับแนวโน้มนั้น เช่น แนวโน้มเป็นขาขึ้น ก็จะอยู่ฝั่ง Buy เป็นหลัก หรือ แนวโน้มขาลง ก็จะอยู่ฝั่ง Sell เป็นต้น และถ้าเราเทรดภาพระยะกลาง เราก็ควรดูกราฟ Timeframe รายวัน และรายสัปดาห์ ถ้าเราเทรดภาพระยะสั้น ก็ควรดูกราฟ Timeframe รายวัน และรายนาที โดยปกติจะใช้รายที่ยาวกว่ากำหนดทิศทางของแนวโน้ม และใช้ภาพที่สั้นกว่า ในการกำหนดจุดเข้าออก

3. Find the low and high of it (หาจุดต่ำสุด และจุดสูงสุดของรอบ)

หาจุดต่ำสุด และจุดสูงสุดของรอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถใช้เป็นระดับแนวรับ และแนวต้านได้ ซึ่งจุดซื้อที่ดี คือบริเวณใกล้แนวรับ และจุดขายที่ดี คือบริเวณใกล้แนวต้าน

จุดต่ำสุด และ จุดที่เคยเป็นจุดสูงสุด (High เก่า) = แนวรับ

จุดสูงสุด และ จุดที่เคยเป็นจุดต่ำสุด (Low เก่า) = แนวต้าน

4. Know how far to backtrack (รู้วิธีการวัดรอบการพักตัว)

ในช่วงที่แนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม จะมีช่วงการพักตัวเกิดขึ้น (Retracement) ซึ่งหากรู้ถึงช่วงการพักตัวดังกล่าวจะทำให้เราเทรดได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในการวัดช่วงการพักตัวนั้น วิธีที่ง่ายที่สุดคือ 50% ของรอบ ส่วนขั้นต่ำจะอยู่ที่ 33% สูงสุดได้ไม่เกิน 67% (เพราะถ้าเกินจะแสดงถึงการเปลี่ยนแนวโน้มมากกว่า) หรือจะใช้ระดับ Fibonacci Retracements ในการวัดก็ได้ (38% และ 62%) ในช่วงการพักตัวระยะแรก (33%-38%) ถือเป็นจังหวะในการเข้าซื้อไม้แรกที่ดี

5. Draw the line (ลากเส้นแนวโน้ม)

Trend Line หนึ่งในเครื่องมือที่ง่ายและทรงประสิทธิภาพอย่างมาก เราเพียงแค่ลากจุด 2-3 จุดบนกราฟ เพื่อหาทิศทางของแนวโน้มของราคา โดย Uptrend Line จะลากจากจุดต่ำสุด สู่ จุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (แบบเอียงขึ้น) ส่วน Downtrend Line จะลากจาก จุดสูงสุด สู่ จุดสูงสุดที่ต่ำลง (แบบเอียงลง) ส่วนมากราคามักจะเกิดการ Pullback กลับหลังทดสอบเส้นดังกล่าว แล้ววิ่งต่อตามแนวโน้มเดิมของมันไปเรื่อยๆ แต่หากจังหวะที่ราคาทะลุเส้น Trend Line ก็จะเป็นสัญญาณในการเปลี่ยนแนวโน้มของราคานั่นเอง

6. Follow that average (ใช้เส้นค่าเฉลี่ย)

เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average) ช่วยให้จับจังหวะในการซื้อขายได้ และยังเป็นตัวช่วยในการยืนยันทิศทางของแนวโน้มได้เช่นเดียวกัน โดยการใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นตัดกัน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่นิยมในการหาสัญญาณการเทรด (Trading Signals) ซึ่งค่าเฉลี่ยที่นิยม คือ  20 กับ 50 วัน โดยสัญญาณซื้อหรือขายจะเกิดขึ้นเมื่อ เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นตัดกัน (สั้นตัด ยาว ขึ้นเป็นสัญญาณ ซื้อ, ส่วนสั้นตัดยาวลง เป็นสัญญาณขาย)

เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average) ใช้เทรดในช่วงที่ตลาดเป็น Trend ได้อย่างดี

7. Learn the turns (จับรอบการแกว่งตัว)

Track Oscillators (Indicator พวกที่มีเลขวัด 0-100) ช่วยบอกว่าภาวะของราคาตอนนั้น Overbought หรือ Oversold พวกเครื่องมือ Oscilator จะคอยเป็นตัวเตือนเราระดับต้น ๆ ก่อนเลยว่า แนวโน้มของราคามีโอกาสเปลี่ยนแปลง เพราะว่ามันขึ้นมามากไปแล้ว หรือมันลงมามากไป 2 เครื่องมือที่เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการเทคนิคคอล คือ RSI และ Stochastic

RSI > 70 แสดงถึง Overbought
RSI < 30 แสดงถึง Oversold ส่วน Stochastic > 80 แสดงถึง Overbought
Stochastic < 20 แสดงถึง Oversold

และถ้าเกิดสัญญาณ Divergence ในเครื่องมือดังกล่าว ก็จะเป็นสัญญาณเตือนว่าราคามีโอกาสเปลี่ยนแนวโน้มได้เช่นเดียวกัน

Oscilator ใช้ในช่วงที่ตลาดเป็น Sideway ได้ดี

8. Know the warnings signs (รู้ถึงสัญญาณเตือน)

เครื่องมือ MACD เป็นเครื่องมือที่จะบอกสัญญาณการเข้า ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเส้นระยะสั้นตัดเส้นระยะยาว (ตัดขึ้น) และทั้ง 2 เส้นต้องอยู่เหนือระดับ 0 ส่วน สัญญาณขายจะเกิดขึ้นเมื่อเส้นระยะสั้นตัดกับเส้นระยะยาว (ตัดลง) และทั้ง 2 เส้นต้องอยู่ต่ำกว่าระดับ 0

ภาพรายสัปดาห์ของ MACD จะมีน้ำหนักต่อการตัดสินใจมากกว่าภาพรายวัน

9. Trend or not a trend (ดูว่าเป็นราคาช่วงนั้นเคลื่อนอย่างมีแนวโน้มหรือไม่)

ADX Indicator เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราดูว่าสภาวะตลาดตอนนั้นเป็นอย่างไร (มีแนวโน้ม หรือไม่มีแนวโน้ม) เพื่อให้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ดีขึ้น
โดยปกติเมื่อ ADX อยู่ในช่วงการปรับตัวขึ้น แสดงถึง ภาวะที่ตลาดมีแนวโน้ม เส้นค่าเฉลี่ย ใช้งานได้ดีในช่วงนี้
ส่วนถ้า ADX อยู่ในช่วงการปรับตัวลง แสดงถึง ภาวะตลาดไม่มีแนวโน้ม พวก Oscilator จะใช้งานได้ดี

10. Know the confirming signs (สังเกตสัญญาณยืนยัน)

ให้สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume) จะเป็นตัวช่วยยืนยันภาพการวิเคราะห์ของเรา โดย Volume ควรไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม เช่น แนวโน้มขาขึ้น ช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นควรมีพร้อมกับปริมาณ Vol. ที่หนาแน่น (มันแสดงถึงเงินจำนวนใหม่ที่เข้ามาซื้อ หนุนราคาไปต่อ) ขณะที่ช่วงย่อตัวในแนวโน้ม Vol. ก็ควรหดตัวตาม ส่วนในขาลงก็ตรงกันข้าม

ทั้งหมดนี่เป็นเพียงแค่พื้นฐานการเทรดเท่านั้น สำหรับใครที่เข้ามาอยู่ในตลาด Forex สักพักแล้ว ก็จะรู้ว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดของการเทรด ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่นักลงทุนต้องศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคการเทรด และที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือวินัยในการเทรด ถ้าหากขาดสิ่งนี้ไป จะทำให้การเทรดนั้นไม่มีประสิทธิภาพตามไปด้วยนั่นเอง
#448
การซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นหนึ่งในการเทรดที่น่าตื่นเต้นที่สุด เป็นการเทรดที่ยืดหยุ่น ไร้ขีดจำกัดในเรื่องเวลา และเงินต้นที่ใช้

การลงทุนและการเทรดฟอเร็กซ์จึงเป็นสวรรค์ของคนหลายคน ที่ต้องการความสุขและเงินรวมกันหากคุณได้ทำการเทรดมาสักระยะหนึ่งแล้ว คุณอาจจะเคยสงสัยว่ามีนักเทรดคนไหนบ้างที่ร่ำรวยจากการเทรด FOREX และนี่ก็คือ ตัวอย่างเศรษฐีนักเทรด FOREX ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก

George Soros
หลายคนคงรู้จักชื่อผู้ชายคนนี้มาแล้ว เขาเป็นเศรษฐีนักค้าเงินที่ทำวีรกรรมต่าง ๆ ไว้มากมาย เช่น โจมตีค่าเงินธนาคารอังกฤษ ประเทศไทย มาเลเซีย และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยในเดือนกันยายนปี 2020 เขามีมูลค่าทรัพย์สินของเขาอยู่ที่ 25 พันล้านเหรียญ และเขาได้มีการบริจาคเงินไปยังมูลนิธิการกุศุล Open Society Foundations ของเขาไปถึง 18,000 ล้านเหรียญ

Bill Lipschutz
บิลลิปซูตซ์ ชายผู้ชื่นชอบวิชาคณิตศาสตร์ เขาได้ก่อร่วมกองทุน Hathersage Capital Management และในปี 2020 เขามีสินทรัพย์ประมาณ 8.3 พันล้านเหรียญ เขาใช้วิธีการเทรดที่น่าตื่นเต้นซึ่งเขาเรียกว่า "Sultan of Currencies" เขามักจะพูดเสมอว่า ตลาด FOREX เป็นตลาดที่ต้องใช้จิตวิทยาในการเทรดค่อนข้างมาก

Paul Tudo Jone
พอล ได้ก่อตั้งกองทุน Hedge Fund ชื่อว่า Tudor Investment Corporation เพื่อบริหารสินทรัพย์การลงทุนขึ้น เขามักชอบเดิมพันไปกับความผันผวนของดอกเบี้ยและการเคลื่อนไหวของตลาด FOREX และในปี 2020 เขามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 6 พันล้านเหรียญ เขาเป็นคนหนึ่งที่มีความใจบุญโดยเขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ Robin Hood Foundation ขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นไปที่การลดปัญหาความยากจน

Stanley Druckenmiller
เขาเคยเป็นลูกศิษย์ของ George Soros ปัจจุบันเขาได้บริหารกองทุนของเขาชื่อว่า Duquesne Family Office LLC โดยที่ในปี 2020 เขามีสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญ ในการเทรดของเขาใช้ปรัญญาแบบ Big Bet เนื่องจากเขาเชื่อว่าเมื่อเรามีความรู้ลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว เราไม่จำเป็นต้องกระจายความเสี่ยง

สรุป
และนี่ก็คือตัวอย่างอภิมหาเศรษฐี FOREX ที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากกว่าระดับพันล้านเหรียญ แต่บุคคลเหล่านี้ไม่ใช่ว่าเมื่อเข้ามาเทรดในตลาดจะสามารถทำกำไรได้ทันที ต้องผ่านการเรียนรู้ และผ่านประสบการณ์มามากมายกว่าจะรวยได้จนถึงทุกวันนี้ เราสามารถนำแนวทางในการเทรดของพวกเขาเพื่อนำมาช่วยปรับปรุงผลการเทรดของเราให้ดีขึ้นได้ อย่าลืมที่จะหาความรู้ในการเทรดตลอดเวลา
#449
การเทรด Forex เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ สามารถทํากําไรได้ และหลายคนสนใจ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้กําไรอย่างสม่ําเสมอกับการเทรด Forex เรามาดูกันว่าจะทําอย่างไรจึงสามารถเป็นนักเทรด Forex ที่เก่งได้อย่างไร

ขั้นแรกคือต้องรู้ว่า ตัวเราจะเทรด Forex เพื่ออะไร และจะมีเป้าหมายในการเทรดอย่างไร เช่น ต้องการเทรดเพื่อทํากําไร และ ต้องการกําไร 10% ต่อสัปดาห์ กําไรไม่น้อยกว่า 300 เหรียญ

ควรระบุว่ามีทุนเริ่มต้นเท่าไร เพราะจะทําให้รู้ขอบเขตของทรัพยากรและบริการจัดการได้ และควรมีเป้าหมายยาวกว่า 1 เดือน ถ้ามี รายปีได้จะดี ส่วนมากนักเล่น Forex มักไม่ตั้งเป้าหมายถึงรายปี แต่ข้อดีของการวางแผนเป็นระดับปีก็คือจะได้เรียนรู้จริงๆ เพราะ เวลาเพียง 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนยังไม่ทําให้มั่นใจว่าจะมีทักษะจริงๆ และภายใน 1 ปีก็จะมีเหตุการณ์ สถานการณ์โลก เศรษฐกิจ ต่างๆ มาให้จัดการตลอดเวลา

ความรู้ทาง Forex มีความสําคัญอย่างไร

ในตลาด Forex มีลักษณะทั่วๆไปที่จะเกิดตลอดเวลา เช่น ลักษณะ Harmonic Pattern แต่ก็จะมีลักษณะที่เปลี่ยนไปตาม สถานการณ์ และในแต่ละยุคสมัยอาจมีความเคลื่อนไหวต่างกัน เช่น ก่อนเกิดสงครามการค้า กับหลังเกิดสงครามการค้า มีการเคลื่อน ของคู่เงินต่างกัน หรือแต่ละระยะของสงครามการค้ามีการเคลื่อนไหวต่างกัน การศึกษาให้มีความเก่งเรื่องเทรด Forex ควรเริ่มจากบทเรียนพื้นฐาน ไปสู่บทเรียนเฉพาะเหตุการณ์ดังนี้

1. บทเรียนพื้นฐาน เช่น การใช้โปรแกรมเบื้องต้น การดูกราฟ ลักษณะรูปกราฟ การใช้ Indicator เบื้องต้นในการตัดสินใจซื้อขาย
2. บทเรียนเฉพาะเหตุการณ์ ดูการขยับของกราฟในแต่ละสถานการณ์ ดูจากข่าวและสัญญาณในโลก เช่น การเลือกตั้งนําไปสู่
อะไร การเจรจาการค้านําไปสู่อะไร ค่าเงินประเทศนี้กําลังนิ่งหรือไหวตัว

บทเรียนทั้งสองแบบสามารถเรียนรู้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งที่จะบอกว่าเรียนรู้เพียงพอแล้วคือผลการทํากําไรของเราในการเทรดโดยรวม เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้ และสามารถทําได้สม่ำเสมอ

ขั้นตอนการพัฒนาฝีมือเทรด Forex

ลงมือทํา
เริ่มต้นอย่างไรก็ได้ที่ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเปิดบัญชีและฝากเงินจํานวนน้อย หรือใช้บัญชีทดลอง (บัญชีชนิดพิเศษที่ไม่ต้องใช้เงินจริง เอาไว้ฝึกเทรดโดยเฉพาะ) เมื่อทําแล้วจะสามารถเข้าสู่โปรแกรมเทรดหุ้น Forex และเริ่มใช้งานโปรแกรมได้

เรียนรู้ทักษะเบื้องต้น
เรียนรู้ทักษะการซื้อขาย การหาจุดตัดสินใจซื้อหรือขายเบื้องต้น อาจใช้ Indicator ง่ายๆ เช่น Moving Average

ฝึกฝนให้ชํานาญ
ฝึกฝนทักษะเบื้องต้นที่เรียนรู้มาให้ชํานาญ ไม่ต้องคํานึงถึงการกําไรหรือขาดทุน แต่ให้ดูว่าสามารถซื้อขายได้ตรงตามต้องการหรือไม่

รับรู้ขอบเขต
พยายามรับรู้ขอบเขตความเสี่ยงในตลาด Forex และขอบเขตที่ปลอดภัย และอยู่ในขอบเขตที่ปลอดภัย เพื่อลดการขาดทุนที่ไม่จําเป็น

ลงทุนเฉพาะจํานวนที่สามารถรับได้
เมื่อรับรู้ขอบเขตความเสี่ยงและความปลอดภัยแล้ว พยายามลงทุนในจํานวนที่สามารถรับได้ การกะเกณฑ์วงเงินในการเทรดแต่ละ โอกาสเป็นสิ่งที่ทําให้นักเทรด Forex ที่เก่งสามารถทํากําไรได้ต่างกัน แม้ว่าจะมีความเชี่ยวชาญในเทคนิคทํากําไรระดับเดียวกันก็ตาม

เรียนรู้ทักษะที่สูงขึ้น
เรียนรู้เทคนิคการซื้อขาย ต่อยอดจากทักษะที่มีอยู่แล้วให้ได้กําไรมากขึ้น และนําไปใช้ อาจไม่ต้องมีทักษะที่สูงมาก แต่สามารถผสม ผสานกัน เช่นใช้ Trend Line แล้วเรียนรู้ MACD ขึ้น เป็นต้น หรืออาจเป็นทักษะที่สูงขึ้นเป็นขั้นตอนมากขึ้น

ถ้าจะเรียนรู้การเทรดจากข่าวให้เล่นเฉพาะคู่เงินเดียวก่อน
ข่าวเศรษฐกิจ การเคลื่อนไหวของโลกมีผลต่อการขึ้นลงของคู่สกุลเงินต่างๆ แต่ควรเล่นจากคู่เงินเดียวก่อน และควรเป็นคู่ที่ถนัดคุ้น เคย เพื่อจะได้นําพื้นฐานที่มีแล้วไปต่อยอดได้ และได้กําไรสูงสุด

บันทึกการเทรดแต่ละครั้ง
การบันทึกการเทรดไว้ทุกครั้งจะทําให้เรารู้ว่าเราตัดสินใจแต่ละครั้งอย่างไร สามารถติดตามการพัฒนาทักษะของเรา รู้ว่าผิดพลาดจุด ไหน เราถนัดการเทรดในสภาวะตลาดแบบไหน และพัฒนาลักษณะและฝีมือการเทรดของเราขึ้นมา

ฝึกฝนต่อไปจนถึงเป้าหมายที่พอใจ
ฝึกฝนต่อไปในโอกาสที่มีให้ถคงระดับเป้าหมายที่พอใจก็จะสามารถเป็นนักเทรด Forex ที่เก่งได้ในที่สุด



นี่เป็นขั้นตอนการพัฒนาทักษะ เป็นนักเทรด Forex ที่เก่งขึ้น แต่เป็นแนวทางเท่านั้น คนที่เก่งไม่จําเป็นต้องทําตามนี้ทุกอย่าง แต่ที่ สําคัญคือ หาจุดที่ตัวเองเก่งในการเทรด Forex และจํากัดข้อเสียให้น้อย ก็จะสามารถทํากําไรได้มากกว่าขาดทุน ขอให้ทุกคน ประสบความสําเร็จในการเทรดตามที่ต้องการ

#450
คือรูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นในอดีต สามารถ บอกแนวโน้มใน อนาคตได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1.รูปแบบของราคาทิศทางต่อเนื่อง(Continuation Pattern)
2.รูปแบบของราคาการเปลี่ยนทิศทาง(Reversal Pattern)
3.รูปแบบของราคายังไม่ไปใน ทิศทางใดทิศทางทางหนึ่ง (Sideway Pattern)

#451
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / ระบบเทรด Forex
เมษายน 07, 2022, 01:26:42 หลังเที่ยง
ระบบเทรด Forex คือ เงื่อนไขที่ใช้ในการเปิดออเดอร์ในทุกๆครั้ง ไม่ซื้อขายมั่วตามอารมณ์

ตัวอย่างระบบเทรด

วันนี้ นาย ก ซื้อขาย Forex จากสัญญาณของเส้น EMA
พรุ่งนี้นาย ก ซื้อขาย Forex จากสัญญาณของเส้น EMA
จากตัวอย่างเห็นได้ว่า นาย ก มีระบบเทรดโดยยึดหลักการวิเคราะห์จากเส้น EMA

ตัวอย่างการเทรดแบบไม่มีระบบ

วันนี้ นาย ข ซื้อขาย Forex เพราะคิดว่าราคามันลงมาเยอะแล้ว น่าจะขึ้นไปได้แล้ว
พรุ่งนี้ นาย ข ซื้อขาย Forex เพราะเขารู้สึกว่า มันน่าจะลงสุดแล้ว เนื่องจากราคามีการปรับตัวลงหลายพัน Pip แล้ว
จากตัวอย่างเห็นได้ว่า นาย ข เข้าเทรดแบบไม่มีหลักการ ใช้ความรู้สึก จึงเป็นการเทรดแบบไม่มีระบบหรือ มั่ว นั่นเอง

ระบบเทรด Forex ต้องมีอะไร
ในการสร้างระบบเทรดของตัวเองขึ้นมา ผู้เทรดต้องคำนึงถึงวิธีการเทรดในรูปแบบที่ตนเองถนัด หรือนำเอาอินดิเคเตอร์ที่ตนเองใช้ประจำในการเทรดมาสร้างระบบเทรด

ตัวอย่าง

นาย ก วิเคราะห์กราฟราคาจากอินดิเคเตอร์ Stochastic, EMA, MACD, Trend Line และ Fibonacci เงื่อนไขของนาย ก จะเป็นไปตามอินดิเคเตอร์ ทั้ง 5 ตัวนี้ การที่นาย ก จะ Buy หรือ Sell ก็ขึ้นอยู่กับอินดิเคเตอร์ ทั้ง 5 ตัวนี้ นี่คือระบบเทรดของนาย ก

ระบบเทรดที่ดีควรเป็นอย่างไร
ระบบเทรดที่ดี ต้องมาจากผู้เทรด สร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง ด้วยเครื่องมือที่ตนเองถนัด

หากนาย ก ถนัดใช้ Stochastic ในการวิเคราะห์ แต่นาย ก เห็นนาย ข ใช้ RSI ในการวิเคราะห์แล้วใช้ง่ายดี นาย ก จึงหันไปใช้ RSI โดยที่นาย ก ไม่ถนัด

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ นาย ก จะขาดทุน เพราะเขาวิเคราะห์กราฟด้วย RSI โดยที่เขายังไม่เชียวชาญ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่คุณต้องค้นหาระบบเทรดของตนเอง

ทำไมต้องเทรดเป็นระบบ
สาเหตุในการเทรด เป็นระบบเนื่องจากเราต้องการ การวัดผล

ในการเทรด Forex แต่ละครั้ง กราฟราคามีโอกาส ขึ้นลง 50:50
หากคุณเปิดออเดอร์ Buy โอกาสขาดทุนและได้กำไรจะอยู่ที่ 50% ต่อครั้ง
แต่ในการเทรด Forex เราไม่ได้เทรดเพียงแค่ออเดอร์เดียว เทรดเดอร์ในตลาด Forex เข้าออเดอร์มากกว่า 100 ออเดอร์ต่อปี ดังนั้น โอกาสเป็นกำไรใน 100 ออเดอร์นี้จึงไม่ใช่ 50%

วิธีเดียวที่คาดการณ์ได้ใกล้เคียงความจริงที่สุดว่าคุณมีโอกาสทำกำไรได้กี่ออเดอร์หรือขาดทุนได้กี่ออเดอร์ คือ ระบบเทรด

ตัวอย่างการทดสอบระบบ

นาย ก ใช้ EMA ในการเทรด 100 ครั้ง ใช้สัญญาณจาก EMA ทั้งหมดทุกครั้งที่เทรด ปรากฏว่าใน 100 ครั้งนาย ก ได้กำไร 75 ครั้ง ขาดทุน 25 ครั้ง คิดเป็นสัดส่วนกำไร:ขาดุน 75:25

หมายความว่า ในการซื้อขายแต่ละครั้ง นาย ก มีโอกาสคาดการณ์ราคาถูกทิศทางถึง 75% ระดับความแม่นของระบบเทรด ของนาย ก จะอยู่ที่ 75% เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างการเทรดแบบวัดผลไม่ได้

นาย ข เทรด 100 ครั้ง แต่ในหนึ่ง 100 ครั้ง นาย ข ใช้ สารพัดเครื่องมือตามอารมณ์ เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามกระแส ปรากฏว่า ในการเทรด 100 ครั้ง นาย ข ได้กำไร 80 ครั้ง ขาดทุน 20 ครั้ง คิดเป็นสัดส่วนกำไร:ขาดุน 80:20

หมายความว่า ในการซื้อขายแต่ละครั้ง นาย ข มีโอกาสคาดการณ์ราคาถูกทิศทางถึง 80% ระดับความแม่นในการเทรด ของนาย ข จะอยู่ที่ 80% เช่นเดียวกัน แต่เฉพาะครั้งนี้เท่านั้น รอบต่อไปผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่เป็นไปตามเดิม

นาย ข ไม่สามารถทำนายการเทรดในอนาคตไว้ว่า ความแม่นของเขาจะอยู่ที่สัดส่วนเท่าไหร่

เนื่องจากเขาไม่มีระบบเทรด ไม่รู้ว่าเครื่องมืออะไรที่ทำให้เขาได้กำไร ไม่รู้ว่าเครื่องมือใดที่ทำให้เขาขาดทุน

แน่นอนว่าการที่เขาได้กำไร 80% จะเป็นตัวเลขที่ดีในอดีต แต่ในอนาคตอาจจะไม่ใช่แบบเดียวกัน เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาได้กำไร

เนื่องจากเขาเปลี่ยนเครื่องมือไปเรื่อยๆ แทนที่เขาจะทำแบบเดิมซ้ำๆเพื่อหาผลลัพธ์ที่แท้จริง แต่นาย ข เลือกที่จะเปลี่ยนเครื่องมือไปเรื่อยๆ จึงไม่ได้ข้อสรุปว่าเครื่องมือใดคือเครื่องมือที่ทำกำไรให้กับเขา วิธีแบบนี้จึงไม่ยั่งยืน

ทำไมต้องเทรดเป็นระบบ
การเทรด Forex โดยไม่มีระบบเทรด ไม่ต่างจากการเดาว่าราคาจะขึ้นหรือลงตามอารมณ์
การเทรด Forex โดยไม่มีระบบเทรด จะทำให้คาดการณ์ความสำเร็จในอนาคตไม่ได้ เนื่องจากเขาก็ไม่รู้ว่าเครื่องมือใดทำให้เขาสำเร็จ
การเทรดแบบไม่มีระบบเทรด ทำให้เขารักษายอดกำไรไม่ได้อย่างต่อเนื่อง
การเทรดแบบไม่มีระบบเทรด คือการเดินหลงไปป่าในรูปแบบเดินเป็นวงกลม สุดท้ายก็วนมาจุดเดิม
ระบบเทรด Forex สำคัญอย่างไร
ระบบในการเทรดสำคัญกับพอร์ตลงทุนของเราเป็นอย่างมาก เพราะหากเรามีระบบในการเทรดที่ดี เราจะสามารถวัดผลได้ว่า หากเราเทรดแบบนี้ อีก 1 ปีข้างหน้าพอร์ตของเราจะเติบโตเป็นเท่าไหร่ หากเราเทรดแบบนี้ อีก 2 ปีข้างหน้าพอร์ตของเราจะเติบโตเป็นเท่าไหร่ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เราก็สามารถหาข้อปรับปรุงแก้ไขได้

ต่างจากการที่ไม่มีระบบเทรด การไม่มีระบบเทรดจะไม่สามารถวัดผลอะไรได้เลย เทรดแบบไม่มีกลยุทธ์ที่แน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะสามารถต่อสู้ในตลาด Forex ได้

ตัวอย่างระบบเทรด
หากเราเป็นเทรดเดอร์ ที่เทรด Forex ด้วยระบบการเทรดจาก EMA 2 เส้นตัดกัน แล้วทำการเข้าซื้อ โดยมี 2 ค่าด้วยกัน EMA20 เส้นสีแดง และ EMA50 เส้นสีน้ำเงิน (ตามภาพข้างล่าง)



เงื่อนไขของระบบเทรด
เปิดออเดอร์ Buy เมื่อ EMA20 เส้นสีแดง ตัดกับ EMA50 เส้นสีน้ำเงิน โดย EMA20 เส้นสีแดง อยู่ด้านบน
ปิดออเดอร์ Buy เมื่อ EMA20 เส้นสีแดง ตัดกับ EMA50 เส้นสีน้ำเงิน โดย EMA20 เส้นสีแดง อยู่ด้านล่าง
เปิดออเดอร์ Sell เมื่อ EMA20 เส้นสีแดง ตัดกับ EMA50 เส้นสีน้ำเงิน โดย EMA50 เส้นสีน้ำเงิน อยู่ด้านบน
ปิดออเดอร์ Sell เมื่อ EMA20 เส้นสีแดง ตัดกับ EMA50 เส้นสีน้ำเงิน โดย EMA50 เส้นสีน้ำเงิน อยู่ด้านล่าง
และเราก็จะซื้อขายด้วยเงื่อนไขนี้ซ้ำๆ ข้อดีคือ หากระบบเทรดนี้ไม่เป็นกำไร เราก็จะสามารถวัดผลได้ และอาจจะนำเอากลยุทธ์อื่นๆ เข้ามาช่วยเพื่อให้การวิเคราะห์ราคาของเรามีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราไม่มีระบบเทรดเราจะไม่รู้เลยว่า การซื้อขายของเรามีความแม่นยำแค่ไหน

การวิเคราะห์กราฟราคาโดยเฉพาะวิธีการวิเคราะห์กราฟราคาของเรามีประสิทธิภาพหรือไม่? สิ่งเหล่านี้เราจะไม่ทราบเลย ถ้าหากว่าเราไม่มีระบบเทรด หรือไม่มีการเทรดที่เป็นระบบ

ระบบเทรด ต้องยืดหยุ่น
ระบบเทรด ไม่ใช่แค่เงื่อนไขที่ทำให้เราซื้อขายซ้ำๆ เพียงเท่านั้น แต่ระบบเทรด คือ กลยุธท์ในการต่อสู้กับ ตลาด Forex ให้เราสามารถอยู่รอดในตลาด Forex ได้ในระยะยาว ต้องปรับให้ยืดหยุดเหมาะสมกับแต่ละสภาวะของตลาด เช่น

ถ้าตลาดแกว่งตัวแรง เราจะต้องปรับระบบการเทรดใหม่ หากต้องการเทรดสภาวะตลาดที่นิ่ง เพราะเราจะใช้ระบบเทรดบนกราฟแกว่งตัวแรง ร่วมกับระบบการเทรดกราฟไม่แกว่งตัวที่นิ่งไม่ได้ เพราะราคามันเคลื่อนที่คนละรูปแบบกัน
ถ้าตลาดเป็นแนวโน้ม Sideway เราจะต้องปรับระบบการเทรดใหม่ หากเราต้องการเทรดบนตลาดอยู่ในสภาวะแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง เพราะเราจะใช้ระบบเทรดกราฟราคาอยู่ในสภาวะตลาด Sideway ร่วมกับระบบการเทรดที่เทรดบนสภาวะตลาดแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงไม่ได้ เพราะราคามันเคลื่อนที่คนละรูปแบบกัน
เราจะสร้างระบบเทรด Forex ได้อย่างไร
ระบบเทรด Forex เราทุกคนสามารถสร้างระบบของตัวเองได้ จากการเรียนรู้และทำความเข้าใจในการเทรด หากคุณผู้อ่านกำลังอยู่ในช่วงศึกษาการเทรด Forex ผมอยากให้ลองศึกษากลยุทธ์การเทรด วิธีวิเคราะห์ราคา การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน รวมไปถึงใช้อินดิเคเตอร์ในการช่วยวิเคราะห์

แนะนำว่า เราสามารถเรียนรู้ได้มากเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะเราจะได้รู้ว่า อะไรที่เหมาะและไม่เหมาะกับตัวเรา แล้วเราก็คัดเลือกเฉพาะการวิเคราะห์ วิธีการอ่านกราฟ มาใช้และวัดผลอย่างต่อเนื่อง แล้วหลังจากนั้น เราก็อาจจะเริ่มได้ระบบเทรดของตัวเองเรา

เราจะสร้างระบบเทรด Forex ได้อย่างไร
เอาระบบเทรดคนอื่นมาใช้ดีไหม? หลายคนอาจจะเคยเห็นว่า มีหลายเว็บไซต์ก็จะแจกระบบเทรดของตัวเอง หรือขายระบบเทรดของตัวเองให้ จึงทำให้เกิดคำถามว่า เอาระบบเทรดของคนอื่นมาใช้จะได้ไหม? อันนี้ผมต้องถามกลับว่า ถ้าคุณอยู่ กรุงเทพมหานคร คุณต้องการเดินทางไปขอนแก่น

คุณจะเลือกเดือนทางด้วยอะไรระหว่าง การวิ่ง การเดิน การนั่งรถ การนั่งเครื่องบิน การปั่นจักรยาน การขี่มอเตอร์ไซต์ ซึ่งวิ่ธีการเดินทางเหล่านี้ สามารถทำให้คุณสามารถเดินทางไปถึงปลายทางที่ขอนแก่นได้เหมือนกัน

แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบกินลมชมวิว และพอมีเวลา คุณไปเลือกตามคนที่นั่งเครื่่องบิน นั่นก็อาจจะไม่ตอบโจทย์การเดินทางในครั้งนั้นทั้งหมด

ในตลาด Forex ก็เช่นเดียวกัน ถ้าคุณเป็นคนใจร้อน ต้องการซื้อขายอย่างรวดเร็ว ภายใน 1 วันต้องรู้กำไรหรือขาดทุน แต่คุณได้ไปเอาระบบเทรดของเทรดเดอร์ผู้เย็นชา ถือออเดอร์ได้เป็นเดือนเป็นปี แบบนี้ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์การเทรดของคุณสักเท่าไหร่เลยใช่ไหม
#452
Breakout ในตลาด Forex คือการที่กราฟมีราคาทะลุแนวรับ หรือแนวต้านที่เราตั้งไว้ หรือที่เรียกว่า " การฝ่าวงล้อม " การเกิด Break Out จะเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ และเมื่อมีการเคลื่อนไหวทะลุกรอบจึงเรียกว่า Break Out สามารถเกิดขึ้นได้ในเครื่องมือหลายชนิด



ประโยชน์ของการใช้ Breakout

1. ใช้เป็นข้อมูลในการเปิดออเดอร์ได้
เพราะว่าเมื่อเกิดการ Breakout แล้ว คุณสามารถเปิดสัญญาเพื่อทำการ Follow ราคาตามได้เลย เพราะโดยปกติแล้ว ราคาเมื่อทำการ Breakout แล้ว ราคาจะวิ่งต่อไปค่อนข้างที่จะแรงมาก

2. สามารถทำกำไรก้อนโตได้
เมื่อเกิดการ Breakout เราจะไม่รู้เลยว่าราคานั้นจะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง ถ้าคุณเปิดสัญญาตามได้ทัน ก็สามารถทำกำไรก้อนโตได้เลย แต่การวิเคราะห์ Breakout ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่สามารถทำกำไรก้อนโตได้ทุกครั้ง ในส่วนของตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุนด้วยว่า ได้ทำความเข้าใจรูปแบบและพฤติกรรมของราคามากขนาดไหน

โดยสรุปแล้ว Breakout คือ รูปแบบของราคาที่ทำให้เราสามารถอาศัยประโยชน์ของมันจากการเทรดได้ เพื่อใช้ในการบอกสัญญานให้จังหวะการเทรด เพราะเมื่อคุณสามารถหาราคา Breakout ที่แท้จริงเจอ นั่นหมายถึงคุณสามารถทำกำไรได้ทัน

#453
ในตลาด Forex เรามักจะสงสัยอยู่เสมอว่า ตลาดมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ ใครเป็นคนเทรด เนื่องจากตลาดเป็นตลาด Over the Counter เราจึงไม่สามารถเห็นผู้เล่น หรือว่าคนที่อยู่ในตลาด ใครเป็นใครและขาใหญ่เป็นใครในตลาด Forex ได้เท่าที่ควร วันนี้เราก็จะมาชำแหละดูว่าในตลาด Forex นั้นมีผู้เล่นกลุ่มไหนบ้าง แต่ละคนมีหน้าที่อะไร เป็นอะไรในตลาด Forex ความมุ่งหวังและความคาดหวังของการทำกำไรของแต่ละกลุ่มนั้นแตกต่างกันขนาดไหน  เพื่อที่เราจะได้ทราบว่า เราจะต้องเผชิญกับใครและพวกเขาเหล่านั้นใช้กลยุทธใดในการเทรด  โดยกลุ่มผู้มีส่วนร่วมในตลาดมีดังต่อไปนี้

ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

กลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นกลุ่มผู้เล่นหลักในตลาด Forex อยู่แล้วเพราะว่า ธนาคารนั้นเป็นตัวกลางในการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน หากใครจะซื้อ หรือขายค่าเงิน ต้องทำธุรกรรมผ่านธนาคาร จึงไม่แปลกใจว่า ธนาคารนั้นจะมีเงินสำรองไว้ในมือค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ธนาคารพวกนี้ยังมีการเก็งกำไร ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งปริมาณการซื้อขายของธนาคาร ในตลาด Forex สส่วนใหญ่ กินมูลค่ากว่า 70 % ของธุรกรรมในตลาด เพราะว่าธนาคารพวกนี้จะทำการเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาของอัตราแลกเปลี่ยน พวกธนาคารมีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่สูงกว่า นอกจากนี้ได้ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ มีเงินในการบริหารจัดการในมือ ทำไมพวกนี้ถึงจะไม่ลงไปเล่นในตลาดกันหล่ะ

ธนาคารกลาง

จริง ๆ แล้วขาใหญ่สุดน่าจะเป็นธนาคารกลางของแต่ละประเทศมากกว่า เพราะอะไรหน่ะหรือ? เพราะว่าพวกเขามีเงินของตัวเองยังไงหล่ะ ในสมัยก่อนธนาคารกลางมีบทบาทในการแทรกแซงค่าเงินของตัวเอง เพื่อรักษาเสถียรภาพของเงิน ตัวอย่างเช่น การใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ หรือว่า Fixed to USD คือผูกค่าเงินไว้กับ USD นั้นเมื่อก่อนที่ 25 บาทเพื่อให้ค่าเงินมันคงที่ รัฐบาลจะต้องทำการซื้อหรือขายเงินในแต่ละวันกรณีที่มันผิดไปจากเดิม เช่น ถ้าหากราคามันพุ่งจาก 25 เป็น 26 ธนาคารก็จะมีหน้าที่ขายเพื่อให้เงินกลับมาอยู่ที่ 25 บาทเป็นต้น อย่างไรก็ตามการทำอย่างนั้นทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพก็จริง แต่ว่าก็จะทำให้ธนาคารกลางมีความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนและถูกโจมตีได้ จากเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เช่น วิกฤติต้มยำกุ้งของประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้การใช้นโยบายค่าเงินของธนาคารกลางเปลี่ยนมาใช้เป็นการเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ซึ่งทำให้บทบาทของธนาคารกลางในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนลดลงไป เพราะไม่ต้องไปคอยซื้อเพื่อควบคุมเสถียรภาพของราคาอีกต่อไป โดยกลุ่มธนาคารที่มีบทบาทใหญ่ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนได้แก่ ธนาคารที่มีค่าเงินสำคัญที่มีการซื้อขายมากที่สุดได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ธนาคารแห่งชาติยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางสวิส เป็นต้น

กองทุนเพื่อการลงทุน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความสำคัญในตลาด Forex นั่นก็คือ พวกกองทุนต่าง ๆ ทั้งนี้กองทุนมีหลักหมื่นกองทุนในโลก และมีท่าทีว่าจะโตต่อเนื่องอย่างไม่หยุดพวกนี้ก็แทรกซึมอยู่ทุกที่ และมีกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย กองทุนพวกนี้ก็เลือกสนาม Forex ในการเทรดด้วยเช่นกัน หลัก ๆ ก็เพื่อเก็งกำไร และส่วนที่รองลงมา คือ การพยายามลดความเสี่ยงของการลงทุน การกระจายสินทรัพย์ เพราะว่าการลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนนั้นทำได้ง่าย ซึ่งพวกกองทุนมีความได้เปรียบเรื่อง การมี Connection และการมีต้นทุนที่ต่ำกว่าลูกค้ารายย่อยประเภทอื่น ๆ อยู่แล้ว ทำให้ไม่ใช่เรื่องยากเลย สิ่งที่เป็นเรื่องยากกว่าสำหรับกองทุนคือ การบริหารจัดการให้ได้กำไร

โบรคเกอร์

สำหรับ Forex Trader ไม่ว่าหน้าใด ๆ ก็ต้องไม่มองข้าม คู่แข่งโดยตรงของเรา ซึ่งเรียกว่าใกล้ตัวเรามากที่สุด เขาเป็นทั้งผู้ให้บริการ และเป็นผู้ที่กุมความได้เปรียบของเรา กุมชะตาชีวิตของเรา นั่นคือ Broker ก็คือ Broker Forex นี่แหละ พวกนี้เข้ามาเทรดเพราะว่า พวกเขาก็มีเงินทุนสำรองหนาเช่นกัน นอกจากนี้เขายังเทรดตรงข้ามกับเราอีก ในบางครั้ง รูปแบบการเทรดก็ตแกต่างกันไปในแต่ละโบรคเกอร์แต่ละประเภท ลองจินตนาการถึง ตลาดคือ เจ้ามือหวยเจ้าใหญ่ ขณะที่โบรคเกอร์ก็คือ คนขายหวยใต้ดินในหมู่บ้าน จู่ ๆ มีคนหนึ่งเดินมาแทงเลขท้าย 2 ตัว 77 ซึ่งเคยออกไปแล้วในงวดก่อนหน้า จำนวน 50,000 บาท เมื่อโบรคเกอร์เห็นเงินจำนวนนี้ก็โลภและคิดว่าอยากจะได้ไว้เอง เลยไปดูสถิติที่หวยจะออกเหมือนกัน 2 งวดพบว่าไม่มีก็เลยรับเงิน 50,000 ไว้เสีย แล้วไม่ส่งเข้าตลาด ถ้าลูกค้าแทง 77 แล้วถูกโบรคเกอร์ก็จะต้องจ่าย แต่ถ้าเทรดเดอร์ทายผิดเขาก็ได้เลย 50,000 บาท นั่นจึงทำให้โบรคเกอร์อยู่ในสถานะเทรดเดอร์ แต่ถ้าหากว่า คาดว่ามันจะเป็นไปตามที่คนที่แทงคิด เขาก็จะไม่ส่งรับคำสั่งเองและส่งเข้าไปในตลาดให้เป็นไปตามกลไกตลาด เป็นต้น

เทรดเดอร์รายบุคคล

เรารู้จักกันในนามเทรดเดอร์รายย่อย ไม่ต้องหันไปมองใครที่ไหนครับ เรานี่แหละเทรดเดอร์รายยุ่ย  เอ๊ย ย่อย เพราะเว่าเราเข้ามาด้วยการเก็งกำไรล้วน ๆ มีความเสี่ย งและขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาด Forex สุดท้ายก็อาจจะต้องเผชิญกับภาวะขาดทุน

สำหรับกลุ่มเหล่านี้แต่ละกลุ่มจะใช้กลยุทธ์แตกต่างกันที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ พวกธนาคารอาจจะไม่ได้มุ่งหวังกำไรจากการส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนมากนักแต่คาดหวังเรื่องของการลดความเสี่ยงของการโยกย้ายเงินดังนั้นกลยุทธ์ในการเทรดของแต่ละกลุ่มจะไม่เหมือนกัน แต่ร้อยละ 80 นั้นคือ เข้ามาเพื่อการเก็งกำไรอย่างแน่นอน จึงต้องกินส่วนต่างของราคาเป็นสำคัญ




#454
การเทรดระยะยาวเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกท่านใฝ่ฝันหรืออยากที่จะฝึกให้ถึงระดับนั้น
เนื่องจากกำไรจากการเทรดเป็นเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่า
เราเข้าออเดอร์ในตำแหน่งที่ดี ออกออเดอร์ครั้งเดียวกินยาว
ไม่ต้องเฝ้าจอ ที่สำคัญ โม้เพื่อนได้ด้วยว่าเราเจ๋ง


หลายๆท่านนักเทรดก็พยายามหาแนวทางในการเทรดระยะยาวกัน
แต่ความเป็นจริงแล้วมีคนส่วนน้อยมากที่จะทำกำไรแบบยาวได้
เนื่องจากมีหลายปัจจัยเข้ามาประกอบ
แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดมีอยู่อย่างเดียวคือเรื่องของ "อารมณ์"

แน่นอนการลงทุนกับเรื่องอารมณ์เป็นของคู่กันเสมอ
ถึงแม้ว่าเราจะเข้าออเดอร์ในตำแหน่งที่ดีมากๆแล้ว
และหวังที่จะมองมันยาวๆ แต่ถ้าอารมณ์เข้ามาทำให้เราไขว้เขว
ก็จะทำให้เราไม่ทำตามแผนได้คือ เมื่อเห็นกำไรแล้วก็รีบปิด
หรือบางทีกราฟย่อมาหน่อยแล้วจากที่เคยได้กำไรมากกลายเป็ยกำไรน้อย
เลยรีบปิดคิดว่าเป็นการกับตัวของกราฟ สุดท้ายกราฟก็กลับไปที่เก่าที่เราเคยกำไรสูง
แล้วทะลุสูงขึ้นไปอีก ซึ่งเราก็ไม่กล้าเข้าแล้วเพราะเราเคยเข้าจุดต่ำกว่านั้นแล้ว
เลยทำให้เราขายหมูไปเรียบร้อย

เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีปัญหาเรื่องอารมณ์ในการเทรด
แต่คุณมั่นใจในระบบคุณแล้วจะแนะนำตามนี้


*กรณีที่คุณเปิดออเดอร์แล้ว และมีจุด SL และ TP แล้วก็ปิดหน้าจอไปใช้ชีวิต*
การทำอย่างนี้คุณอาจรู้อยู่แล้วใช่มั้ย แต่คุณลองทำมันจริงๆแล้วหรือยัง??
คุณลองดูสักครั้งนึงก็ได้ หรือถ้ายังกลัวอยู่ให้ฝึกกับการเทรด lot size ที่น้อย
หรือเปิดพอร์ต Cent เพื่อฝึกก่อน ยิ่งฝึกบ่อยๆคุณก็จะใจเย็นลงและทำได้ดี
#455
Money managemant / การบริหารความเสี่ยง Forex ทำอย่างไร
เมษายน 04, 2022, 11:44:05 ก่อนเที่ยง
การวางแผนบริหารความเสี่ยงที่ดี ควรนำผลสถิติของระบบเทรด มาคำนวนร่วมกัน

ตัวอย่างเช่น: ระบบเทรด SMA 80
มีอัตรา Win Rate = 60%,
และ Risk Reward = 1:1

ให้นึกภาพว่า : เปรียบเสมือนขวดโหลอันหนึ่ง มีลูกแก้วอยู่ 100 ลูก

สีเขียว 60 ลูก
สีแดง  40 ลูก
หากหยิบได้ลูกแก้ว สีเขียว = ได้กำไร
หากหยิบได้ลูกแก้ว สีแดง = ขาดทุน

* จะเห็นได้ว่า คุณมีโอกาสหยิบโดน "ลูกแก้วสีแดง" ติดต่อกันถึง 40 ครั้ง

หมายความว่ามีโอกาสชน Stop-Loss ต่อเนื่อง 40 ครั้ง
ซึ่งนั่นหมายถึง "ความเสี่ยงสูงสุด ของระบบเทรดนั้น"

*หากคุณเทรดด้วยความเสี่ยงครั้งละ 1% ของเงินทุน

คุณจะมีโอกาส ขาดทุนสูงสุด = 40% ของเงินทุน
เพราะสามารถหยิบโดนลูกแก้วสีแดงได้ติดต่อกัน สูงสุดถึง 40 ครั้ง

*หากคุณเทรดด้วยความเสี่ยงครั้งละ 3% ของเงินทุน

สามารถล้างพอร์ตได้เลย เพราะหากหยิบโดนลูกแก้วสีแดง 33 ครั้ง
ก็ขาดทุนไป 99% ของเงินทุนแล้ว

จากตัวอย่างดังกล่าว เห็นได้ชัดว่า การบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญมาก!

และเป็นเรื่องควรวางแผนตั้งแต่ต้น เพื่อที่จะให้พอร์ตสามารถรันได้อย่างต่อเนื่อง
แม้หยิบโดนลูกแก้ว สีแดงติดกัน 40 ครั้ง ก็ยังไม่ล้างพอร์ต
สามารถอดทนจนกว่าจะผ่านพ้นช่วง Draw-Down จนกว่าจะหยิบได้ลูกแก้วสีเขียว เพื่อกลับมาทำกำไรคืนอีกครั้ง

คุณต้องตั้งขอบเขตให้ตัวเอง

เพราะเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่า สามารถรับมือกับการขาดทุนได้มากเท่าไหร่
ให้ถามตัวเองว่า สมมุติว่า "เงินทุน 1 แสนบาท สามารถรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ ?"
เช่นคำตอบคือ  "เงิน 1 แสน ฉันรับความเสี่ยงได้ 30,000  (30% ของเงินทุน)"

จากนั้นเอาโจทย์นี้เป็นตัวตั้ง ในการจัดการ Lot, SL ความเสี่ยงในการเทรด

เพื่อให้หากเกิดการชน SL สูงสุดของระบบแล้ว จะขาดทุนไม่เกิน 30% ของเงินทุน

ตัวอย่างการคำนวณ

กรณีของระบบ SMA  ระบบมี Win Rate = 60% , Risk Reward = 1:1
ซึ่งหมายความว่า โดยสถิติแล้วระบบจะมีโอกาสชน SL ต่อเนื่องกันสูงสุด 40 ครั้ง

สูตรคำนวณ

[1 ÷ (100 – Win Rate) ] x ความเสี่ยงที่รับได้
[1 ÷ (100 – 60) ]  x 30 =  0.75

หมายความว่า หากต้องการควบคุมความเสี่ยงสูงสุด ไม่ให้เกิน 30% ของเงินทุน
ต้องเทรดโดยกำหนดความเสี่ยง Order ละ 0.75% ของเงินทุน
เพื่อให้หากเกิดการชน SL ต่อเนื่องกัน 40 ครั้ง พอร์ตจะมีมูลค่าความเสียหาย = 30% ของเงินทุน

ธรรมชาติของการบริหารความเสี่ยง

การกำหนดความเสี่ยงในการเทรดที่ต่ำ > ย่อมส่งผลให้ผลกำไรต่ำตามลงมาเช่นกัน

ในการวางแผนบริหารความเสี่ยง จึงควรพิจารณาเพิ่มเติม จากตัวแปร 2 ตัวนี้เป็นสำคัญ
เพื่อที่จะใช้ในการประเมิน "ความคุ้มค่าในการลงทุน"
1.ผลกำไรเฉลี่ยต่อเดือน/ต่อปี
2.อัตราการขาดทุนสูงสุด (Draw-Down)

#456
ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จกับฟอเร็กซ์ไม่ใช่เรื่องของโชคหรือมีประสบการณ์ในฐานะนายหน้าซื้อขายหุ้น สิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้ประสบความสำเร็จกับ forex คือการฝึกอบรมที่เหมาะสม และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาด เคล็ดลับเหล่านี้ควรอธิบายพื้นฐานเบื้องหลัง forex และช่วยให้คุณเริ่มต้นการศึกษา

Forex อาจเป็นสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่มีความเข้มข้นสูง ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแผนอย่างละเอียดก่อนเริ่มการซื้อขาย หากคุณพบว่าตัวเองกำลังตัดสินใจซื้อและขายในช่วงเวลาเร่งด่วน ถึงเวลาต้องคิดใหม่เกี่ยวกับกลยุทธ์ของคุณ แผนที่ดีควรตัดสินใจอย่างรวดเร็วเหล่านี้ให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันความผิดพลาดทางอารมณ์

อย่าแลกเปลี่ยนเงินในตลาด forex ที่คุณต้องการเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินขั้นพื้นฐานของคุณทุกเดือน หากคุณกำลังทำงานตามกำหนดเวลาในการชำระค่าจำนองหรือค่าสาธารณูปโภค คุณจะต้องค้าขายทางอารมณ์ ไม่ใช่อย่างมีเหตุผล การเทรด Forex ไม่ควรทำเป็นแหล่งรายได้เพียงแหล่งเดียวของคุณ และควรทำด้วยเงินที่คุณสามารถจะเสียได้เท่านั้น

อย่าปล่อยให้ความโลภหรือความตื่นเต้นเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจของคุณในฐานะเทรดเดอร์ บางคนตกเป็นเหยื่อของสิ่งนี้และสูญเสียเงินโดยไม่จำเป็น สิ่งเดียวกันนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อบุคคลตื่นตระหนก ควบคุมอารมณ์ของคุณ

Forex ทำการสาธิตที่ควรใช้ก่อนที่จะทำของจริง สิ่งนี้จะให้การฝึกฝนและประสบการณ์ที่คุณต้องการ เพื่อให้คุณสามารถสร้างรายได้เมื่อทำการซื้อขาย แทนที่จะสูญเสียเงินออมที่ได้มาอย่างยากลำบาก คนส่วนใหญ่ล้มเหลวในการซื้อขายเพียงเพราะพวกเขาไม่มีความรู้ที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จ ดังนั้นเพื่อเอาชนะสิ่งนี้ ให้ฝึกฝนก่อน

เคล็ดลับการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ดีคือการตระหนักถึงความตั้งใจของคุณ หากคุณตัดสินใจที่จะเป็นนักเทรดฟอเร็กซ์เพราะคุณต้องการเงินอย่างมาก แสดงว่าคุณอยู่ในนั้นด้วยเหตุผลที่ผิด การมีความสนใจในการเทรดอย่างแท้จริงคือสิ่งที่ทำให้เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่ดี

เมื่อคุณเข้าสู่การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อย่าทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า Forex อาจต้องเสียภาษีอย่างง่ายดายเหมือนกับลาสเวกัส หากคุณเข้าสู่ตลาดโดยที่คนตาบอดของคุณเปิดอยู่ เปรียบเสมือนการเล่นการพนันหลายครั้งและในหลาย ๆ ด้าน อย่าค้นหาวิธีที่ยาก หาข้อมูล หรือเสียเงินจำนวนมาก

ตรวจสอบว่าคุณเลือกประเภทบัญชีที่ถูกต้อง หากคุณเป็นมือใหม่ ให้เลือกบางอย่างที่ไม่ต้องใช้ทักษะการจัดการมากนัก เมื่อคุณสบายใจขึ้นแล้ว ให้อัปเกรดเป็นบัญชีที่สะท้อนถึงจำนวนเงินที่คุณต้องการลงทุน และจำนวนเงินที่คุณต้องทำ

หากคุณไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา หรือหากคุณวางแผนที่จะเดินทาง เลือกโบรกเกอร์ที่ให้บริการทางโทรศัพท์ คุณสามารถตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันได้ด้วยการโทรศัพท์ ตัดสินใจและทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้นแม้ในขณะที่คุณไม่อยู่บ้าน

พื้นฐานของการซื้อขายฟอเร็กซ์คือการตัดสินใจของคุณตามราคาเสนอซื้อ ราคาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่คุณมีได้มากแค่ไหน หลักการง่าย ๆ คือ หากคุณสามารถทำกำไรได้ เทรดสิ่งที่คุณมีหรืออะไรเพื่อผลกำไรที่มากขึ้น หากคุณไม่สามารถทำกำไรจากการขายก่อนที่คุณจะเสียเงินอีกหรือรอให้ตลาดเปลี่ยนแปลง

นักลงทุน Forex ควรทำอย่างดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงเงินเยน สกุลเงินนี้ไม่เพียงแต่อ่อนแออย่างเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เท่านั้น แต่ยังได้รับอิทธิพลอย่างมากจากดัชนี Nikkei ซึ่งเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นในญี่ปุ่น เงินเยนนั้นคาดเดายากเกินกว่าจะติดตามได้

เมื่อเริ่มต้นในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศครั้งแรก อย่าพยายามไปสวนทางกับตลาด ผู้เริ่มต้นควรซื้อขายกับแนวโน้มและติดตามกระแสตลาด เมื่อคุณกลายเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มากขึ้นในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแล้ว คุณสามารถลองซื้อขายกับตลาดได้หากคุณมีความอดทนและเงินทุนเพียงพอที่จะทำตาม แต่ไม่แนะนำให้ทำ

คุณต้องวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต เพื่อให้ได้แนวคิดที่ดีขึ้นเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาด เมื่อคุณใช้เวลาในการทบทวนแผนภูมิก่อนหน้า คุณจะสามารถค้นหารูปแบบที่อาจเกิดขึ้นกับตัวบ่งชี้เมื่อมันเกิดขึ้นอีกครั้ง มันจะช่วยให้คุณสร้างแผนการซื้อขายที่ยอดเยี่ยมด้วยเงื่อนไขการเข้าและออกที่ประสบความสำเร็จ

คำแนะนำที่ดีที่สุดประการหนึ่งที่ผู้ค้า forex จะได้รับคืออย่ายอมแพ้ การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการเทรดฟอเร็กซ์ และเทรดเดอร์ทุกคนจะประสบกับการสูญเสียเป็นระยะๆ สิ่งที่ทำให้เทรดเดอร์ตัวจริงแตกต่างจากมือสมัครเล่นหรือผู้แพ้คือความมุ่งมั่นและความอุตสาหะ ไม่ว่าตอนนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร ให้ก้าวไปข้างหน้า แล้วคุณจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

เรียนรู้คำศัพท์ของการซื้อขายฟอเร็กซ์ รู้ความหมายของคำพิเศษ เช่น bid, ask price, spread หรือ pip อย่าเริ่มเสียเงินในบัญชีนายหน้าของคุณจนกว่าคุณจะคุ้นเคยกับสำนวนเหล่านี้เนื่องจากเป็นพื้นฐานของอาชีพนี้ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อมีบางอย่างไม่ชัดเจน

รับนายหน้า Forex ที่ดีเพื่อช่วยให้คุณก้าวหน้าในอาชีพในการซื้อขาย Forex ตรวจสอบให้แน่ใจว่านายหน้าของคุณมีคุณสมบัติครบถ้วนและมีการฝึกอบรมและการรับรองที่เหมาะสมทั้งหมด เชื่อมต่อตัวเองกับนักเทรดมืออาชีพที่สามารถช่วยให้คุณเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดของการซื้อขาย Forex คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ในขณะที่คุณกำลังหา Forex ด้วยบัญชีทดลองของคุณ

คุณสามารถทำเงินพิเศษได้พอสมควรกับการซื้อขาย Forex เป็นเรื่องง่าย สนุก และน่าตื่นเต้นที่จะใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านของคุณเพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินและรับเงินสด อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถทำได้จากด้านบนของหัวของคุณ คุณต้องใช้เวลาในการเรียนรู้วิธีการทำงานของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุผลนี้ คุณต้องลงทุนเวลาบางส่วนในบัญชีทดลองของคุณและเรียนรู้ทุกอย่างที่ทำได้เกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายต่างๆ ที่เหมาะกับการซื้อขาย Forex

หากคุณยังใหม่ต่อ forex ขั้นตอนต่อไปของคุณคือการค้นหาเนื้อหาเพิ่มเติม คุณควรเข้าใจทุกกลไกของตลาด เมื่อคุณพร้อมแล้ว ให้เปิดบัญชีทดลองและเริ่มฝึกฝนจนกว่าคุณจะตัดสินใจถูกทุกครั้ง เมื่อทำได้ คุณก็พร้อมที่จะเริ่มซื้อขายด้วยเงินจริง

#457
หลายคนสงสัยว่าพวกเขาสามารถเทรด forex เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ทางการเงินได้อย่างไร เช่นเดียวกับสิ่งอื่น ๆ คุณจำเป็นต้องได้รับการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเทรด forex ที่ถูกต้องเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรม forex บทความนี้มีเคล็ดลับมากมายที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จใน forex

รับชมข่าวสารและรับทราบเหตุการณ์พิเศษที่อาจส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงินที่คุณซื้อขาย สกุลเงินเพิ่มขึ้นและลดลงจากการเก็งกำไรและการเก็งกำไรนั้นมักเริ่มต้นด้วยข่าว ลองตั้งค่าระบบที่จะส่งข้อความถึงคุณเมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้นในตลาดที่คุณมีส่วนเกี่ยวข้อง

ตัดสินใจว่าจะเสี่ยงด้วยเงินเท่าใดใน Forex สิ่งสำคัญคือต้องไม่ใช้จ่ายมากเกินไปและจบลงด้วยการใช้จ่ายมากเกินไปโดยไม่ต้องมีเงินสำรอง วางแผนอย่างรอบคอบว่าจะเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใดเพื่อให้สามารถสร้างความสูญเสียได้อย่างรวดเร็ว เริ่มต้นด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อยแทนที่จะเสี่ยงทุกอย่างในคราวเดียว

หากคุณเป็นผู้เริ่มต้นในธุรกิจการค้า Forex สิ่งสำคัญคือคุณต้องหาโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับคุณ หากคุณไม่พบโบรกเกอร์ที่มีเป้าหมายสอดคล้องกับเป้าหมายของคุณเวลาที่คุณใช้ในตลาดจะเป็นเรื่องยาก

เคล็ดลับที่ดีสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนคือการกระจายการซื้อขายของคุณอยู่เสมอ เมื่อคุณกระจายความเสี่ยงคุณจะกระจายความเสี่ยงของคุณไปยังการซื้อขายต่างๆ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณทำกำไรได้ คุณไม่ควรทุ่มเงินทั้งหมดของคุณในการเทรดครั้งเดียวเพราะหากการเทรดครั้งเดียวล้มเหลวเงินของคุณจะหายไป

เมื่อคุณเข้าสู่การซื้อขายในตลาด Forex คุณต้องเริ่มพัฒนารูปแบบการเทรด หากคุณพยายามที่จะแสดงสดคุณสามารถสูญเสียเงินจำนวนมากได้ คุณควรพยายามทำให้การซื้อขายของคุณเป็นแบบอัตโนมัติเพื่อให้คุณตอบสนองต่อสถานการณ์บางอย่างด้วยวิธีที่คล้ายกัน

ก่อนที่คุณจะซื้อระบบซอฟต์แวร์การซื้อขาย Forex อัตโนมัติตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีระบบที่ตรงกับความต้องการของคุณเอง ซอฟต์แวร์ไม่มีประโยชน์สำหรับคุณเว้นแต่คุณจะรู้ว่ามันเหมาะกับคุณ ตัวอย่างเช่นมีระบบที่ครอบคลุมหลายสกุลเงินและอื่น ๆ ที่ครอบคลุมกิจกรรมนายหน้าและการซื้อขาย หาข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ก่อนตัดสินใจซื้อ

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามให้ไปตามกระแสของตลาด เทรดเดอร์มือใหม่ต้องการที่จะเชื่อว่ามีเคล็ดลับในการทำเงินมากมายในตลาด แต่มันง่ายมากเพียงแค่ทำตามเส้นทางที่คุณกำหนดไว้ เมื่อตลาดเปลี่ยนไปทางเดียวให้เปลี่ยนไปด้วย

เคล็ดลับในการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ดีคืออย่าซื้อขายภายในกรอบเวลาที่สั้นเกินไปเช่นสิบห้านาที การซื้อขายภายในรอบสั้นอาจมากเกินไปและโชคก็เป็นปัจจัยหนึ่งอย่างแน่นอน เป็นการดีกว่าที่จะซื้อขายภายในกรอบเวลาปานกลางเช่นสี่ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น

หากเลือกตัวท็อปและก้นใน Forex โปรดจำไว้ว่านี่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ คุณต้องการรอจนกว่าการเคลื่อนไหวของราคาจะได้รับการยืนยันก่อนที่คุณจะเข้าสู่ตำแหน่งในการซื้อขายบนหรือล่าง มีผลกำไรอยู่ที่นี่ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกันดังนั้นอย่าลืมอดทนและดูการซื้อขายผ่าน

เคล็ดลับที่ดีในการใช้ Forex คือการเปิดบัญชีขนาดเล็กและเก็บไว้เป็นเวลาหนึ่งปี คุณอาจมีเดือนที่ยอดเยี่ยมและรู้สึกราวกับว่าคุณควรก้าวขึ้นไปบนจานและตีในสาขาวิชาเอก แต่รอทั้งปี ใช้ผลกำไรที่ได้รับเป็นเงินทุนในบัญชีที่ใหญ่ขึ้นของคุณในที่สุดเมื่อถึงเวลา

ตามที่กล่าวไว้ตอนต้นของบทความนี้การซื้อขายฟอเร็กซ์อาจมีกำไรมาก แต่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้หรือการศึกษา . หากคุณรู้วิธีที่ถูกต้องในการซื้อขายฟอเร็กซ์มันจะง่ายกว่ามาก ใช้คำแนะนำของบทความนี้และเป็นแนวทางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
#458
Joe Chalhoub

อดีตวิศวกรคอมพิวเตอร์ ที่หันมาเป็น Forex Trader บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการเทรดของเขาว่าในช่วงสามเดือนแรกของการเทรดเขาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งเมื่อเขาได้เริ่มที่จะสังเกต ศึกษาวิเคราะห์และฝึกฝนอย่างหนัก อ่านหนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงเทคนิคที่นักเทรดที่ประสบความสำเร็จเขาใช้กันการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคว่ามันจะช่วยทำนายตลาดได้อย่างไร และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเขาเองได้อย่างไร
1 ปี จากการลองผิดลองถูก จนเริ่มเข้าใจในตลาดและกำหนดกลยุทธ์ในการเข้าเทรดจนสามารถทำกำไรได้ สำหรับผู้เริ่มต้นเทรดควรศึกษาประวัติและกลยุทธ์ที่นักเทรดเหล่านั้น ก็จะช่วยให้คุณพอจะมองภาพรวมของตลาดออกและสามารถนำกลยุทธ์นั้นมาปรับใช้ในการเทรดของคุณเองได้

Rudy Leder

เป็นTrader ชาวอเมริกัน ประวัติความเป็นมาของเขาไม่ได้มีอะไรแปลกพิศดารมากมายนักจากจุดเริ่มต้นของเขาที่ไม่ได้ต่างไปจากเทรดเดอร์ทั้งหลาย ที่เริ่มเข้าสู่ตลาดเขาเพียงแค่ต้องการหาอาชีพอิสระให้กับตัวเองเพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับงานประจำที่ใช้เวลา 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อทำให้กับนายจ้าง
แม้เขายังเด็กและไม่ได้มีเงินเก็บอะไรเลยแต่เขาก็มีบางอย่างที่หลายคนไม่มี นั่นคือเขามีความกล้าที่จะออกไปจากสถานการณ์การทำงานแบบนั้นรวมถึงมีแรงผลักดันอันแรงกล้าจากภายในและความหลงใหลในตลาดเงินอยู่แล้ว เขาจึงชัดเจนกับความต้องการของตัวเองแต่ใช่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการเทรดครั้งแรกเลย ช่วงแรกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่พยายามคิดหาหนทางที่จะเอาชนะตลาดให้ได้แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพยายามมากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับเขาไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะมันไม่ได้ช่วยให้เขาประสบความสำเร็จอย่างที่เขาฝันไว้

Rudy Leder จึงเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ เขาหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเทรดค่าเงิน ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ท่องอินเตอร์เน็ตรวมถึงลงเรียนกับอาจารย์สอนเทรดหลายๆคน จนวันหนึ่งเขาถึงได้เริ่มคิดว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดก็คือตัวเขาเองเท่านั้นที่จะช่วยเหลือตัวเอง เรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์ และค้นหาวิธีเทรดของคุณเองขึ้นมาจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขายึดอาชีพการเทรดค่าเงินมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว

Etsuko Someya

จากแม่บ้านเต็มเวลา ผันตัวมาเป็น Forex trader เธอคนนี้เป็นเทรดเดอร์ที่ไม่ธรรมดา เธอโด่งดังและมีชื่อเสียงในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ในวงการ Home trader รู้จักเธอดีในฉายา Mrs. Watanabeโดยเธอแต่งงานมาแล้ว 8 ปี และเธอต้องเลี้ยงลูกวัย 4 ขวบของเธอที่บ้าน ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาว่างจากช่วงที่เสร็จจากงานบ้านและดูแลลูก เท รด USD/JPY โดยเธอมีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ $12,000 ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวได้มาก
แม้เธอจะเป็นแม่บ้านที่ต้องวุ่นกับการดูแลลูกแต่เธอก็เป็นแม่บ้านที่ขยัน อ่าน ขยันหาความรู้ในการเก็งกำไร ศึกษาเทคนิคการเทรด โดยเธอจริงจังกับการเทรดค่าเงินเป็นอย่างมาก เพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เธอสามารถสร้างรายได้ในเวลาว่างที่แสนจะจำกัดของเธอได้ "ฉันจะเทรดใน Time frame สั้นๆเท่านั้น เพราะฉันจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจัดการงานบ้านและต้องเล่นกับลูกเป็นส่วนใหญ่"

John D.Arnold

หนุ่มมหาเศรษฐี ด้วยการเป็น Gas TraderJohn D.Arnold หนุ่มมหาเศรษฐี วัย 33 ปี เจ้าของกองทุน Centaurus เฮ็ดจ์ฟันด์ที่ลงทุนในตลาดก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะ ปีที่แล้ว เขาถูกจัดอันดับให้เป็น Hedge Fund Managerที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก Jim Simons และ John Paulson Arnold จบจาก Vanderbilt University และเริ่มต้นทำงานเป็น Gas Trader ที่ Enron
เขาสามารถทำกำไรให้ Enronได้ $750 millions ในปีเดียว และได้รับโบนัสเป็นเงินถึง $8 millions เมื่อ Enron ล้มละลาย เขาไม่อยู่ในข่ายที่ถูกตั้งข้อหาใด ๆเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของบริษัทหลัง Enron ล้มละลาย บริษัทก๊าซที่มีขนาดเล็กและมีเครดิตไม่ดีนักจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาในการหา counter partyสำหรับ hedge ราคาก๊าซ เขามองเห็นโอกาสอันนี้ จึงได้ใช้เงินโบนัสของเขาก่อตั้ง Hedge Fund ของตัวเองขึ้นมา โดยชักชวนเพื่อนๆ ในวงการให้มาร่วมงานกับเขาทำหน้าที่เป็น counter party รับทำ swap contracts ให้กับบริษัทก๊าซที่ต้องการ hedge แบบ over-the-counter หลังจากทำได้สามปี เขาก็ทำกำไรครั้งใหญ่ได้สำเร็จเมื่อเขามองว่าราคาก๊าซจะตกต่ำลงในขณะที่บริษัทก็าซส่วนใหญ่มองตรงกันข้าม ทำให้เขาทำกำไรให้ได้สูงถึง $1 billions และหลังจากนั้นปีเดียวก็เกิดวิกฤตซับไพรม์ทำให้เขาได้กำไรมหาศาลอีกครั้ง สินทรัพย์ของเขาเพิ่มพูนมากกว่าสองเท่าในปีเดียว

ช่วงหลังๆ นี้ Arnold เริ่มมองเห็นข้อจำกัดของการเทรดก๊าซที่จะมากขึ้้นในอนาคตทำให้เขาเริ่มนำเงินของเขาไปลงทุนในหุ้นของบริษัทผู้ผลิตก๊าซและถ่านหินมาก ขึ้น เขายังลงทุนจำนวนมากในธุรกิจคลังและขนส่งก๊าซ ซึ่งเขามองว่าจะกลายเป็นธุรกิจที่สดใสในอนาคตสไตล์ของ Arnold คือเขาจะ take position เพียงแค่สองสามครั้งเท่านั้นต่อปี แต่ ทุกครั้งจะเป็น position ที่ใหญ่มากๆ ซึ่งเขามั่นใจจริงๆ เท่านั้นและจะมั่นคงกับมันทีมงานของเขามีประมาณ 70 คน มีแม้แต่คนที่เป็นนักอุตุนิยมวิทยาที่คอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับพายุทอร์นาโด ในอ่าวแม๊กซิโกด้วย ชีวิตส่วนตัวของเขาค่อนข้าง low profileยังไปนั่งดื่มเบียร์ เล่นฟุตบอล กับเพื่อนๆ เป็นประจำ เขาแต่งงานกับสาวนักกฏหมายจาก Yale ซึ่งเธอได้ช่วยเขาทำงานด้านบริการสังคมด้านการพัฒนาการศึกษาโดยทั้งคู่ได้บริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลเป็นเงินถึง $700 millions เขากล่าวว่า "คนเราพอรวยถึงระดับหนึ่งแล้ว ส่วนที่เกินไปกว่านั้นคงเป็นไปเพื่อการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์"
#459
Money managemant / Drawdown
มีนาคม 30, 2022, 03:30:07 หลังเที่ยง
หลาย ๆ คนรู้จักกันดี เพราะเจอกันอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับบางท่าน เจอกันอยู่บ่อย ๆ แต่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร วันนี้มาทำความรู้จักกัน

Drawdown หมายถึง การลดลงของ Equity จากจุดสูงสุด - ต่ำสุดของการลงทุน ในช่วงระยะเวลาหนึ่งอย่างต่อเนื่อง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า #การขาดทุนสะสมในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีเงินฝากเริ่มต้นเข้าไป $10,000 แล้ว ทำการเปิด Position หรือเทรด แล้วติดลบ -$5,000 นั่นแปลว่า พอร์ตเทรดของคุณ มี Drawdown ติดลบ -$5,000 หรือ 50% ของพอร์ตเทรด นั่นเอง

และจากตัวอย่าง หากนักลงทุนต้องการทำให้ Equity กลับมาที่ $10,000 เท่าเดิม นั่นหมายถึง นักลงทุนจะต้องมีการเทรดที่ทำกำไรให้ได้ถึง 100%!!! เพื่อให้กลับมาเท่าทุน

Drawdown นั้น นอกจากจะแสดงให้เห็นตัวเลขของการติดลบขาดทุนแล้ว สิ่งที่สะท้อนให้เห็นคือ การทำงานของระบบเทรดของนักลงทุน เงื่อนไขในการเข้าออเดอร์ที่ใช้ ว่าสามารถทำงานได้ดีในระยะยาวหรือไม่? เพื่อสามารถเก็บสถิติและนำไปปรับปรุงการเทรดของตนเองต่อไป

ข้อควรระวังเมื่อมี Drawdown
แน่นอนว่าเมื่อนักลงทุน ต้องเจอกับ Drawdown มาก ๆ เป็นระยะเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลกระทบกับสภาวะทางอารมณ์และจิตใจ ทำให้พยายามเทรดมากขึ้นเพื่อที่จะทำกำไรกลับคืนมา ซึ่งก่อให้เกิดการ #Overtrade และย่ิงทำให้เกิดความเสียหายที่มากขึ้นไปอีก

แก้ไขอย่างไรเมื่อมี Drawdown ?
หากนักลงทุน ทำการเปิดออเดอร์เทรดอยู่ละก็ อย่างไรก็ต้องมี Drawdown แน่นอนค่ะ แต่เราก็สามารถควบคุม Drawdown ให้อยู่ในระดับที่เรารับความเสี่ยงได้ โดย
- การวางแผนป้องกันความเสี่ยง Money Management
- การเลือกใช้ค่า Leverage ที่เหมาะสมกับเงินทุน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เรา Overtrade จนเกินไป
- การตั้งเงื่อนไข Stop loss เมื่อเราเทรดผิดทาง

และที่สำคัญที่สุดเลยคือ #การมีวินัย ในการเทรด เพราะไม่ว่าเราจะวางแผนมาดีแค่ไหน หากไม่มีวินัยในการใช้จริง แน่นอนว่าเราก็คือต้องเจอกับ Drawdown แบบนี้ไปเรื่อย ๆ

#460
1. Stop Loss
การคาดการณ์กราฟราคาในตลาด Forex คือการคาดเดา ผลของมันอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ แต่เทรดเดอร์ต้องเตรียมตัวรับมือเมื่อคาดการณ์ทิศทางของกราฟราคาผิด อย่าปล่อยให้การขาดทุนไม่กี่ออร์เดอร์ต้องทำให้กำไรของคุณที่สะสมมาหลายสิบออร์เดอร์นั้นสูญหายหมด หากไม่มี Stop Loss หรือการหยุดขาดทุน รับรองได้ว่าหากขาดทุนเพียงแค่ครั้งเดียว หายนะมาเยือนพอร์ตลงทุนของคุณอย่างแน่นอน

2. Overtrade
การโอเวอร์เทรด จะสามารถทำให้คุณรวยได้เร็วจากการเทรด Forex ได้ก็จริง แต่เฉพาะในกรณีที่คุณคาดการณ์กราฟราคาถูกต้องเท่านั้น แต่ถ้าคุณคาดการณ์กราฟราคาผิดพลาดล่ะ ก็จะทำให้พอร์ตลงทุนของคุณเสียหายเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ เขาจะไม่ยอมเสี่ยงขนาดนี้อย่างแน่นอน เพราะโอกาสที่จะรวยจากการ Overtrade มันน้อยนิดมาก และไม่รู้ว่าจะต้องขาดทุนมากเท่าไหร่ถึงจะทำได้ ดังนั้นการเทรดแบบปกติตามที่ Money Management วางแผนไว้ย่อมส่งผลดีมากกว่าอย่างแน่นอน

3. ระบบเทรด
หากคุณมีระบบเทรด Forex ที่สามารถทำกำไรในตลาด Forex ได้จริง ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะสามารถเล่น Forex ให้รวยได้ แต่คุณต้องปฏิบัติตามกฎของระบบเทรดอย่างเคร่งครัดด้วย

4. เครื่องมือช่วยทำกำไร
เครื่องมือช่วยทำกำไรในตลาด Forex อย่างเช่น EA Forex หรือ Forex Signals สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือช่วยทำกำไรในตลาด Forex ได้ ในตอนที่คุณไม่สามารถวิเคราะห์กราฟราคาได้ด้วยตอนเอง เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยทำกำไรให้คุณได้