เจาะลึกการวิเคราะห์ On-Chain Data
เจาะลึกการวิเคราะห์ On-Chain Data เข็มทิศนำทางในตลาดคริปโตในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายล้วนถูกบันทึกไว้อย่างโปร่งใสและถาวร ข้อมูลเหล่านี้เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ที่รอการค้นพบ ซึ่งนำไปสู่ศาสตร์การวิเคราะห์ที่เรียกว่า "On-Chain Analysis" หรือ "การวิเคราะห์ข้อมูลบนเชน" การทำความเข้าใจในข้อมูลเหล่านี้อย่างลึกซึ้งจะช่วยให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์มองเห็นภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คาดการณ์แนวโน้ม และตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีหลักการมากขึ้น
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=8654;image)
การวิเคราะห์ On-Chain Data คืออะไร?
การวิเคราะห์ On-Chain Data คือ กระบวนการศึกษาและตีความข้อมูลทั้งหมดที่ถูกบันทึกไว้บนเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะ (Public Blockchain) เช่น Bitcoin หรือ [b]Ethereum[/b] เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักลงทุน สุขภาพของเครือข่าย และทิศทางของตลาดในอนาคต
● พื้นฐาน หัวใจของการวิเคราะห์นี้คือการใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติความโปร่งใส (Transparency) ของบล็อกเชน ซึ่งธุรกรรมทุกรายการ, ที่อยู่ของกระเป๋าเงิน (Wallet Address), และการทำงานของ Smart Contract จะถูกบันทึกและเปิดเผยให้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้
● เป้าหมาย เพื่อเปลี่ยนข้อมูลดิบ (Raw Data) ที่อยู่บนบล็อกเชนให้กลายเป็นตัวชี้วัด (Indicator) หรือสัญญาณ (Signal) ที่สามารถนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้
● ความแตกต่าง แตกต่างจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ที่เน้นศึกษากราฟราคาและปริมาณการซื้อขาย หรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) แบบดั้งเดิมที่ดูเรื่องทีมพัฒนาหรือเอกสาร Whitepaper แต่ On-Chain Analysis จะเน้นไปที่การไหลเวียนของเหรียญและพฤติกรรมผู้ใช้งานจริงบนเครือข่าย
ประเภทข้อมูล On-Chain Data
ข้อมูลบนบล็อกเชนสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทให้ข้อมูลเชิงลึกในมิติที่แตกต่างกันไป
● ข้อมูลธุรกรรม (Transaction Data)
○ ที่อยู่ผู้ส่งและผู้รับ (Sender & Receiver Addresses) ใช้ติดตามการเคลื่อนไหวของเหรียญระหว่างกระเป๋าเงินต่างๆ เช่น จากนักลงทุนรายย่อยไปยังนักลงทุนรายใหญ่ (วาฬ) หรือการโอนเหรียญเข้า/ออกจาก Exchange
○ จำนวนเหรียญที่โอน (Transaction Volume) บอกถึงปริมาณสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวบนเครือข่ายในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งสะท้อนถึงระดับกิจกรรมและความสนใจ
○ ค่าธรรมเนียมธุรกรรม (Transaction Fees) ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นมักบ่งชี้ว่าเครือข่ายกำลังมีการใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของความต้องการที่เพิ่มขึ้นหรือการแย่งกันทำธุรกรรมในช่วงเวลาสำคัญ
○ เวลาที่เกิดธุรกรรม (Timestamp): ใช้สำหรับวิเคราะห์กิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน หรือเปรียบเทียบกับเหตุการณ์สำคัญในตลาด
● ข้อมูลบล็อก (Block Data)
○ รางวัลจากการขุด (Block Rewards) จำนวนเหรียญใหม่ที่เกิดขึ้นในระบบจากการสร้างบล็อกใหม่ ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับอัตราเงินเฟ้อของเหรียญนั้นๆ
○ ความยากง่ายในการขุด (Mining Difficulty) ตัวชี้วัดความแข็งแกร่งและปลอดภัยของเครือข่าย Proof-of-Work (PoW) ยิ่งค่านี้สูง หมายถึงมีนักขุดเข้าร่วมในเครือข่ายจำนวนมาก
○ อัตราแฮช (Hash Rate) กำลังการประมวลผลทั้งหมดของเครือข่าย PoW เป็นตัวชี้วัดสุขภาพและความปลอดภัยของเครือข่ายโดยตรง Hash Rate ที่สูงและเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัญญาณที่ดี
● ข้อมูลที่อยู่กระเป๋าเงิน (Address Data)
○ จำนวนที่อยู่ใหม่ (New Addresses) การเพิ่มขึ้นของที่อยู่ใหม่ๆ บนเครือข่ายสามารถบ่งชี้ถึงการเข้ามาของผู้ใช้งานหน้าใหม่ (Adoption)
○ จำนวนที่อยู่ที่มีการใช้งาน (Active Addresses) บอกถึงจำนวนผู้ใช้งานจริงบนเครือข่ายในแต่ละวัน สะท้อนถึงกิจกรรมและความคึกคัก
○ ยอดคงเหลือในแต่ละที่อยู่ (Address Balances) ใช้จำแนกประเภทของนักลงทุน เช่น รายย่อย, วาฬ (Whales - ผู้ถือเหรียญจำนวนมาก), หรือ Exchange
○ การกระจายตัวของเหรียญ (Token Distribution) ดูว่าเหรียญส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มใด หากกระจุกตัวอยู่ที่วาฬมากเกินไปอาจมีความเสี่ยงเรื่องการเทขาย
ความสำคัญของการวิเคราะห์ On-Chain Data
การวิเคราะห์ On-Chain เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความได้เปรียบในตลาดที่มีความผันผวนสูง
● ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลมาจากแหล่งข้อมูลโดยตรงบนบล็อกเชน ทำให้ไม่สามารถปลอมแปลงหรือบิดเบือนได้ มีความน่าเชื่อถือสูง
● เข้าใจพฤติกรรมของ "วาฬ" สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของกระเป๋าเงินขนาดใหญ่ได้ การที่ "วาฬ" เริ่มสะสมเหรียญหรือโอนเหรียญจำนวนมากเข้า Exchange มักจะเป็นสัญญาณชี้นำตลาดได้
● วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนระยะยาว (HODlers) สามารถวิเคราะห์ได้ว่านักลงทุนระยะยาวกำลังทำการสะสมเหรียญเพิ่มขึ้นหรือกำลังเทขายทำกำไร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเชื่อมั่นในสินทรัพย์นั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
● ประเมินสุขภาพของเครือข่าย ตัวชี้วัดอย่าง Hash Rate หรือจำนวน Active Addresses ช่วยให้ประเมินได้ว่าเครือข่ายนั้นๆ ยังคงแข็งแกร่งและมีการใช้งานจริงอยู่หรือไม่ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ
● ระบุสัญญาณการกลับตัวของตลาด การวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การไหลเข้า-ออกของเหรียญใน Exchange สามารถช่วยคาดการณ์แรงซื้อและแรงขายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น หากมีเหรียญจำนวนมากถูกโอนออกจาก Exchange อาจหมายถึงนักลงทุนต้องการเก็บระยะยาวและแรงขายจะลดลง
● ลดอิทธิพลจากข่าวสารรบกวน (Noise) ในขณะที่ตลาดเต็มไปด้วยข่าวสารและความคิดเห็นมากมาย ข้อมูล On-Chain จะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนเครือข่าย ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลที่เป็นรูปธรรมมากกว่าความรู้สึกหรือข่าวลือ
การวิเคราะห์แบบ On-chain ในการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ
1. เลือกเครื่องมือและแพลตฟอร์มวิเคราะห์แบบออนเชนที่เชื่อถือได้
● เลือกแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลออนเชนแบบเรียลไทม์และมีความน่าเชื่อถือ เช่น Glassnode, CryptoQuant, Santiment, Nansen, Dune Analytics ฯลฯ
● ตรวจสอบว่าเครื่องมือมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและสามารถปรับแต่งแดชบอร์ดให้ตรงกับกลยุทธ์ของคุณได้
● พิจารณาแหล่งข้อมูลที่มีทั้งกราฟ, ดัชนีรวม, การแจ้งเตือน และ API สำหรับนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์เชิงลึก
2. ตรวจสอบเมตริกที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอ
● จำนวนที่อยู่กระเป๋าใหม่ (New Addresses) บ่งชี้การเข้าร่วมของผู้ใช้ใหม่ในเครือข่าย
● จำนวนเหรียญที่เคลื่อนไหวล่าสุด (Coin Age, Dormancy) ตรวจสอบว่าเหรียญที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานเริ่มมีการย้ายหรือไม่
● Exchange Inflow/Outflow: ดูว่ามีการย้ายเหรียญเข้า/ออกจากกระดานเทรดมากน้อยแค่ไหน เพื่อประเมินแรงกดดันด้านการขายหรือซื้อ
● MVRV Ratio (Market Value to Realized Value) ใช้วัดว่าตลาดกำลังอยู่ในโซนกำไรหรือขาดทุน ซึ่งสามารถใช้จับจังหวะกลับตัว
● Funding Rate & Open Interest ดูพฤติกรรมตลาดฟิวเจอร์สที่อาจส่งสัญญาณความโลภหรือความกลัว
● ตั้งค่ากำหนดเวลาในการตรวจสอบเมตริกเหล่านี้ เช่น รายวันหรือรายสัปดาห์ เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มโดยรวม
3. ผสานข้อมูลออนเชนกับการวิเคราะห์เทคนิคและความรู้สึกของตลาด
● ใช้ข้อมูลออนเชนประกอบกับการดูกราฟแท่งเทียน, แนวรับแนวต้าน, รูปแบบราคา และอินดิเคเตอร์ต่างๆ เพื่อยืนยันสัญญาณ
● วิเคราะห์ Sentiment จาก Social Media, ข่าว, ปริมาณการค้นหา (Google Trends) เพื่อเข้าใจมุมมองของนักลงทุนทั่วไป
● การบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่งจะช่วยให้การตัดสินใจซื้อขายมีความรอบคอบมากขึ้น
4. ตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับเหตุการณ์สำคัญ
● ใช้ฟีเจอร์แจ้งเตือน (Alerts) ของแพลตฟอร์ม On-chain เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลง เช่น การไหลเข้ากระดานเทรดแบบผิดปกติ หรือปริมาณที่อยู่กระเป๋าเพิ่มขึ้นเร็ว
● การแจ้งเตือนช่วยให้สามารถตัดสินใจทันสถานการณ์ เช่น ลดความเสี่ยงหรือเข้าออเดอร์อย่างรวดเร็ว
● ควรทดสอบระบบแจ้งเตือนก่อนใช้งานจริง เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับข้อมูลทันเหตุการณ์
5. เรียนรู้และอัปเดตเทคนิคการวิเคราะห์แบบออนเชนอย่างต่อเนื่อง
● อุตสาหกรรมคริปโตและข้อมูลออนเชนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องติดตามบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญหรือบทความวิจัยใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ
● เข้าร่วมคอมมูนิตี้ Discord, Telegram, Twitter หรือ Reddit เพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคและมุมมอง
● ลงคอร์สออนไลน์หรือเวิร์กช็อปเพื่อเพิ่มทักษะเชิงลึก เช่น การวิเคราะห์ Token Flow, Whale Tracking หรือการใช้ SQL กับ Dune Analytics
ความท้าทายของการวิเคราะห์แบบ On-chain
❗ 1. ปริมาณข้อมูลที่มากจนเกินไป
● ข้อมูลออนเชนมีจำนวนมาก เช่น ธุรกรรม, การย้ายเหรียญ, ที่อยู่ผู้ใช้, กิจกรรมของนักขุด ฯลฯ ซึ่งอาจสร้างความสับสนได้หากไม่มีการกรองข้อมูล
● จำเป็นต้องรู้ว่าควรให้ความสำคัญกับเมตริกใดเป็นหลักในแต่ละช่วงเวลา (เช่น ในตลาดขาขึ้น, ขาลง, หรือข้าง)
❗ 2. ความผันผวนของตลาดอาจทำให้ตีความผิดพลาด
● ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง ซึ่งทำให้บางครั้งสัญญาณอาจผิดพลาดหรือลวง เช่น การเคลื่อนย้ายเหรียญของวาฬที่ไม่เกี่ยวกับการขายจริง
ต้องใช้บริบทร่วมในการวิเคราะห์ เช่น ข่าวเหตุการณ์ภายนอก หรือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำ
❗ 3. ข้อมูลอาจล้าสมัยหรือใช้ไม่ได้ในบางสถานการณ์
● เมตริกบางอย่างอาจเคยแม่นในอดีต แต่ไม่เหมาะกับสภาพตลาดใหม่ เช่น ในช่วงที่มีโปรโตคอลใหม่หรือ Layer 2 เข้ามา
● ต้องพิจารณาการปรับกลยุทธ์วิเคราะห์ให้สอดคล้องกับโครงสร้างตลาดที่เปลี่ยนไป
❗ 4. ต้องใช้ทักษะการวิเคราะห์ขั้นสูงและความเข้าใจเชิงลึก
● ไม่เพียงแค่ดูข้อมูลพื้นฐาน แต่ต้องเข้าใจกลไกของบล็อกเชน, โปรโตคอล และพฤติกรรมของผู้ใช้
● ต้องรู้จักอ่านค่าทางสถิติและเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเมตริกต่าง ๆ
❗ 5. การตีความผิดอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่เสียหาย
● หากอ่านค่าผิด เช่น คิดว่าการไหลเข้าของเหรียญคือแรงซื้อ แต่จริงๆ เป็นการเตรียมขาย อาจทำให้ขาดทุนได้
● ควรมีการสำรองแผนกลยุทธ์ และไม่พึ่งข้อมูลเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจ
ตัวอย่างข้อมูล On-Chain ที่คนชอบใช้ (Popular On-Chain Metrics)
มีตัวชี้วัด On-Chain ที่ได้รับความนิยมมากมายซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้นักวิเคราะห์ตีความข้อมูลได้ง่ายขึ้น
● Netflow of Exchanges (ปริมาณเหรียญไหลเข้า-ออกสุทธิของ Exchange)
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=8652;image)
○ Netflow เป็นบวก (Inflow > Outflow) มีเหรียญไหลเข้า Exchange มากกว่าไหลออก บ่งชี้ถึงแรงขายที่อาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมักโอนเหรียญเข้าเพื่อเตรียมขาย
○ Netflow เป็นลบ (Outflow > Inflow) มีเหรียญไหลออกจาก Exchange มากกว่าไหลเข้า เป็นสัญญาณที่ดี บ่งชี้ว่านักลงทุนอาจกำลังสะสมเหรียญในกระเป๋าส่วนตัวเพื่อการลงทุนระยะยาว
● MVRV Ratio (Market Value to Realized Value Ratio)
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=8656;image)
○ เป็นอัตราส่วนระหว่างมูลค่าตลาด (Market Cap) กับมูลค่าที่เกิดขึ้นจริง (Realized Cap) ซึ่ง Realized Cap จะคำนวณมูลค่าของเหรียญจากราคาล่าสุดที่มีการเคลื่อนไหวบนเชน
○ MVRV > 1 โดยเฉลี่ยแล้วผู้ถือเหรียญกำลังมีกำไร (อยู่ในโซนที่อาจมีการเทขายทำกำไร)
○ MVRV < 1 โดยเฉลี่ยแล้วผู้ถือเหรียญกำลังขาดทุน (อยู่ในโซนที่อาจเป็นจุดเข้าซื้อที่ดี)
● SOPR (Spent Output Profit Ratio)
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=8658;image)
○ ใช้วัดอัตราส่วนกำไร/ขาดทุนโดยรวมของเหรียญที่มีการเคลื่อนไหวในแต่ละวัน
○ SOPR > 1 เหรียญที่ถูกเคลื่อนไหวในวันนั้นๆ โดยเฉลี่ยแล้วขายทำกำไร
○ SOPR < 1 เหรียญที่ถูกเคลื่อนไหวในวันนั้นๆ โดยเฉลี่ยแล้วขายแบบขาดทุน ซึ่งในภาวะตลาดกระทิง การที่ SOPR แตะระดับ 1 แล้วเด้งกลับขึ้นไป มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
● HODL Waves
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=8660;image)
○ เป็นกราฟที่แสดงอายุของเหรียญในระบบ โดยแบ่งตามช่วงเวลาที่เหรียญไม่มีการเคลื่อนไหว
○ ใช้ดูพฤติกรรมของนักลงทุนระยะยาว (HODlers) หากแถบสีของกลุ่มที่ถือเหรียญนานๆ (เช่น 1-2 ปีขึ้นไป) ขยายใหญ่ขึ้น หมายถึงมีการสะสมเหรียญระยะยาวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่น
● Puell Multiple
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=8662;image)
○ เป็นตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับฝั่งนักขุด (Miners) โดยคำนวณจากอัตราส่วนของมูลค่าเหรียญที่ขุดได้ในแต่ละวัน เทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 365 วัน
○ ค่า Puell Multiple สูง บ่งชี้ว่านักขุดมีกำไรสูงมาก อาจเริ่มเทขายเหรียญเพื่อทำกำไร ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของจุดสูงสุดของตลาด
○ ค่า Puell Multiple ต่ำ บ่งชี้ว่านักขุดมีกำไรน้อยหรือกำลังขาดทุน อาจเป็นสัญญาณของจุดต่ำสุดของตลาดได้
การศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูล On-Chain จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบและลดความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างมีนัยสำคัญ และมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจตลาดคริปโตอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูล และสามารถปรับตัวเข้ากับตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ดียิ่งขึ้น