Wallet คริปโต คือ เครื่องมือพื้นฐานที่ใช้เก็บรักษาและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจะประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 2 ส่วนคือ Public Key (กุญแจสาธารณะ) และ Private Key (กุญแจส่วนตัว) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกุญแจในการเข้าถึงและจัดการสินทรัพย์
โดย Hot Wallet และ Cold Wallet เป็นประเภทย่อยของ Wallet คริปโต ที่แบ่งตามลักษณะการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต:
• Hot Wallet จะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ทำให้สะดวกในการทำธุรกรรม แต่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสูงกว่า เหมาะสำหรับการเก็บเหรียญจำนวนไม่มากเพื่อใช้งานประจำวัน เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินที่พกติดตัว
• Cold Wallet จะไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต มีความปลอดภัยสูงกว่าเพราะแยกการเก็บ Private Key ออกมาในรูปแบบฮาร์ดแวร์ เหมาะสำหรับการเก็บเหรียญจำนวนมากในระยะยาว เปรียบเสมือนตู้นิรภัยในธนาคาร
• ทั้ง Hot Wallet และ Cold Wallet สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยผู้ใช้มักจะใช้ Cold Wallet เป็นที่เก็บสินทรัพย์หลัก และโอนมาที่ Hot Wallet เฉพาะส่วนที่ต้องการใช้งาน เพื่อให้ได้ทั้งความสะดวกในการทำธุรกรรมและความปลอดภัยของสินทรัพย์
• ดังนั้น การเลือกใช้ Hot Wallet หรือ Cold Wallet จึงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน ปริมาณสินทรัพย์ และความต้องการด้านความปลอดภัยของแต่ละบุคคล
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=7010;image)
Hot Wallet คืออะไร?
• Hot Wallet คือ กระเป๋าคริปโตแบบออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เพื่อใช้เก็บและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล
• เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เก็บ private keys และ public keys สำหรับการเข้าถึงและทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์คริปโต
• สามารถใช้งานได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
• เป็นกระเป๋าที่เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมประจำวัน เพราะสามารถเข้าถึงและโอนเงินได้อย่างรวดเร็ว
• มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสูงกว่า Cold Wallet เนื่องจากเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา จึงอาจถูกแฮกได้
• เป็นกระเป๋าที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการสร้างและใช้งาน แต่ผู้ใช้ต้องระมัดระวังในการเก็บรักษา private keys
• สามารถเชื่อมต่อกับ DApps และแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตได้โดยตรง ทำให้สะดวกในการทำธุรกรรม
• Hot Wallet ทำงานโดยการเก็บข้อมูลกุญแจส่วนตัว (Private Keys) ไว้ในรูปแบบดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
• เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินทั่วไปที่พกติดตัวไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล
• สามารถดูยอดเงินและความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง
• เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความคล่องตัวในการซื้อขายและทำธุรกรรมบ่อยๆ
• มีฟังก์ชันในการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตระหว่างกันได้โดยตรงผ่านระบบของกระเป๋า
• รองรับการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• มีระบบการยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงกระเป๋า
• สามารถสำรองข้อมูลกระเป๋าได้ผ่าน Seed Phrase เพื่อกู้คืนในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย
• รองรับการทำงานบนหลายแพลตฟอร์มและสามารถซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้
• เหมาะสำหรับการเก็บเหรียญคริปโตจำนวนไม่มากเพื่อใช้ในการทำธุรกรรมประจำวัน
• มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย สามารถดูประวัติการทำธุรกรรมและจัดการพอร์ตการลงทุนได้
• สามารถตั้งค่าความเร็วและค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมได้ตามต้องการ
• มีการอัพเดทระบบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์
• รองรับการแสดงผลมูลค่าสินทรัพย์ในสกุลเงินต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ
• มีระบบแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวของธุรกรรมและการเปลี่ยนแปลงราคาแบบเรียลไทม์
Cold Wallet คืออะไร?
• Cold Wallet คือ กระเป๋าเก็บคริปโตที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้มีความปลอดภัยสูงจากการถูกแฮก
• เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มีลักษณะคล้าย USB drive ใช้สำหรับเก็บ private keys แบบออฟไลน์
• มีราคาค่อนข้างสูง โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 50-200 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับรุ่นและฟีเจอร์
• เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการเก็บเหรียญคริปโตจำนวนมากไว้อย่างปลอดภัย
• การทำธุรกรรมจะต้องเชื่อมต่อกับ Hot Wallet ก่อน จึงจะสามารถโอนหรือใช้งานเหรียญได้
• มีระบบรหัส PIN และ Recovery phrase เพื่อป้องกันการเข้าถึงในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย
• ใช้ระบบ Random Number Generator (RNG) ในการสร้างกุญแจสาธารณะและกุญแจส่วนตัว
• การใช้งานจะซับซ้อนกว่า Hot Wallet เนื่องจากต้องมีขั้นตอนในการเชื่อมต่อและยืนยันตัวตน
• กรณีอุปกรณ์เสียหาย สามารถกู้คืนข้อมูลได้ผ่าน Recovery phrase ที่ได้รับตอนสร้างกระเป๋า
• เปรียบเสมือนตู้นิรภัยดิจิทัลที่เก็บสินทรัพย์คริปโตไว้ในที่ปลอดภัยและห่างไกลจากการโจมตีทางไซเบอร์
• มีความทนทานต่อการกระแทกและน้ำ ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า Hot Wallet
• สามารถเก็บเหรียญคริปโตได้หลากหลายประเภทในอุปกรณ์เดียว ขึ้นอยู่กับการรองรับของแต่ละรุ่น
• ผู้ใช้มีอำนาจควบคุมเหรียญคริปโตอย่างเต็มที่ ไม่ต้องพึ่งพาบุคคลที่สามหรือศูนย์กลางใดๆ
• เหมาะสำหรับการเก็บรักษาระยะยาวแบบ "HODL" มากกว่าการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้น
• มีการอัพเดทเฟิร์มแวร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและรองรับเหรียญคริปโตใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
Hot Wallet vs Cold Wallet เลือกใช้แบบไหนดี?
การเลือกระหว่าง Hot Wallet และ Cold Wallet ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและความต้องการของคุณ โดยสามารถพิจารณาตามสถานการณ์ต่างๆ
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=7012;image)
ดังนี้:
• ควรเลือกใช้ Hot Wallet เมื่อ: คุณต้องการทำธุรกรรมบ่อยๆ เช่น ซื้อขายเทรดเหรียญคริปโตเป็นประจำ เพราะ Hot Wallet ให้ความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงและทำธุรกรรม คุณสามารถซื้อขายได้ทันทีที่ต้องการ เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความคล่องตัวสูง
• ควรเลือกใช้ Cold Wallet เมื่อ: คุณเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ถือครองเหรียญคริปโตจำนวนมาก และไม่ได้มีความจำเป็นต้องทำธุรกรรมบ่อย Cold Wallet จะให้ความปลอดภัยสูงสุดเพราะไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้ปลอดภัยจากการแฮก
• วิธีการใช้งานที่แนะนำ: แนวทางที่ดีที่สุดคือการใช้ทั้งสองแบบร่วมกัน โดยเก็บเหรียญส่วนใหญ่ไว้ใน Cold Wallet เพื่อความปลอดภัย และโอนเฉพาะส่วนที่ต้องใช้งานมาไว้ใน Hot Wallet เท่านั้น เปรียบเสมือนการเก็บเงินส่วนใหญ่ไว้ในบัญชีออมทรัพย์ และมีเงินในกระเป๋าเพียงเล็กน้อยสำหรับใช้จ่ายประจำวัน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม:
• จำนวนเงินลงทุน: ยิ่งมีเงินลงทุนมาก ยิ่งควรพิจารณาใช้ Cold Wallet
• ความถี่ในการทำธุรกรรม: หากทำธุรกรรมบ่อย Hot Wallet จะสะดวกกว่า
• ความรู้ทางเทคนิค: Cold Wallet มีความซับซ้อนในการใช้งานมากกว่า จึงต้องศึกษาวิธีใช้งานให้ดี
• งบประมาณ: Cold Wallet มีค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ ในขณะที่ Hot Wallet ส่วนใหญ่ใช้งานฟรี
เปรียบเทียบ Hot Wallet และ Cold Wallet อย่างละเอียด
การเชื่อมต่อและการเข้าถึง
• Hot Wallet เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ทำให้เข้าถึงได้ง่ายและสะดวกผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์
• ในขณะที่ Cold Wallet เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์แยกต่างหาก ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นเมื่อต้องการใช้งาน
ความปลอดภัย
• Cold Wallet มีความปลอดภัยสูงกว่าเพราะไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้แฮกเกอร์ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางออนไลน์
• ส่วน Hot Wallet มีความเสี่ยงจากการถูกแฮกสูงกว่าเนื่องจากเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา
ค่าใช้จ่าย
• Hot Wallet ส่วนใหญ่ใช้งานได้ฟรี เพราะเป็นซอฟต์แวร์หรือแอพพลิเคชัน
• ในขณะที่ Cold Wallet มีค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ ราคาประมาณ 50-200 ดอลลาร์สหรัฐ
ความเหมาะสมกับการใช้งาน
• Hot Wallet เหมาะกับการทำธุรกรรมประจำวัน การซื้อขายเทรดบ่อยๆ เพราะทำรายการได้รวดเร็ว
• ส่วน Cold Wallet เหมาะกับการเก็บเหรียญจำนวนมากในระยะยาว สำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ทำธุรกรรมบ่อย
ความซับซ้อนในการใช้งาน
• Hot Wallet ใช้งานง่าย มีอินเตอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้
• ในขณะที่ Cold Wallet มีความซับซ้อนมากกว่า ต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานและการตั้งค่าต่างๆ
การกู้คืนข้อมูล
• ทั้ง Hot Wallet และ Cold Wallet สามารถกู้คืนได้ผ่าน Recovery phrase หรือ Seed phrase
• Cold Wallet มักจะมีระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น รหัส PIN หรือระบบยืนยันตัวตนทางกายภาพ
ข้อแนะนำในการใช้งาน
• วิธีที่ดีที่สุด คือ การใช้ทั้งสองแบบร่วมกัน โดยเก็บสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไว้ใน
• Cold Wallet เพื่อความปลอดภัย และโอนเฉพาะส่วนที่ต้องใช้งานมาไว้ใน
• Hot Wallet เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรม
การพิจารณาเลือกใช้ควรขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น จำนวนเงินลงทุน ความถี่ในการทำธุรกรรม ความรู้ทางเทคนิค และความต้องการด้านความปลอดภัย เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนและการใช้งานของแต่ละบุคคล
สรุป
กระเป๋าดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการเก็บรักษาสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซี โดยทำหน้าที่เก็บกุญแจส่วนตัว (Private Keys) และกุญแจสาธารณะ (Public Keys) สำหรับการเข้าถึงและทำธุรกรรม แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักตามการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
Hot Wallet เป็นกระเป๋าที่เชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา เหมาะสำหรับการทำธุรกรรมประจำวันและการซื้อขายบ่อยๆ เพราะใช้งานสะดวก แต่มีความเสี่ยงจากการถูกแฮกสูงกว่า ส่วน Cold Wallet เป็นกระเป๋าแบบออฟไลน์ในรูปแบบฮาร์ดแวร์ แม้จะใช้งานยุ่งยากกว่าแต่มีความปลอดภัยสูง จึงเหมาะกับการเก็บสินทรัพย์จำนวนมากในระยะยาว
แนวทางที่แนะนำ คือ การใช้ทั้งสองแบบร่วมกัน โดยเก็บสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไว้ใน Cold Wallet และโอนเฉพาะส่วนที่ต้องใช้มาไว้ใน Hot Wallet ทั้งนี้ ผู้ใช้ควรศึกษาวิธีการใช้งานและการรักษาความปลอดภัยอย่างละเอียดก่อนเริ่มใช้งาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ดิจิทัลของตน