ทุกครั้งที่คุณซื้อขายคริปโตบนบล็อคเชน มีใครบางคนอาจกำลังแอบหยิบเงินจากกระเป๋าคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว MEV คือ กลไกลับที่ทำให้นักขุดและบอทพิเศษสามารถรีดเงินจากธุรกรรมของผู้ใช้ทั่วไป ด้วยอำนาจในการจัดเรียงลำดับการซื้อขาย พวกเขากำลังทำกำไรหลายพันล้านดอลลาร์ ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญและเราจะปกป้องตัวเองได้อย่างไร? ลองไปติดตามกัน ดังนี้ค่ะ
MEV (Miner-Extractable Value) คืออะไร?
• MEV หรือ Miner-Extractable Value คือ มูลค่าที่นักขุด (miners) หรือผู้ตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกรรมบนบล็อคเชนสามารถดึงออกมาได้
• โดยการจัดลำดับธุรกรรมตามใจชอบ ภายในบล็อกที่พวกเขาสร้าง ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถทำกำไรจากผู้ใช้ทั่วไปโดยที่ผู้ใช้อาจไม่รู้ตัว
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=7317;image)
เหตุใดจึงเกิด MEV?
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด MEV มาจากลักษณะการออกแบบของเครือข่ายบล็อคเชนที่ให้อิสระแก่นักขุด (miners) หรือผู้ตรวจสอบ (validators) ในการจัดการธุรกรรม
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=7319;image)
ลองขยายความเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ดังนี้นะคะ
• การออกแบบของบล็อคเชน: โดยพื้นฐานแล้ว บล็อคเชนถูกออกแบบให้นักขุดหรือผู้ตรวจสอบทำหน้าที่รวบรวมและตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม แต่ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ตายตัวว่าต้องจัดลำดับธุรกรรมอย่างไร
• ระบบแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ: เครือข่ายบล็อคเชนส่วนใหญ่ให้แรงจูงใจแก่นักขุดในการเลือกธุรกรรมที่มีค่าธรรมเนียมสูง เพราะพวกเขาได้รับค่าธรรมเนียมเหล่านั้น ทำให้ธุรกรรมที่จ่ายมากกว่ามักได้รับการประมวลผลก่อน
• ความโปร่งใสของ mempool: ทุกธุรกรรมที่รอการยืนยันสามารถถูกมองเห็นได้โดยทุกคนในเครือข่าย ซึ่งเป็นการเปิดเผยความตั้งใจทางการเงินของผู้ใช้ก่อนที่ธุรกรรมจะถูกบันทึกลงบล็อคเชน
• ช่องว่างทางเวลา: มีช่วงเวลาระหว่างการส่งธุรกรรมกับการยืนยันธุรกรรม ในช่วงเวลานี้เองที่ MEV searchers สามารถ
วิเคราะห์และสร้างธุรกรรมของตนเองเพื่อฉกฉวยโอกาส
เครือข่ายบล็อคเชนถูกออกแบบให้รับประกันความถูกต้องของธุรกรรม (ไม่มีการใช้จ่ายซ้ำซ้อน) และความต่อเนื่องของการสร้างบล็อก แต่ไม่ได้ให้การรับประกันเกี่ยวกับลำดับการประมวลผลธุรกรรม นี่คือช่องว่างที่ทำให้เกิด MEV ขึ้น
ทั้งหมดนี้ เรียกได้ว่า เป็นสาเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ MEV ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นปัญหาสำคัญในระบบนิเวศ DeFi ที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
รูปแบบของ MEV ที่พบบ่อย
การแลกเปลี่ยนแบบ Arbitrage
• บอทของบุคคลที่สามทำการซื้อขายระหว่าง DEX (Decentralized Exchanges) ตั้งแต่สองแห่งขึ้นไป
• ทำกำไรจากส่วนต่างราคา โดยซื้อจากแพลตฟอร์มที่ราคาต่ำกว่าและขายในแพลตฟอร์มที่ราคาสูงกว่า
• เกิดการแข่งขันแบบ "สงครามการเสนอราคาค่าก๊าซ" ระหว่างบอท arbitrage ที่แข่งกันจ่ายค่าธรรมเนียมสูงขึ้นเรื่อย ๆ
• ผลกระทบ: ค่าธรรมเนียมเครือข่ายสูงขึ้นสำหรับทุกคน แม้ว่าจะช่วยปรับสมดุลราคาในตลาดก็ตาม
การซื้อขายแบบตัดหน้า (Frontrunning)
• บอทสามารถเห็นธุรกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นใน mempool
• คัดลอกธุรกรรมและจ่ายค่าก๊าซสูงกว่า เพื่อให้ธุรกรรมของตนถูกประมวลผลก่อน
• เปลี่ยนราคาตลาดของสินทรัพย์และได้กำไรจากธุรกรรมของผู้ใช้ทั่วไป
• ผลกระทบ: ผู้ใช้ได้รับโทเค็นน้อยลงกว่าที่คาดไว้ (เกิด slippage) และเสียเงินโดยไม่รู้ตัว เหมือนจ่าย "ค่าธรรมเนียมที่มองไม่เห็น"
ผลกระทบของ MEV
ผลกระทบต่อผู้ใช้
• ค่าธรรมเนียมเครือข่ายสูงขึ้นสำหรับทุกคน
• การซื้อขายเกิด slippage มากขึ้น (ได้ราคาแย่กว่าที่คาดหวัง)
• เสียเงินให้กับบอทและนักขุดโดยไม่รู้ตัว
ผลกระทบต่อเครือข่าย
• แบนด์วิดท์ของเครือข่ายถูกใช้ไปกับการแข่งขันระหว่างบอท
• อาจนำไปสู่ปัญหาด้านความมั่นคงของ consensus ในกรณีที่รุนแรง
การแก้ไขปัญหา MEV: Chainlink Fair Sequencing Services (FSS)
แนวคิดหลักของ Chainlink FSS
Chainlink FSS เป็นโซลูชันที่แก้ปัญหา MEV โดย:
• แยกการจัดลำดับธุรกรรมออกจากการสร้างบล็อค - นักขุดยังคงสร้างบล็อค แต่ไม่มีอำนาจในการจัดลำดับธุรกรรมอีกต่อไป
• มอบหน้าที่จัดลำดับให้เครือข่าย oracle - เครือข่าย oracle แบบกระจายอำนาจของ Chainlink ทำหน้าที่ตัดสินลำดับอย่างเป็นกลาง
วิธีการทำงานของ FSS
• ผู้ใช้ส่งธุรกรรม - ไปยังเครือข่าย oracle หรือลงใน mempool ตามปกติ (รองรับวิธีการเดิม)
• Oracle จัดลำดับธุรกรรม - ตามนโยบายที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น "เรียงตามเวลาที่มาถึง"
• Oracle ลงนามรับรองลำดับ - เครือข่าย oracle ลงความเห็นพ้องและรับรองลำดับของธุรกรรม
• Smart contract ประมวลผลตามลำดับที่รับรอง - ธุรกรรมจะถูกประมวลผลตามลำดับที่ oracle กำหนด
นโยบายการจัดลำดับที่รองรับ
• เรียงตามเวลาที่มาถึง (FIFO) - ธุรกรรมที่มาก่อนได้รับการประมวลผลก่อน
• การเรียงลำดับแบบเข้ารหัส - ธุรกรรมถูกเข้ารหัสก่อน จัดลำดับ แล้วจึงถอดรหัส ป้องกันการเห็นล่วงหน้า
• กฎที่กำหนดเอง - แอปพลิเคชันสามารถกำหนดนโยบายเฉพาะได้ตามความต้องการ
ประโยชน์หลักของ FSS
• ลดค่าธรรมเนียมเครือข่าย - ขจัดสงครามการประมูลราคาก๊าซระหว่าง MEV searchers
• ปกป้องผู้ใช้ - ป้องกันการถูกตัดหน้า (frontrunning) และการโจมตีแบบแซนด์วิช
• สร้างความเท่าเทียม - ทุกผู้ใช้ได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน ไม่ว่าจะมีทุนมากหรือน้อย
• เพิ่มความมั่นคงของเครือข่าย - ลดความเสี่ยงจากการปรับโครงสร้างบล็อก (block reorg)
ข้อดีทางเทคนิค
• ทำงานกับบล็อคเชนที่มีอยู่แล้ว - ไม่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงบล็อคเชนหลัก
• รองรับแอปพลิเคชันหลากหลาย - เหมาะกับ DEX, lending protocols และแอปพลิเคชัน DeFi อื่นๆ
• ขยายขอบเขตได้ - รองรับบล็อคเชนหลายแพลตฟอร์มและ layer-2 โซลูชัน
Chainlink FSS จึงเป็นแนวทางที่ครอบคลุมในการสร้างระบบบล็อคเชนที่ยุติธรรมกว่า โปร่งใสกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า ช่วยให้ DeFi สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนโดยที่ผู้ใช้ไม่ถูกเอาเปรียบจากกลไก MEV
ประโยชน์ของ Chainlink FSS
• สร้างความยุติธรรม: ธุรกรรมถูกจัดลำดับตามกฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่ตามผู้ที่จ่ายเงินมากที่สุด
• ลดค่าธรรมเนียม: ช่วยลดสงครามการประมูลค่าก๊าซ
• ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้: ทำให้การทำธุรกรรมบน DeFi มีความเป็นธรรมมากขึ้น
• ปกป้องผู้ใช้: ป้องกันการถูกตัดหน้า (frontrunning) และวิธีการอื่นๆ ที่ดึงมูลค่าจากผู้ใช้
• เพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ผลลัพธ์: ผู้ใช้สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ของธุรกรรมได้แม่นยำมากขึ้น เนื่องจากไม่มีการแทรกแซงจากบอทหรือนักขุดที่จะเปลี่ยนแปลงราคาหรือลำดับการทำธุรกรรม
• สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อผู้ใช้รายย่อย: ผู้ใช้ทั่วไปที่มีเงินทุนจำกัดสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จาก DeFi ได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่เสียเปรียบผู้เล่นรายใหญ่หรือผู้ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง
• เพิ่มความโปร่งใสของตลาด: ทำให้ตลาด DeFi มีความโปร่งใสมากขึ้น โดยขจัดกลยุทธ์การทำกำไรที่ไม่เป็นธรรมและไม่โปร่งใส ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและผู้ใช้
• ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินโดยไม่รู้ตัว: ขจัด "ค่าธรรมเนียมที่มองไม่เห็น" ที่ผู้ใช้สูญเสียจากการตัดหน้าและการโจมตีแบบแซนด์วิช ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึง 10-30% ในบางกรณี
• เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรเครือข่าย: ลดการใช้แบนด์วิดท์และพื้นที่บล็อกไปกับธุรกรรมที่ไม่จำเป็นจากการแข่งขัน MEV ทำให้เครือข่ายสามารถรองรับธุรกรรมที่มีประโยชน์ได้มากขึ้น
• เสริมสร้างความมั่นคงของระบบนิเวศ DeFi: ช่วยให้โปรโตคอล DeFi มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยลดความผันผวนของราคาที่เกิดจากการตัดหน้าและกลยุทธ์ MEV อื่นๆ
• สนับสนุนนวัตกรรมในแอปพลิเคชัน DeFi: เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหา MEV หรือการออกแบบเพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ
• สนับสนุนมาตรฐานทางจริยธรรมในบล็อคเชน: ส่งเสริมระบบที่ยึดมั่นในหลักการกระจายอำนาจและความเป็นธรรมอย่างแท้จริง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของเทคโนโลยีบล็อคเชน
• ป้องกันการผูกขาดอำนาจ: ลดการกระจุกตัวของอำนาจที่เกิดจากการที่ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงสามารถควบคุมตลาด MEV ได้มากกว่า
• รองรับการทำงานข้ามเชน: ออกแบบให้สามารถทำงานได้กับหลายบล็อคเชนและ layer-2 โซลูชัน ช่วยให้เกิดมาตรฐานการจัดลำดับธุรกรรมที่เป็นธรรมทั่วทั้งระบบนิเวศ
สรุป: ทำไม MEV ถึงสำคัญกับเรา?
MEV หรือ Miner-Extractable Value เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่ใช้บล็อคเชนและ DeFi แม้คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อน แต่คุณอาจเคยเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัว ลองคิดถึงสถานการณ์เหล่านี้:
MEV ส่งผลกระทบต่อทุกคนในชีวิตประจำวัน
• เปรียบเทียบเหมือนคนแซงคิว: ลองนึกภาพว่าคุณกำลังยืนต่อแถวซื้อตั๋วคอนเสิร์ตที่คุณรอมาตลอดทั้งปี แต่มีคนกลุ่มหนึ่งสามารถจ่ายเงินให้พนักงานเพื่อแซงคิวคุณได้ ทำให้คุณไม่ได้ตั๋วที่ต้องการ หรือต้องจ่ายแพงขึ้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นใน DeFi ทุกวัน
• เปรียบเทียบเหมือนคนเห็นการ์ดของคุณ: เหมือนคุณกำลังเล่นไพ่ แต่คู่แข่งสามารถเห็นไพ่ในมือคุณได้ก่อนที่คุณจะเปิดมัน แล้วพวกเขาใช้ข้อมูลนี้เอาเปรียบคุณ ธุรกรรมใน mempool ก็เหมือนไพ่ที่ยังไม่ได้เปิด และ MEV searcher คือคนที่แอบมองไพ่คุณ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นในโลกจริง
เมื่อคุณทำธุรกรรมบนบล็อคเชน คุณอาจประสบกับปัญหาเหล่านี้:
• คุณจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไป: การแข่งขันระหว่างบอท MEV ทำให้ค่าธรรมเนียมทั้งเครือข่ายสูงขึ้น ทุกคนต้องจ่ายแพงขึ้นแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ MEV โดยตรง เหมือนเวลาที่ราคาอาหารในร้านสูงขึ้นเพราะต้องจ่ายค่าเช่าที่แพงขึ้น
• คุณได้รับราคาที่แย่กว่าที่คาดหวัง: คุณคิดว่าจะซื้อโทเค็นในราคา X แต่เมื่อธุรกรรมของคุณเสร็จสิ้น คุณกลับได้โทเค็นน้อยกว่าที่คาดไว้ ทำไม? เพราะมีบอท frontrunning ไปซื้อก่อนคุณและดันราคาขึ้น
• คุณสูญเสียโอกาสในการทำกำไร: ถ้าคุณเห็นโอกาสในการทำ arbitrage หรือโอกาสดีๆ ในตลาด แต่คุณไม่มีบอทหรือเทคโนโลยีขั้นสูง คุณแทบไม่มีโอกาสเลยที่จะฉกฉวยโอกาสนั้นก่อนคนอื่น
• การใช้งาน DeFi ที่ไม่แน่นอน: คุณไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ของธุรกรรมได้อย่างแม่นยำ ทำให้การวางแผนและการลงทุนยากขึ้น ราวกับคุณพยายามเล่นเกมที่กฎเปลี่ยนไปเรื่อยๆ