หนึ่งในคำถามที่ยากที่สุดที่นักเทรดจะต้องตอบคือ ฉันควรจะซื้อหรือขายดี การกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดเป็นแค่การทำความเข้าใจกราฟระดับสูง แนวรับและแนวต้าน พฤติกรรมของราคาและภาพรวมของสิ่งที่น่าจะเกิดที่ทำให้ตลาดจะขยับไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง จนกว่าจะมีบางสิ่งที่มีผลเท่ากันหรือมากกว่าที่อาจจะหยุดทิศทางดังกล่าวและทำให้ตลาดเปลี่ยนทิศทางบนกราฟระดับสูง ความเอนเอียงของทิศทางตลาดมีบทบาทอย่างมากในกลยุทธ์การสวนเทรดแนวโน้มกับการเทรดตามแนวโน้ม สรุปคือ ความเอนเอียงของทิศทางตลาดจะช่วยให้คุณเลือกทิศทางของแนวโน้ม ไม่ว่าจะคุณจะซื้อหรือขาย
เมื่อคุณกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดได้แล้ว ว่ากันตามหลักจิตวิทยาแล้ว คุณจะมีความมั่นใจในการทำตามกลยุทธ์การเทรดของเราเพราะคุณทราบอย่างชัดเจนว่าเรามองหาอะไรอยู่ การมีความเอนเอียงของทิศทางตลาด หมายความว่า เราไม่ได้เป็นแค่นักเทรดที่คอยแต่เทรดตามแนวโน้มของตลาดอีกต่อไป แต่เราวางแผนการเทรดล่วงหน้าและเรามีอารมณ์ร่วมกับตลาดน้อยลงและกลายเป็นนักเทรดที่เก่งกาจยิ่งขึ้น
การพัฒนาความเอนเอียงของทิศทางราคา
พูดตามหลักแล้ว วิธีการที่มีความน่าจะเป็นสูงจะต้องเตรียมการเป็นการล่วงหน้าและกระบวนการพัฒนาความเอนเอียงเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการดังกล่าว การกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดมีสองขั้นตอน
1.คาดการณ์ว่าราคาน่าจะขึ้น (หรือลง)
2.เป็นไปตามเงื่อนไขหรือกฎการเทรดที่ช่วยยืนยันความเอนเอียงของตลาดของคุณ
นั่นยังไม่เพียงพอที่จะกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดได้และคุณอาจจะต้องมีกฎการเทรดเพื่อช่วยยืนยันความเอนเอียงของตลาดของคุณ มิฉะนั้นแล้วเราอาจจะจบด้วยการคาดการณ์ที่ผิดมากกว่าถูก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ดีที่ควรมีและจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จของคุณอย่างแน่นอน การเทรดเป็นมากกว่าแค่วิธีการที่เราคิดเกี่ยวกับเทคนิคการเข้าหรือแผนการเทรดของเรา ตามจริงแล้ว เราสามารถพูดได้ว่าบางทีอาจจะเกี่ยวกับกระบวนการคิดเหนือสิ่งอื่นใด เราคิด วิเคราะห์และได้ข้อตัดสินใจหรือข้อสรุป หลังจากที่เราได้ความเอนเอียงของทิศทางตลาดแล้ว เราพยายามดำเนินการตามความคิดของเราและในราคาที่ดีเพื่อที่เราจะสามารถทำกำไรได้
ความเอนเอียงของทิศทางราคาต่อพฤติกรรมของราคา
วิธีการกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดที่ง่ายที่สุดคือ ผ่านพฤติกรรมของราคา หากราคาขยับสูงขึ้น ทำให้จุดต่ำสุดใหม่สูงขึ้น (Higher lows) และจุดสูงสุดใหม่สูงขึ้น (Higher highs) นักเทรดควรกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดเพื่อซื้อ หากราคาลดตัวลง ทำให้จุดต่ำสุดใหม่ต่ำลง (Lower lows) และจุดสูงสุดใหม่ต่ำลง (Lower highs) นักเทรดควรกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดเพื่อขายเท่านั้น สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คุณจำเป็นต้องมีเงื่อนไขการเกิดเพื่อยืนยันความเอนเอียงของคุณและคุณสามารถใช้กลยุทธ์ของคุณเองหรือคุณจะใช้ กลยุทธ์แรงส่งของราคา Forex ก็ได้
(https://docs.google.com/uc?id=146-6eWfYRAVHysdkebnRjhti-gRqU_oZ)
ภาพ 1: กราฟรายวันของ USD/JPY
ความเอนเอียงของทิศทางผ่าน Moving averages
ความเอนเอียงของทิศทางตลาดสามารถประเมินผ่านการใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคอย่าง Moving averages ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค Moving average 200 วันถือเป็นหนึ่งใน Moving averages ที่มีประสิทธิภาพที่สุด พูดง่ายๆ คือ หากราคาเทรดอยู่เหนือ Moving average 200 วัน นักเทรดควรกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดเพื่อซื้อและถ้าหากราคาเทรดอยู่ต่ำกว่า Moving average 200 วัน นักเทรดควรกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดเพื่อขาย
ความเอนเอียงของทิศทางผ่าน Moving averages
ความเอนเอียงของทิศทางตลาดสามารถประเมินผ่านการใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคอย่าง Moving averages ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค Moving average 200 วันถือเป็นหนึ่งใน Moving averages ที่มีประสิทธิภาพที่สุด พูดง่ายๆ คือ หากราคาเทรดอยู่เหนือ Moving average 200 วัน นักเทรดควรกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดเพื่อซื้อและถ้าหากราคาเทรดอยู่ต่ำกว่า Moving average 200 วัน นักเทรดควรกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดเพื่อขาย
(https://docs.google.com/uc?id=1dn57Xx_TzQSHV8ISb39VPZouTmND6p-x)
ภาพ 2: กราฟรายวันของ AUD/USD
สรุป
กระบวนการพัฒนาความเอนเอียงของทิศทางตลาดต้องทำให้เรียบง่ายที่สุด มิฉะนั้น อาจจะนำไปสู่การเป็นอัมพาตจากการวิเคราะห์และทำให้การเทรดของคุณสับสนยิ่งขึ้น ความเอนเอียงของทิศทางตลาดสามารถใช้เป็นตัวกรองเพิ่มเติมสำหรับกลยุทธ์การเทรดที่มีอยู่แล้วของคุณ สรุปคือ การมีความเอนเอียงของทิศทางตลาดจะบังคับให้คุณเทรดตามแนวโน้มหลักเท่านั้น ด้วยตลาดมีแนวโน้มที่จะขยับอย่างผันผวนเป็นช่วงๆ โดยไม่มีความเอนเอียงของทิศทางตลาดที่แน่นอน คุณจะต้องมีวินัยพอที่จะไม่เปิดสัญญาซื้อขายเมื่อไม่สามารถกำหนดความเอนเอียงของทิศทางตลาดที่ชัดเจนได้