ข่าว:

กระทู้ล่าสุด

#1
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - วันนี้ เวลา 01:38:18 ก่อนเที่ยง
EURCAD
EurCad 20-05.png
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Demand Zone สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement 78.6% แล้วมีแรงซื้อกลับขึ้นมา จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าราคาน่าจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิม มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

GBPAUD
GbpAud 20-05.png
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Support สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement 78.6% เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

NZDCHF
NzdChf 20-05.png
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาที่ Resistance สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement Zone เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวลงเพื่อเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#2
พื้นฐาน Defi / DeFi 2.0 คืออะไร ทำความรู้จักก...
กระทู้ล่าสุด โดย Support-3 - เมื่อวานนี้ เวลา 12:12:26 หลังเที่ยง
DeFi 2.0 คืออะไร
•    DeFi 2.0 คือ เจเนอเรชันใหม่ของการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ที่มุ่งแก้ไขข้อจำกัดและปัญหาต่างๆ ของ DeFi 1.0
•    เป็นการพัฒนาต่อยอดที่มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานเงินทุน ความเสถียร และกลไกของสภาพคล่อง รวมถึงแรงจูงใจผู้ใช้ที่ดีกว่า
•    จุดเริ่มต้นของ DeFi 2.0 เกิดขึ้นประมาณช่วงปลายปี 2021 เพื่อแก้ไขปัญหาที่พบใน DeFi 1.0



ความแตกต่างระหว่าง DeFi 1.0 และ DeFi 2.0
DeFi 1.0
•    เป็นยุคเริ่มต้นของการเงินแบบกระจายศูนย์บนบล็อกเชน
•    มีข้อจำกัดด้านสภาพคล่อง ค่าธรรมเนียมสูง และความเสี่ยงสูง
•    ใช้แนวคิดพื้นฐาน เช่น Automated Market Makers (AMM) และ Liquidity Pools
•    ผู้ให้สภาพคล่องมักถอนเงินออกเมื่อได้ผลตอบแทนที่พอใจ (Toxic Liquidity)
•    มีปัญหาด้านความปลอดภัยและการเข้าถึงของนักลงทุน
DeFi 2.0
•    ปรับปรุงปัญหาที่พบจาก DeFi 1.0 ด้วยนวัตกรรมและแนวคิดใหม่
•    มุ่งเน้นการจัดการสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
•    พัฒนาระบบความปลอดภัยที่ดีกว่า
•    สร้างความยั่งยืนให้กับโปรโตคอลต่างๆ
•    รองรับการขยายตัวและการเติบโตของอุตสาหกรรม

กลไกสำคัญของ DeFi 2.0
1. Protocol-Owned Liquidity (POL)
•    POL คือแนวคิดที่โปรโตคอลเป็นเจ้าของสภาพคล่องของตัวเองแทนที่จะพึ่งพาผู้ให้สภาพคล่องภายนอก
•    ช่วยแก้ปัญหา "Toxic Liquidity" ที่เกิดจากการถอนสภาพคล่องของนักลงทุนเมื่อได้ผลตอบแทนที่พอใจ
•    มีความยั่งยืนมากกว่าเพราะโปรโตคอลควบคุมสภาพคล่องเอง ไม่ต้องกังวลว่านักลงทุนจะถอนเงินออก
•    ตัวอย่างเช่น Olympus DAO ที่ใช้ระบบ Bonding เพื่อซื้อสภาพคล่องจากผู้ใช้แลกกับโทเคนของแพลตฟอร์มในราคา Discount
2. Decentralized Market Maker (DMM)
•    ปรับปรุงจากแนวคิด Automated Market Maker (AMM) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
•    ช่วยให้นักลงทุนสามารถกำหนดช่วงราคาซื้อขายได้ แทนที่จะเป็นการใช้สภาพคล่องในทุกช่วงราคา
•    เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงินทุน (Capital Efficiency) ให้สูงขึ้น
•    ตัวอย่างเช่น Uniswap V3 ที่ให้ผู้ให้สภาพคล่องสามารถเลือกช่วงราคาที่ต้องการให้สภาพคล่องได้
3. Cross-chain และ Layer 2 Solutions
•    แก้ปัญหาค่าธรรมเนียมสูงและความล่าช้าในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชนหลัก (เช่น Ethereum)
•    เพิ่มความสามารถในการปรับขนาด (Scalability) ของระบบ DeFi
•    ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมข้ามบล็อกเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
•    ตัวอย่างเช่น การใช้ Layer 2 บน Ethereum, Solana, BSC (BNB Smart Chain) และ TRON
4. Risk Management และ Insurance Protocols
•    มุ่งเน้นการจัดการความเสี่ยงและการประกันในระบบ DeFi
•    ช่วยป้องกันการสูญเสียจากการถูกแฮ็ก หรือความผิดพลาดของสัญญาอัจฉริยะ
•    มอบความคุ้มครองสำหรับผู้ให้บริการสภาพคล่องเพื่อป้องกันการสูญเสียที่เกิดขึ้นซ้ำ (Impermanent Loss)
•    ตัวอย่างเช่น โปรโตคอลประกันการสูญเสียที่ผันผวนหรือกองทุนประกันที่เกิดจากค่าธรรมเนียมที่ได้รับจาก LP แบบทางเดียว
5. Self-Loan (สินเชื่อตัวเอง)
•    ระบบเงินกู้แบบใหม่ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงในการชำระบัญชี
•    อนุญาตให้ผู้ใช้กู้ยืมโดยใช้สินทรัพย์ของตนเองเป็นหลักประกัน
•    ลดความเสี่ยงของการถูกบังคับขาย (Liquidation) ในตลาดที่ผันผวน

ตัวอย่างโปรเจ็กต์ DeFi 2.0 ที่สำคัญ


1. Olympus DAO (OHM)
•    หนึ่งในโปรเจ็กต์แรกๆ ที่เริ่มนำแนวคิด DeFi 2.0 มาใช้
•    ใช้ระบบ Protocol-Owned Liquidity และการขาย Bonds เพื่อสร้างสภาพคล่องระยะยาว
•    สร้างแนวคิด (3, 3) เพื่อสนับสนุนการ Staking และการถือครองระยะยาว
•    ทำงานบนเครือข่ายบล็อกเชน Ethereum
2. Abracadabra Money (SPELL)
•    ให้บริการสร้าง Stablecoin แบบกระจายศูนย์ที่เรียกว่า Magic Internet Money (MIM)
•    ใช้สินทรัพย์ที่สร้างรายได้ (Interest-bearing assets) เป็นหลักประกัน
•    ทำงานบนหลายบล็อกเชน รวมถึง BNB Smart Chain
3. Lido Finance
•    ผู้นำตลาด DeFi 2.0 ที่มีมูลค่าสูงสุด
•    ให้บริการ Liquid Staking สำหรับ ETH และคริปโตอื่นๆ
•    ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากโทเคนที่ถูกล็อกได้
•    มีมูลค่าสินทรัพย์ที่ล็อกไว้ในระบบ (TVL) มากกว่า $8.8 พันล้าน
4. Frax Finance
•    นำเสนอ Stablecoin แบบกึ่งกระจายศูนย์ (Frax) และโทเคน Governance (FXS)
•    ผสมผสานโมเดลแบบมีหลักประกันบางส่วนและแบบไม่มีหลักประกัน
•    พัฒนาไปสู่ระบบนิเวศการเงินที่สมบูรณ์มากขึ้น
5. Convex Finance
•    ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานของ Curve Finance
•    เพิ่มผลตอบแทนสำหรับผู้ให้สภาพคล่องใน Curve
•    สร้างการแข่งขันเพื่อควบคุมการโหวตใน CRV (Curve Wars)

ข้อดีของ DeFi 2.0
•    ความปลอดภัยที่ดีขึ้น: มาตรฐานความปลอดภัยที่สูงขึ้นและการตรวจสอบสัญญาอัจฉริยะอย่างเข้มงวด
•    ประสิทธิภาพการใช้เงินทุนที่ดีขึ้น: ใช้ประโยชน์จากเงินทุนได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
•    ความยั่งยืน: สร้างความยั่งยืนให้กับโปรโตคอลด้วยระบบสภาพคล่องที่โปรโตคอลเป็นเจ้าของ
•    ค่าธรรมเนียมต่ำลง: การใช้ Layer 2 และเครือข่ายทางเลือกช่วยลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
•    การกระจายศูนย์มากขึ้น: การโอนการตัดสินใจเรื่องการควบคุมให้แก่ชุมชนผ่านระบบ DAO (Decentralized Autonomous Organization)
•    แรงจูงใจที่ดีกว่า: สร้างแรงจูงใจที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ระยะยาวของโปรโตคอล

ข้อเสียและความเสี่ยงของ DeFi 2.0
•    ความสามารถในการปรับขนาดที่จำกัด: แม้จะมีการปรับปรุง แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความสามารถในการรองรับธุรกรรมจำนวนมาก
•    ความปลอดภัย: ลูกค้าจำนวนมากยังไม่เข้าใจความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ DeFi อย่างถ่องแท้
•    Bug ในสัญญาอัจฉริยะ: แม้จะมีการตรวจสอบความปลอดภัย แต่ยังอาจมีช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดในโค้ด
•    การจัดหาข้อมูลที่มีคุณภาพ: ต้องการออราเคิลคุณภาพสูงและความแม่นยำของผู้ให้บริการข้อมูล
•    ความเสี่ยงจากการถูกบังคับขาย (Liquidation): ในช่วงตลาดขาลงที่ราคาตกมาก อาจทำให้หลักประกันถูกบังคับขาย
•    กฎระเบียบ: ยังไม่มีการออกนโยบายกำกับดูแล DeFi อย่างจริงจัง ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

การพัฒนาและแนวโน้มของ DeFi 2.0
•    การเชื่อมโยงกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม: มีแนวโน้มที่ DeFi 2.0 จะเชื่อมโยงกับระบบการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้น
•    การพัฒนากฎระเบียบ: หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศกำลังให้ความสนใจกับ DeFi มากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การกำหนดกฎระเบียบเฉพาะในอนาคต
•    การขยายตัวของฐานนักลงทุนสถาบัน: การอนุมัติ ETF และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตจะดึงดูดนักลงทุนสถาบันมากขึ้น
•    การพัฒนาด้านความปลอดภัย: จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ
•    Metaverse และ NFT ใน DeFi: การผสมผสานระหว่าง DeFi กับ NFT และ Metaverse จะสร้างโอกาสและบริการทางการเงินรูปแบบใหม่

วิธีเข้าสู่โลก DeFi 2.0
•    ศึกษาและทำความเข้าใจ: ศึกษาหลักการพื้นฐานของ DeFi และคริปโตเคอเรนซีให้เข้าใจก่อนเริ่มลงทุน
•    เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนที่ยอมรับการขาดทุนได้: ไม่ควรนำเงินที่จำเป็นต้องใช้มาลงทุน เนื่องจากตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง
•    เลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ: เลือกใช้บริการจากแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการตรวจสอบความปลอดภัย
•    ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย: ใช้ Hot Wallet สำหรับการทำธุรกรรมประจำวัน และ Cold Wallet สำหรับเก็บสินทรัพย์จำนวนมาก
•    ตั้งค่าการรักษาความปลอดภัย: ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA)
•    ติดตามข่าวสารและพัฒนาการ: ติดตามข่าวสารและพัฒนาการของตลาด DeFi อย่างต่อเนื่องเพื่อตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสม

บทสรุป
       DeFi 2.0 เป็นวิวัฒนาการที่สำคัญของการเงินแบบกระจายศูนย์ ที่มุ่งแก้ไขข้อจำกัดและปัญหาต่างๆ ของ DeFi 1.0 ด้วยนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ๆ เช่น Protocol-Owned Liquidity, การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เงินทุน และการพัฒนาด้านความปลอดภัย
       แม้ว่า DeFi 2.0 จะยังมีความเสี่ยงและข้อจำกัดบางประการ แต่ก็นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมคริปโตมีความยั่งยืนและเข้าถึงได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการพัฒนากฎระเบียบและมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสม
การที่จะประสบความสำเร็จในโลกของ DeFi 2.0 นั้น ต้องอาศัยการศึกษา การวางแผน และการบริหารความเสี่ยงที่ดี รวมถึงการติดตามข่าวสารและพัฒนาการของตลาดอย่างต่อเนื่อง
       อนาคตของ DeFi 2.0 มีแนวโน้มที่จะเติบโตและพัฒนาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเชื่อมโยงกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม การขยายตัวของฐานนักลงทุนสถาบัน และการพัฒนาด้านความปลอดภัย
#3
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / Chaikin Money Flow คืออะไร?
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - เมื่อวานนี้ เวลา 04:39:17 ก่อนเที่ยง
14.jpg

Chaikin Money Flow (CMF) เป็นอินดิเคเตอร์วิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้ในการวัด Money Flow Volume ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นโดย Marc Chaikin เป็นตัวชี้วัดที่ถูกใช้ในการวัดแรงซื้อ และแรงขายของสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง โดย CMF จะทำการรวม Money Flow Volume ในช่วงเวลาย้อนหลังที่ผ่านมาตามที่ผู้ใช้งานกำหนดมา โดยช่วงเวลาย้อนหลังค่าใดก็ตาม ก็สามารถถูกนำมาใช้ได้ อย่างไรก็ตามการตั้งค่าที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะเป็น 20 หรือ 21 วัน และค่าของ Chaikin Money Flow จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1 และ -1 โดย CMF สามารถถูกใช้ในการคิดคำนวณการเปลี่ยนแปลงในแรงซื้อและแรงขาย และสามารถช่วยในการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคต

การตีความหมาย

Chaikin Money Flow (CMF) จะเคลื่อนไหวระหว่าง -1 ถึง +1 ในความเป็นจริงจะเห็นว่าเครื่องมือนี้นั้นแกว่งตัวในช่วงราว -0.50 ถึง +0.50 เพราะการขึ้นไประดับ Extreme ที่ -1 และ +1 นั้นเกิดขึ้นได้ยากมาก (คือราคาต้องปิด High หรือ Low จำนวน 20 วันติดต่อกัน)

15.png

โดยในช่วงที่ CMF เคลื่อนไหวในแดนบวก (กรอบสีเขียว) แสดงถึงแรงซื้อที่หนุนราคา ส่วนในช่วงที่ CMF เคลื่อนไหวในแดนลบ (กรอบสีแดง) แสดงถึงแรงขายที่กดดันราคา ซึ่งสามารถนำช่วงยืนยันทิศทางแนวโน้มของราคาได้ โดย CMF เป็นบวกก็แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น และถ้า CMF เป็นลบก็แสดงถึงถึงแนวโน้มขาลง
ซึ่งหากนำ CMF ไปเทรด จะเหมาะกับการใช้กรองเทรน หรือใช้เทรดแบบ Trend Following มากกว่า เพราะ CMF มีบางจังหวะที่ราคาเป็น Sideway แล้ว CMF ตัดขึ้นลงในช่วงบริเวณ 0 อยู่บ่อยครั้ง

การกรอง Whipsaws

เป็นไอเดียในการต่อยอดสำหรับการใช้เครื่องมือนี้ ในกรณีที่นักลงทุนเจอปัญหาการใช้ CMF แล้วเกิด Whipsaws อยู่บ่อย ๆ (ตัดขึ้น ๆ ลง ๆแถว 0) โดยเราสามารถกรอง Whipsaws ออกด้วยการเพิ่มช่วงบริเวณเข้าไป เช่น ปกติใช้การตัด 0 ในการกำหนดแนวโน้ม ก็ให้ใช้เป็นช่วง -0.05 ถึง +0.05 แทน เป็นต้น จะสามารถกรอง Whipsaws ออกได้พอสมควรเลยทีเดียว

16.png

การคำนวณที่ผิดปกติ

CMF มักจะเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ ในช่วงที่เกิด Gap กว้างๆ เนื่องด้วยเพราะว่า Money Flow Multiplier ถูกคำนวณเฉพาะราคา Close กับช่วง High-Low ของราคา

Money Flow Multiplier = [(Close  – Low) – (High – Close)] /(High – Low)

ถ้าวันไหนเกิด Gap ขึ้นเยอะ ๆ  แต่ราคาปิดดันอยู่ต่ำกว่าครึ่งของช่วง High-Low ค่า Money Flow Multiplier ที่ได้ กลายเป็นลบ (ฝั่ง Gap ลงก็ตรงกันข้าม)

17.png

                                                                                              ตัวอย่างช่วงที่ราคากระโดดเปิด Gap ขึ้นไป แต่ค่า CMF กลับปรับตัวลง

ซึ่งจะสังเกตได้ว่า CMF จะไม่ได้เทียบราคาปิดกับวันก่อนหน้าเลย จะพิจารณาเฉพาะวันนั้นเท่านั้น

Divergence

CMF ก็สามารถดูการเกิด Divergence ได้เช่นเดียวกัน เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการกลับตัวของราคาในอนาคต

18.png

                                                                                                        ตัวอย่างการเกิด Bearish divergence บน CMF

สรุป
Chaikin Money Flow จะช่วยพิจารณาแรงซื้อแรงขายตามทิศทางและปริมาณ Volume ในช่วง Period นึง โดยแนะนำว่าเครื่องมือนี้ไม่ควรใช้เป็น Stand-alone indicator (ใช้ตัวเดียว) ควรใช้ร่วมกับตัวอื่นเพื่อมายืนยันสัญญาณต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานที่สูงขึ้น
#4
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - เมื่อวานนี้ เวลา 01:38:45 ก่อนเที่ยง
GOLD
Gold 19-05.png
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคามีทีท่าว่ากำลังจะดีดตัวกลับขึ้นมาโดยที่ด้านบนของราคามี Supply Zone สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement Zone รออยู่ เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะขึ้นมาทดสอบแล้วกลับตัวลงต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวลงเพื่อเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

EURAUD
EurAud 19-05.png
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Support สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement 78.6% เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

AUDNZD
AudNzd 19-05.png
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาที่ Resistance สัมพันธ์กับ Resistance Trendline เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวลงเพื่อเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#5
พื้นฐาน Crypto / Trillion Dollar Security คืออะ...
กระทู้ล่าสุด โดย Support-3 - พฤษภาคม 17, 2025, 04:10:26 หลังเที่ยง
Trillion Dollar Security คือ
Trillion Dollar Security คือ โครงการริเริ่มใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวโดย Ethereum Foundation โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อยกระดับความปลอดภัยของเครือข่าย Ethereum ให้สามารถรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ารวมถึงระดับล้านล้านดอลลาร์ได้อย่างปลอดภัย



เป้าหมายของโครงการ
โครงการนี้มีเป้าหมายหลัก 2 ประการ

•    สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้ทุกระดับ - ทำให้ผู้ใช้หลายพันล้านคนรู้สึกปลอดภัยในการเก็บเงินบนเครือข่าย Ethereum โดยแต่ละคนสามารถเก็บเงินมากกว่าหนึ่งพันดอลลาร์ได้อย่างสบายใจ
•    รองรับสถาบันขนาดใหญ่ - สร้างความเชื่อมั่นให้สถาบัน ธุรกิจ และรัฐบาลสามารถเก็บเงินมากกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) หรือแอปพลิเคชันเดียวบน Ethereum ได้

กระบวนการดำเนินงาน 3 ขั้นตอน

โครงการ Trillion Dollar Security จะดำเนินการผ่าน 3 ขั้นตอนหลัก
1. การประเมินความปลอดภัย
ทำการวิเคราะห์และประเมินความปลอดภัยของ Ethereum อย่างครอบคลุมในทุกด้าน ได้แก่:
•    ความปลอดภัยของกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallets)
•    ความปลอดภัยของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts)
•    การป้องกันภัยคุกคามจากอินเทอร์เน็ต
•    รวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทั่วระบบนิเวศ Ethereum
2. การแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
นำผลการประเมินมาวางแผนและดำเนินการแก้ไขจุดอ่อนที่พบ
•    บางปัญหาอาจแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
•    บางประเด็นอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากกว่า
•    ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายในระบบนิเวศ Ethereum
3. การสื่อสารด้านความปลอดภัยสู่สาธารณะ
เพิ่มการอธิบายและให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับ:
•    จุดแข็งด้านความปลอดภัยของ Ethereum
•    วิธีเปรียบเทียบความปลอดภัยของ Ethereum กับบล็อกเชนอื่นๆ
•    ความแตกต่างด้านความปลอดภัยเมื่อเทียบกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม

ทีมผู้นำโครงการ
โครงการนี้นำโดยทีมผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านความปลอดภัยบล็อกเชน:
•    Fredrik Svantes และ Josh Stark - ผู้นำโครงการจาก Ethereum Foundation
•    Samczsun - ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่มีชื่อเสียงจากการค้นพบช่องโหว่สำคัญในหลายโปรโตคอลคริปโต และเป็นผู้ก่อตั้ง Security Alliance
•    Mehdi Zerouali - ผู้ร่วมก่อตั้ง Sigma Prime ผู้มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปีในด้านความปลอดภัยเชิงรุกและการตรวจสอบบล็อกเชน
•    Zach Obront - ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือสำหรับการย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินไปยัง Ethereum

ความสำคัญของโครงการนี้
โครงการ Trillion Dollar Security มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของ Ethereum และวงการคริปโตเคอเรนซีโดยรวม เพราะ:
•    เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของทั้งอุตสาหกรรม
•    เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทุกระดับ ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงสถาบันขนาดใหญ่
•    รองรับการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์บนเครือข่าย Ethereum ในอนาคต
•    เสริมสร้างการยอมรับของเทคโนโลยีบล็อกเชนในวงกว้าง
•    สนับสนุนการบูรณาการระหว่างระบบการเงินแบบดั้งเดิมกับระบบดิจิทัล
โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของ Ethereum Foundation ในการรักษาตำแหน่งผู้นำด้านความปลอดภัยในอุตสาหกรรมบล็อกเชน และสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต

สรุปโครงการ Trillion Dollar Security
Ethereum Foundation เปิดตัวโครงการ "Trillion Dollar Security" เพื่อยกระดับความปลอดภัยของเครือข่าย Ethereum ให้รองรับสินทรัพย์มูลค่าระดับล้านล้านดอลลาร์
โครงการนี้ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
•    (1) ประเมินความปลอดภัยของระบบอย่างรอบด้าน
•    (2) แก้ไขช่องโหว่ที่พบ
•    (3) สื่อสารให้ความรู้แก่สาธารณชน
โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระดับแนวหน้าเป็นผู้นำโครงการ เป้าหมายคือสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรขนาดใหญ่ในการใช้เครือข่าย Ethereum เก็บสินทรัพย์มูลค่าสูง
#6
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤษภาคม 16, 2025, 04:13:02 ก่อนเที่ยง
#7
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤษภาคม 16, 2025, 02:45:51 ก่อนเที่ยง
#8
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤษภาคม 16, 2025, 01:26:38 ก่อนเที่ยง
GOLD
Gold 16-05.png
ภาพในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคามีทีท่าว่ากำลังจะดีดตัวกลับขึ้นมาโดยที่ด้านบนของราคามี Supply Zone สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement Zone รออยู่ เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะขึ้นมาทดสอบแล้วกลับตัวลงต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวลงเพื่อเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

GBPAUD
GbpAud 16-05.png
ภาพในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคาสร้างรูปแบบที่บ่งบอกถึงโอกาสที่จะกลับตัวขึ้นอย่าง Double Bottom จากนั้นราคาได้ทะลุขึ้นมาปิดอยู่เหนือเส้น Neckline เป็นสัญญาณยืนยันว่ารูปแบบกลับตัวที่เกิดขึ้นสมบูรณ์ จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นตาม Chart Pattern ที่เกิด มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#9
พื้นฐาน Crypto / HODL คืออะไร? กลยุทธ์การถือครอ...
กระทู้ล่าสุด โดย Support-3 - พฤษภาคม 15, 2025, 04:37:47 หลังเที่ยง
HODL คืออะไร?



•    HODL คือ คำที่เกิดจากการพิมพ์ผิดของคำว่า "hold" (ถือครอง) ในฟอรั่ม Bitcointalk เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2013 โดยผู้ใช้ชื่อ GameKyuubi ได้โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความผันผวนของตลาด Bitcoin ในขณะนั้น เขาตั้งใจจะเขียนว่า "I AM HOLDING" แต่พิมพ์ผิดเป็น "I AM HODLING" ซึ่งโพสต์นี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้คนในชุมชนคริปโต
•    ภายหลังได้รับการตีความใหม่เป็น "Hold On for Dear Life" ซึ่งสะท้อนแนวคิดการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลไว้อย่างเหนียวแน่นแม้ในช่วงที่ตลาดคริปโตมีความผันผวนอย่างรุนแรง ผู้ลงทุนต้อง "ยึดมั่น" ในสินทรัพย์ของตน ไม่เสียขวัญกับความผันผวนระยะสั้น และเชื่อมั่นในมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาว
•    ปัจจุบัน HODL เป็นมากกว่าแค่คำพูดติดปาก แต่ได้กลายเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ได้รับการยอมรับ ในวงการคริปโตเคอเรนซี เป็นการถือครองเหรียญคริปโตโดยไม่ขาย แม้ว่าราคาจะลดลงอย่างมากก็ตาม ผู้ที่ใช้กลยุทธ์นี้มักมองการณ์ไกลและเชื่อในมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว

HODL ในฐานะกลยุทธ์การลงทุน
•    HODL เป็นการลงทุนแบบ Buy and Hold ที่ปรับให้เข้ากับบริบทของคริปโต คล้ายกับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นของ Warren Buffett ที่เน้นการถือครองระยะยาว แต่ในโลกคริปโตที่มีความผันผวนสูง การ HODL ต้องใช้ความอดทนและความเชื่อมั่นมากกว่า
•    ผู้ใช้กลยุทธ์ HODL เชื่อว่าการพยายามจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องยาก และมักนำไปสู่การขาดทุน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ไม่ได้มีทักษะในการวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือไม่มีเวลาติดตามตลาดตลอดเวลา แม้แต่นักลงทุนมืออาชีพก็ยังทำนายทิศทางของตลาดคริปโตผิดพลาดบ่อยครั้ง
•    การ HODL ช่วยลดผลกระทบจากอารมณ์ในการตัดสินใจลงทุน เช่น ความกลัวที่จะพลาด (FOMO - Fear of Missing Out) ที่ทำให้คนรีบซื้อเมื่อราคาพุ่งสูง หรือความกลัว ความไม่แน่ใจ และความสงสัย (FUD - Fear, Uncertainty, and Doubt) ที่ทำให้คนรีบขายเมื่อราคาตก
•    นักลงทุนแบบ HODL มองว่าความผันผวนระยะสั้นไม่มีความสำคัญ เมื่อเทียบกับแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว พวกเขาเชื่อว่าการลงทุนในเทคโนโลยีที่มีศักยภาพจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แม้ว่าจะต้องผ่านช่วงเวลาที่ราคาลดลงอย่างรุนแรงก็ตาม

ข้อดีของการ HODL
•    โอกาสในการรับผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่า: การถือครองคริปโตตั้งแต่ช่วงแรกๆ ได้สร้างผลตอบแทนมหาศาลให้กับนักลงทุนที่อดทน เช่น Bitcoin ที่มีราคาเพียงไม่กี่เซ็นต์ในปี 2009 แต่ปัจจุบันมีราคาหลายแสนบาท ผู้ที่ HODL ตั้งแต่ช่วงแรกและไม่ขายในช่วงที่ราคาผันผวน ได้รับผลตอบแทนมากกว่านักเทรดที่พยายามซื้อขายตามจังหวะตลาด
•    ลดความเครียดจากการติดตามตลาดตลอดเวลา: นักลงทุนแบบ HODL ไม่จำเป็นต้องติดตามราคาตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวลกับการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละวัน ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดีกว่าและสามารถใช้เวลาไปกับสิ่งอื่นๆ ได้มากขึ้น
•    ประหยัดค่าธรรมเนียมและภาษี: การซื้อขายบ่อยๆ ทำให้เสียค่าธรรมเนียมการซื้อขายสูง และในบางประเทศ การขายสินทรัพย์ดิจิทัลระยะสั้นอาจถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าการถือครองระยะยาว การ HODL จึงช่วยลดต้นทุนและภาระทางภาษี
•    เข้าถึงง่ายสำหรับมือใหม่: กลยุทธ์ HODL เป็นวิธีการลงทุนที่เข้าใจง่ายและเหมาะกับผู้เริ่มต้น ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิคขั้นสูงหรือเครื่องมือซับซ้อน เพียงแค่ศึกษาพื้นฐานของโปรเจกต์ที่ต้องการลงทุน และมีความอดทนในการถือครองระยะยาว

เมื่อไหร่ควร HODL? - คำอธิบายเชิงลึก
•    เมื่อลงทุนในคริปโตที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง: ควร HODL เมื่อลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่มีเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง มีทีมพัฒนาที่น่าเชื่อถือ และมีกรณีการใช้งานที่ชัดเจน เช่น Bitcoin ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นระบบการเงินทางเลือก หรือ Ethereum ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสัญญาอัจฉริยะและแอปพลิเคชันกระจายอำนาจ
•    ในช่วงตลาดขาลง (Bear Market): นี่คือช่วงเวลาที่การ HODL มีความสำคัญที่สุด เมื่อราคาคริปโตลดลงอย่างรุนแรง หลายคนเกิดความกลัวและรีบขายสินทรัพย์ออกไป ทำให้ขาดทุนจริง แต่ผู้ที่ HODL ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ มักได้รับผลตอบแทนที่ดีเมื่อตลาดฟื้นตัว ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าราคา Bitcoin มักจะฟื้นตัวและทำจุดสูงสุดใหม่หลังจากผ่านช่วง "คริปโตวินเทอร์" แต่ละครั้ง
•    เมื่อมีเป้าหมายทางการเงินระยะยาว: การ HODL เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว เช่น การเกษียณ การซื้อบ้าน หรือการสร้างความมั่งคั่ง โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในระยะสั้น ซึ่งทำให้สามารถทนต่อความผันผวนของตลาดได้มากกว่า
•    เมื่อคุณเชื่อในวิสัยทัศน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชน: หากคุณเชื่อว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลจะเปลี่ยนแปลงโลกและมีบทบาทสำคัญในอนาคต การ HODL คือ วิธีที่คุณสามารถมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ในระยะยาว

ทำอย่างไรไม่ให้ติดดอย?
•    วิจัยและวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนลงทุน:
ศึกษาพื้นฐานของโปรเจกต์อย่างถี่ถ้วน ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี ทีมพัฒนา เครือข่ายพันธมิตร และการนำไปใช้งานจริง เลือกลงทุนในโปรเจกต์ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่เพราะกระแสความนิยมชั่วคราว หรือการโปรโมตจากบุคคลที่มีชื่อเสียง
•    กระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม: ไม่ควรทุ่มเงินทั้งหมดลงทุนในคริปโตเพียงสกุลเดียว ควรกระจายการลงทุนไปยังสกุลเงินหลายๆ ตัวที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และอาจรวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น หุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุน
•    ลงทุนเฉพาะเงินที่พร้อมจะสูญเสีย: กฎข้อนี้สำคัญมากสำหรับการลงทุนในคริปโต ไม่ควรนำเงินที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเงินออมฉุกเฉินมาลงทุน ควรใช้เฉพาะเงินส่วนที่เกินจากความจำเป็น และพร้อมที่จะรับความเสี่ยงในการลงทุน
•    วางแผนทางออกและตั้งเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน: แม้ว่าการ HODL จะเน้นการถือครองระยะยาว แต่คุณควรมีแผนว่าจะถือไปจนถึงเมื่อไหร่ หรือจะขายเมื่อราคาถึงระดับใด การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์
•    ใช้วิธีการเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging - DCA): แทนที่จะนำเงินก้อนใหญ่มาลงทุนครั้งเดียว ควรทยอยลงทุนเป็นประจำสม่ำเสมอ เช่น ทุกเดือน ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลง วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาดผิด และได้ราคาเฉลี่ยที่เหมาะสมในระยะยาว

ปรัชญาเบื้องหลัง HODL - มุมมองเชิงลึก
•    การเชื่อในการปฏิวัติทางการเงิน: สำหรับนักลงทุนคริปโตที่เป็น "maximalists" หรือผู้ที่เชื่อมั่นอย่างสุดโต่ง HODL ไม่ใช่แค่กลยุทธ์การลงทุน แต่เป็นการแสดงความเชื่อมั่นในการปฏิวัติระบบการเงินโลก พวกเขาเชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลจะเข้ามาแทนที่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่ควบคุมโดยธนาคารกลางและรัฐบาล
•    การมองข้ามความผันผวนในระยะสั้น: นักลงทุนแบบ HODL ตระหนักดีว่าการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ย่อมมาพร้อมกับความผันผวน แต่พวกเขาเชื่อว่าแนวโน้มระยะยาวจะเป็นขาขึ้น เปรียบเสมือนการลงทุนในอินเทอร์เน็ตช่วงต้นทศวรรษ 1990 ที่ผ่านการล่มสลายของฟองสบู่ดอทคอมแต่ในระยะยาวก็สร้างมูลค่ามหาศาล
•    "ความอดทนคือคุณธรรม": ในโลกที่ทุกอย่างเร่งรีบและต้องการผลลัพธ์ทันที การ HODL เป็นการย้อนกลับไปสู่แนวคิดดั้งเดิมที่ว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงต้องใช้เวลาในการสร้าง นักลงทุนแบบ HODL เข้าใจว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืน แต่เป็นผลจากความอดทนและวินัยในระยะยาว

ตัวอย่าง

•    มีมที่สะท้อนปรัชญานี้: ในชุมชนคริปโตมีมีมที่ได้รับความนิยมแสดงให้เห็นแนวคิดนี้ หนึ่งในนั้นคือภาพ Neo จากภาพยนตร์ The Matrix ถาม Morpheus ว่า "คุณกำลังบอกผมว่าวันหนึ่งผมจะสามารถแลก Bitcoin เป็นเงินล้านได้?" Morpheus ตอบว่า "ไม่ Neo... สิ่งที่ผมกำลังบอกคุณคือ เมื่อถึงเวลาที่คุณพร้อม... คุณจะไม่จำเป็นต้องแลกมันอีกต่อไป"
•    นี่สะท้อนความเชื่อว่าในอนาคต Bitcoin จะกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องแปลงกลับเป็นเงินธรรมดาอีกต่อไป - จึงไม่ควรรีบขายหรือแลกเป็นเงินในปัจจุบัน

ความเสี่ยงของการ HODL - ข้อควรระวัง
•    ความเสี่ยงจากโปรเจกต์ล้มเหลว: ไม่ใช่ทุกสกุลเงินดิจิทัลที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว มีคริปโตหลายพันสกุลที่เกิดขึ้นและล้มหายไปแล้ว การ HODL เหรียญที่ไม่มีพื้นฐานแข็งแกร่งอาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้
•    ต้องทนต่อภาวะขาดทุนบนกระดาษ: การเป็นนักลงทุนแบบ HODL หมายถึงการต้องเห็นมูลค่าการลงทุนของคุณลดลงอย่างมากในบางช่วงเวลา เช่น ในปี 2018 ราคา Bitcoin ลดลงจากเกือบ 20,000 ดอลลาร์เหลือเพียง 3,000 ดอลลาร์ หรือลดลงกว่า 80% ซึ่งต้องใช้ความเข้มแข็งทางจิตใจอย่างมากในการถือครองต่อไปโดยไม่ขาย
•    การสูญเสียโอกาสในการลงทุนอื่น: การผูกเงินไว้กับสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลงเป็นเวลานาน อาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการลงทุนที่ดีกว่า นี่เป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า "ต้นทุนค่าเสียโอกาส" (opportunity cost)
•    ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ: รัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกยังคงพัฒนากฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับคริปโต การเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อมูลค่าและความเป็นไปได้ของโปรเจกต์คริปโต

บทสรุป: HODL - มากกว่าแค่กลยุทธ์การลงทุน
      การ HODL เริ่มต้นจากการพิมพ์ผิดอย่างบังเอิญ แต่ได้กลายเป็นปรัชญาการลงทุนที่ทรงพลังในโลกคริปโต ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล สำหรับผู้ที่เชื่อในอนาคตของคริปโต การ HODL เป็นมากกว่าแค่กลยุทธ์เพื่อทำกำไร แต่เป็นการมีส่วนร่วมในการปฏิวัติทางการเงินที่กำลังเกิดขึ้น
      อย่างไรก็ตาม การ HODL ไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับทุกคนหรือทุกสถานการณ์ ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งการเลือกเหรียญที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง การกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และที่สำคัญคือการมีความอดทนและจิตใจที่เข้มแข็งเพียงพอที่จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากของตลาด
      สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบใด สิ่งสำคัญคือการศึกษาและเข้าใจสิ่งที่คุณลงทุน การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และการมีแผนการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ
#10
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤษภาคม 15, 2025, 02:18:51 ก่อนเที่ยง
USDJPY
UsdJpy 15-05.png
ภาพในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Support ถัดลงไปด้านล่างมี Fibonacci Retracement Zone และ Support Trendline เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

NZDJPY
NzdJpy 15-05.png
ภาพในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Support สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement 61.8% เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

AUDJPY
AudJpy 15-05.png
ภาพในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคากำลังย่อตัวกลับลงมาโดยที่ด้านล่างของราคามี Support สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement 61.8% เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะลงมาทดสอบและกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ