ตลาดคริปโตและวัฏจักรฟองสบู่
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คริปโตเคอเรนซีได้ผ่านวัฏจักรขาขึ้นและขาลงมาแล้วหลายรอบ หากมองย้อนไปในอดีต เราจะเห็นว่าตลาดคริปโตมีลักษณะเป็น "ฟองสบู่" ที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตั้งแต่ปี 2013, 2017, 2021 และปัจจุบันในปี 2025 เราอาจกำลังเห็นการก่อตัวของฟองสบู่ลูกใหม่
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=7762;image)
แต่ทำไมฟองสบู่คริปโตถึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
• ความเชื่อมั่น (Trust) และ ความหายาก (Scarcity) คือ ปัจจัยหลักที่ผลักดันมูลค่าของคริปโตเคอเรนซี
• ความหายากถูกกำหนดโดยโปรโตคอลของแต่ละเหรียญ เช่น Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ
• ความเชื่อมั่นเกิดจากการยอมรับในวงกว้าง การนำไปใช้งานจริง และความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยี
เมื่อใดฟองสบู่จะแตกและเมื่อใดจะเกิดใหม่?
ฟองสบู่มักเกิดขึ้นเมื่อราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้นเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง อันเนื่องมาจากความโลภและการเก็งกำไรที่มากเกินไป โดยเฉพาะในตลาดคริปโต สัญญาณของฟองสบู่มักมาพร้อมกับ
• นักลงทุนใหม่ที่ขาดความรู้หลั่งไหลเข้าตลาด
• มีการพูดถึง "คริปโตทำเงิน" อย่างแพร่หลายในสื่อกระแสหลัก
• โครงการคริปโตใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายโดยไม่มีเทคโนโลยีหรือคุณค่าที่แท้จริงรองรับ
• ราคาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาอันสั้น
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=7764;image)
วัฏจักรของ Trust และ Scarcity ในตลาดคริปโต
เมื่อพูดถึงปัจจัยที่ขับเคลื่อนมูลค่าของคริปโตเคอเรนซี เราจำเป็นต้องเข้าใจ 2 ปัจจัยหลัก
1. ความหายาก (Scarcity)
• Bitcoin มีกำหนดการ Halving ทุกๆ 4 ปีโดยประมาณ ทำให้รางวัลในการขุดลดลงครึ่งหนึ่ง สร้างความหายากเพิ่มขึ้น
• Ethereum หลังการเปลี่ยนไปใช้ Proof of Stake และการอัปเดต EIP-1559 ทำให้มีกลไกเผา ETH (burning) ส่งผลให้ในบางช่วงอุปทานลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น
• แต่ในภาพรวม จำนวนเหรียญคริปโตที่มีในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกว่า 1,000 เหรียญในปี 2017 มาเป็นกว่า 30,000 เหรียญในปี 2025
ปัญหาคือ แม้แต่ละเหรียญจะมีความหายากในตัวเอง แต่เมื่อมีเหรียญใหม่เกิดขึ้นไม่หยุด ความหายากโดยรวมของคริปโตก็ลดลง เปรียบเสมือนการที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทำการเพิ่มทุนไม่หยุด
2. ความเชื่อมั่น (Trust)
• ความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี: Blockchain ได้พิสูจน์ความทนทานมากว่า 16 ปี โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ไม่เคยถูกแฮ็กหรือล่มเลย
• ความเชื่อมั่นจากสถาบัน: การที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock, Fidelity เข้ามาลงทุนผ่าน Spot ETF ในปี 2024-2025
• ความเชื่อมั่นจากการใช้งานจริง: DeFi, NFT, การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ความเชื่อมั่นนี้มีผลต่อความผันผวน โดยเหรียญที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงอย่าง Bitcoin มักจะมีความผันผวนน้อยกว่าเหรียญที่เพิ่งเกิดใหม่
สถานการณ์ตลาดคริปโตในปี 2025
ปัจจุบันเราเห็นปรากฏการณ์สำคัญหลายอย่างในตลาดคริปโต:
• การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Bitcoin หลังจากการอนุมัติ Spot ETF และการ Halving ครั้งที่ 4
• เงินจากนักลงทุนสถาบันไหลเข้า โดยเฉพาะผ่าน ETF ที่มีมูลค่าการลงทุนทะลุ $50 พันล้านในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
• Altcoin และ Meme Coin กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังจาก Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่
• ความผันผวนที่สูงขึ้น ตามที่นักวิเคราะห์หลายรายแจ้งเตือน
ในขณะที่ตลาดกำลังปรับฐาน นักวิเคราะห์จาก CryptoQuant อย่าง Darkfost ระบุว่า "นี่อาจเป็นช่วงเวลาทองในการ DCA เหรียญ altcoin" โดยพิจารณาจากกราฟโวลุมเทรด Altcoin ที่บ่งบอกว่าตลาดอยู่ในโซนเข้าซื้อ
โอกาสทองในการลงทุนคริปโตเคอเรนซี
กลยุทธ์ DCA (Dollar Cost Averaging)
การถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ DCA เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลงทุนในตลาดที่ผันผวนอย่างคริปโต โดยมีหลักการคือ:
• ลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันในทุกช่วงเวลาที่กำหนดไว้ เช่น ทุกเดือน ทุกสัปดาห์
• ไม่สนใจความผันผวนของราคา เมื่อราคาลง จะได้จำนวนเหรียญมากขึ้น เมื่อราคาขึ้น จะได้จำนวนเหรียญน้อยลง
• ลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาด และลดอารมณ์ในการลงทุน
เหรียญที่ควรพิจารณาลงทุนในช่วงนี้
• Bitcoin (BTC): ยังคงเป็นเหรียญที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุด และมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีที่สุดหลังวิกฤติ
• Ethereum (ETH): การพัฒนาต่อเนื่องและระบบนิเวศที่แข็งแกร่งยังคงทำให้ ETH เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
• Layer 2 Solutions: โซลูชั่นที่ช่วยแก้ปัญหาความแออัดบน Ethereum เช่น Arbitrum, Optimism
• DeFi Blue Chips: โปรโตคอลที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การบริหารความเสี่ยงในยุคฟองสบู่
• ลงทุนเฉพาะเงินที่พร้อมจะสูญเสีย คริปโตยังคงเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง
• กระจายการลงทุน ไม่พึ่งพาเหรียญใดเหรียญหนึ่งมากเกินไป
• ตั้งเป้าหมายกำไรที่ชัดเจน และทยอยขายเมื่อราคาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
• ศึกษาและติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์
บทสรุป: เตรียมพร้อมรับมือกับวงจรฟองสบู่รอบใหม่
ฟองสบู่คริปโตจะเกิดขึ้นและแตกออกเป็นวัฏจักร แม้เราไม่อาจทำนายได้อย่างแม่นยำว่าเมื่อใดฟองสบู่จะแตก แต่เราสามารถเตรียมตัวรับมือได้
เรื่องสำคัญที่ต้องจำ
• Trust และ Scarcity คือ ปัจจัยหลักที่กำหนดมูลค่าของคริปโตในระยะยาว
• เมื่อฟองสบู่แตก สกุลเงินที่ขาดความเชื่อมั่นจะหายไป เหลือเพียงเหรียญที่มีเทคโนโลยีและการใช้งานจริงรองรับ
• หลังฟองสบู่แตก มักเป็นโอกาสทองในการสะสมสินทรัพย์คุณภาพดีในราคาถูก
• กลยุทธ์ DCA เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดที่ผันผวนเช่นนี้
ในท้ายที่สุด การเติบโตของเทคโนโลยี Blockchain และคริปโตเคอเรนซีในระยะยาวยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการยอมรับจากสถาบันการเงินและภาครัฐมากขึ้น เพียงแต่เส้นทางสู่การยอมรับในวงกว้างนั้นจะไม่เป็นเส้นตรง แต่เต็มไปด้วยความผันผวนและวัฏจักรขาขึ้น-ขาลงที่นักลงทุนต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมและใช้ประโยชน์จากมัน