Crypto Custody คืออะไร
• Crypto Custody คือกระบวนการรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินคริปโตจากการโจรกรรม โดยมี Custodian หรือผู้รับฝากทรัพย์สินเป็นบุคคลที่สามที่รับจ้างดูแลความปลอดภัยของสินทรัพย์คริปโตเคอเรนซีให้กับผู้ลงทุน
• Custodian หรือผู้รับฝากทรัพย์สินมีมาตั้งแต่ปี 1960 และเป็นส่วนหนึ่งของระบบธนาคารแบบดั้งเดิมที่ทำหน้าที่เก็บรักษาและดูแลสินทรัพย์ของลูกค้า เช่น หุ้น พันธบัตร และหลักทรัพย์อื่นๆ
• การรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือ Crypto มีวิธีการทำงานที่แตกต่างจากระบบดั้งเดิมเล็กน้อย เนื่องจากธรรมชาติของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีตัวตนทางกายภาพและใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการจัดเก็บข้อมูล
• ในทางเทคนิค ผู้ดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้เป็นผู้จัดเก็บสินทรัพย์โดยตรง เนื่องจากข้อมูลและธุรกรรมทั้งหมดถูกบันทึกอยู่ใน Blockchain ซึ่งเป็นระบบกระจายศูนย์ที่ไม่มีผู้ควบคุมเพียงรายเดียว
• สิ่งที่ Custodian ปกป้องคือ Private Keys หรือรหัสส่วนตัวของผู้ใช้ ที่เป็นส่วนสำคัญในการเข้าถึง Crypto Wallet ที่ใช้เก็บสินทรัพย์ดิจิทัล หากสูญเสีย Private Keys นี้ จะทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้อีกต่อไป และสินทรัพย์เหล่านั้นจะสูญหายไปโดยสิ้นเชิง
• Custodian มีความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตและการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ในวงกว้าง เพราะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าสินทรัพย์ของพวกเขาได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและเป็นมืออาชีพ
• ปัจจุบันนักลงทุนสถาบันจำนวนมากยังคงมีความกังวลและไม่เลือกลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากยังขาดความปลอดภัยที่มากพอ การมี Custodian ที่น่าเชื่อถือจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาในตลาดคริปโตมากขึ้น
• นักลงทุนสถาบันต้องบริหารจัดการเงินจำนวนมหาศาล อย่างเช่น กองทุน Hedge Funds ที่บริหารเงินหลายพันล้านดอลลาร์ กองทุนบำเหน็จบำนาญที่ดูแลเงินเกษียณของคนจำนวนมาก หรือ Investment Banking ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการมูลค่ามหาศาล
• กองทุนหรือกลุ่มสถาบันเหล่านี้มี Regulation ที่เข้มงวด ซึ่งกำหนดให้ต้องมี Custody เป็นพันธมิตรเพื่อดูแลรักษาสินทรัพย์ให้มีความปลอดภัย เป็นการสร้างความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตหรือการสูญหายของสินทรัพย์
• Crypto Custody ให้บริการหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเก็บรักษา Private Keys ในระบบ Cold Storage ที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ไปจนถึงระบบ Multi-signature ที่ต้องการการยืนยันจากหลายฝ่ายก่อนทำธุรกรรม รวมถึงบริการประกันภัยสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=7135;image)
ทำไม Crypto Custody จึงสำคัญ
• จุดประสงค์หลักของ Crypto Custody คือการดูแลรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) โดยเฉพาะการปกป้อง Private Key ซึ่งเป็นรหัสสำคัญในการเข้าถึงและทำธุรกรรมสินทรัพย์คริปโต
• Private Key เป็นรหัสที่จำได้ยากและมีความเสี่ยงสูงในการถูกแฮ็กหรือสูญหาย ทำให้การเก็บรักษาอย่างปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมาก
• วิธีการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลแบบต่างๆ ล้วนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็น Online Wallet หรือ Exchange Wallet ที่อาจถูกแฮ็ก หรือการเก็บ Private Key แบบ Offline ที่เสี่ยงต่อการสูญหายและยากต่อการกู้คืน
• สำหรับนักลงทุนรายบุคคล การสูญหายของ Private Keys มีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง แต่สำหรับนักลงทุนสถาบันที่ถือสินทรัพย์จำนวนมาก ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นมาก จึงจำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น
• Crypto Custody เป็นวิธีการรักษาความปลอดภัย Private Key ที่ใช้เข้าถึงสินทรัพย์ในกระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ลงทุน ซึ่งแตกต่างจากระบบธนาคารแบบดั้งเดิมที่มีสถาบันการเงินเป็นผู้ดูแลตามที่กฎหมายกำหนด
• ในโลก Crypto เจ้าของสินทรัพย์มีทางเลือก 2 แบบ คือจัดการดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง หรือจ้างบุคคลที่สามหรือองค์กรเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์แทน
ความแตกต่างระหว่างการดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง (Self-Custody) กับการดูแลโดยบุคคลที่สาม (Third-Party Custody)
• การดูแลรักษาสินทรัพย์ด้วยตนเอง (Self-Custody) คือการที่ผู้ลงทุนถือและจัดการ Private Key ด้วยตนเอง โดยอาจเก็บด้วยอุปกรณ์ประเภท Hardware และ Software หรือเขียนลงในกระดาษ
• ในการทำ Self-Custody นักลงทุนเป็นผู้รับผิดชอบและสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ได้เพียงคนเดียว จึงต้องรับความเสี่ยงทั้งหมดเช่นกัน
• ผู้ทำ Self-Custody ต้องรักษาอุปกรณ์สำหรับเก็บ Private Key อย่างระมัดระวัง เพราะหากลืมรหัสหรือทำอุปกรณ์อย่างเช่น Cold Wallet สูญหาย จะทำให้สูญเสียสินทรัพย์ Crypto ที่ยากต่อการกู้คืน
• การดูแลสินทรัพย์โดยบุคคลที่สาม (Third-Party Custody) เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการรับผิดชอบจัดการบัญชีด้วยตนเอง หรือผู้ที่ไม่ถนัดกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อน
• Third-Party Custody ถูกออกแบบมาสำหรับนักลงทุนสถาบันโดยเฉพาะ จึงมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่สูงกว่า
• ผู้ให้บริการดูแลสินทรัพย์มักได้รับการจดทะเบียนและอยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมาย โดยได้รับใบอนุญาตระดับรัฐหรือระดับประเทศเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้รับฝากสินทรัพย์
• ผู้ให้บริการจะทำหน้าที่เก็บ Private Key ของนักลงทุนด้วยระบบความปลอดภัยระดับสูง คล้ายกับบัญชีเงินฝากธนาคารที่ต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตนและตรวจสอบเพื่อป้องกันการฟอกเงิน
• การเลือกประเภทการดูแลสินทรัพย์ Crypto ควรพิจารณาจากความต้องการส่วนบุคคล ซึ่งความเหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทของนักลงทุน จำนวนสินทรัพย์ที่ถือครอง รวมถึงความถนัดและความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี
ประเภทของ Crypto Custody Solutions
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=7137;image)
• Cold Storage Custody เป็นวิธีการเก็บ Private Keys ในอุปกรณ์ที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายใดๆ ทำให้ปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ แต่อาจไม่สะดวกในการเข้าถึงเพื่อทำธุรกรรม
• Hot Storage Custody เป็นวิธีการเก็บ Private Keys ในระบบที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้สะดวกในการทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว แต่มีความเสี่ยงสูงกว่าในการถูกโจมตีทางไซเบอร์
• Multi-signature Custody เป็นระบบที่ต้องการการอนุมัติจากหลายฝ่ายก่อนทำธุรกรรม เช่น ต้องมีการยืนยันจาก 2 ใน 3 คน ทำให้เพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรม
• Smart Contract Custody ใช้ประโยชน์จากสัญญาอัจฉริยะบน Blockchain เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการเข้าถึงสินทรัพย์ เช่น กำหนดวงเงินสูงสุดที่สามารถถอนได้ต่อวัน หรือตั้งค่าให้มีการล็อคสินทรัพย์ในกรณีที่เกิดกิจกรรมที่น่าสงสัย
ผู้ให้บริการ Crypto Custody ที่น่าเชื่อถือ
• บริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน Crypto Custody โดยเฉพาะ เช่น BitGo, Anchorage, Fireblocks ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูงและได้รับการรับรองตามกฎหมาย
• สถาบันการเงินดั้งเดิมที่ขยายบริการมาสู่ Crypto Custody เช่น Fidelity Digital Assets ที่นำความเชี่ยวชาญในการดูแลสินทรัพย์แบบดั้งเดิมมาปรับใช้กับสินทรัพย์ดิจิทัล
• Crypto Exchanges ที่ให้บริการ Custody เช่น Coinbase Custody, Gemini Custody ที่ให้บริการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูง
• ธนาคารที่ให้บริการ Crypto Custody โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎหมายรองรับ ธนาคารขนาดใหญ่บางแห่งเริ่มเปิดให้บริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
ความท้าทายและความเสี่ยงในการใช้บริการ Crypto Custody
• ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของระบบ แม้จะมีการรักษาความปลอดภัยระดับสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์หรือช่องโหว่ในระบบ
• ความเสี่ยงด้านการผิดพลาดของมนุษย์ เช่น การทำ Private Keys สูญหาย หรือการส่งสินทรัพย์ผิดที่อยู่
• ความเสี่ยงจากการล้มละลายของผู้ให้บริการ ในกรณีที่ผู้ให้บริการมีปัญหาทางการเงินหรือล้มละลาย อาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงสินทรัพย์ของผู้ใช้บริการ
• ความเสี่ยงด้านกฎหมายและการกำกับดูแล เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับคริปโตในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงอาจมีความไม่แน่นอนในด้านกฎระเบียบ
การเลือกใช้บริการ Crypto Custody ที่เหมาะสม
• พิจารณาจากความน่าเชื่อถือและประวัติของผู้ให้บริการ โดยตรวจสอบว่ามีประวัติการถูกแฮ็กหรือการสูญหายของสินทรัพย์หรือไม่
• ตรวจสอบใบอนุญาตและการกำกับดูแล ผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลตามกฎหมายจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
• พิจารณาเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยที่ใช้ เช่น ระบบ Multi-signature, Cold Storage หรือ การเข้ารหัสขั้นสูง
• ตรวจสอบนโยบายการประกันภัย ผู้ให้บริการที่มีการประกันภัยสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลจะช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่เกิดการสูญหาย
• คำนึงถึงค่าธรรมเนียมและความคุ้มค่า โดยเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมและบริการที่ได้รับจากผู้ให้บริการต่างๆ
อนาคตของ Cryptocurrency Custody มีแนวโน้มเป็นอย่างไร?
• Cryptocurrency Custody ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบันมองว่าเป็นสะพานสำคัญที่เชื่อมระหว่างตลาดการลงทุนแบบดั้งเดิมกับโลกของสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังเติบโต
• การพัฒนาสำคัญอย่างน้อยสองประการจะมีผลต่ออนาคตของ Cryptocurrency Custody ซึ่งจะกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมในระยะยาว
การพัฒนาประการแรก: การเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นรายใหญ่
• ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงตลาดเริ่มให้ความสนใจ และเข้ามามีบทบาทในตลาด Cryptocurrency Custody มากขึ้น
• Use Case ที่เป็นรูปธรรมเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น โดยมีบริษัทชั้นนำอย่าง Coinbase และ Fidelity Investments เป็นผู้นำในการเสนอบริการ Cryptocurrency Custody
• การเข้ามาของบริษัทเหล่านี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาในตลาดคริปโตมากขึ้น
การพัฒนาประการที่สอง: ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ
• ปัจจุบันข้อกำหนดด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับการจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลยังขาดความชัดเจน ในแง่ของกฎระเบียบที่ควบคุม
• ธุรกิจต่างๆ ยังประสบปัญหาความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล ทำให้เกิดความลังเลในการลงทุนหรือขยายธุรกิจ
• การพัฒนาของอุตสาหกรรมจะเกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น เมื่อมีหน่วยงานกำกับดูแลเข้ามากำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เล่นในตลาดและผู้ใช้บริการ
บทสรุป
• Crypto Custody มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนสถาบันและผู้ที่มีสินทรัพย์มูลค่าสูง
• การเลือกวิธีการเก็บรักษา Private Keys ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการดูแลด้วยตนเองหรือใช้บริการจากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลจากความเสี่ยงต่างๆ
• ความปลอดภัยและความสะดวกมักเป็นสิ่งที่ต้องแลกกัน ระบบที่มีความปลอดภัยสูงมักจะไม่สะดวกในการเข้าถึง ในขณะที่ระบบที่สะดวกมักจะมีความเสี่ยงมากกว่า ดังนั้นผู้ลงทุนควรหาจุดสมดุลที่เหมาะสมกับความต้องการของตน
• การศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Crypto Custody เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับทุกคนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
• ในอนาคต Crypto Custody จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เมื่อสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับและนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีการพัฒนานวัตกรรมและมาตรฐานใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น