ThailandTraderClub.com

Crypto Trading and Defi => พื้นฐาน Crypto => หัวข้อที่ตั้งโดย: Support-3 เมื่อ กรกฎาคม 24, 2025, 02:02:08 หลังเที่ยง

ชื่อ: การใช้ Decentralized Identity (DID) ในบล็อกเชน
โดย: Support-3 เมื่อ กรกฎาคม 24, 2025, 02:02:08 หลังเที่ยง
Decentralized Identity (DID) คืออะไร

(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=8698;image)

       Decentralized Identity (DID) หรือ "อัตลักษณ์แบบกระจายศูนย์" คือ แนวคิดและรูปแบบใหม่ของการจัดการข้อมูลระบุตัวตนทางดิจิทัล ที่ให้อำนาจอธิปไตยในการควบคุมข้อมูลกลับคืนสู่ผู้ใช้งานอย่างสมบูรณ์ (Self-Sovereign Identity) แทนที่โมเดลเดิมที่ต้องพึ่งพาตัวกลาง (เช่น รัฐบาล หรือบริษัทเทคโนโลยี) ในการสร้างและยืนยันตัวตน
●    เป็นมาตรฐานสากล DID เป็นมาตรฐานที่กำหนดโดย World Wide Web Consortium (W3C) เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันได้ (Interoperability) ของระบบอัตลักษณ์ดิจิทัลทั่วโลก
●    ผู้ใช้เป็นเจ้าของและผู้ควบคุม หัวใจหลักของ DID คือ ผู้ใช้สามารถสร้าง เป็นเจ้าของ และควบคุมข้อมูลประจำตัวของตนเองได้โดยสมบูรณ์ ไม่ถูกผูกติดกับแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง
●    ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง ไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานกลาง (Centralized Authority) อย่าง Google, Facebook หรือหน่วยงานรัฐในการออกและบริหารจัดการตัวตน ผู้ใช้สามารถสร้างและจัดการ DID ของตนเองได้โดยตรง

ส่วนประกอบหลักของสถาปัตยกรรม DID
       ○    DIDs (Decentralized Identifiers) คือชุดตัวอักษรและตัวเลขที่ไม่ซ้ำกันทั่วโลก ทำหน้าที่เป็น "ชื่อ" หรือ "ตัวระบุ" สำหรับบุคคล องค์กร หรือสิ่งของในโลกดิจิทัล เปรียบเสมือนเลขบัตรประชาชนบนโลกออนไลน์ที่ผู้ใช้สร้างเองได้ เช่น did:example:123456789abcdefghi
       ○    DID Documents เป็นไฟล์ JSON ที่อธิบายข้อมูลเกี่ยวกับ DID นั้นๆ เช่น Public Key ที่ใช้ในการยืนยันตัวตน, Service Endpoints สำหรับการสื่อสาร หรือข้อมูลชีวประวัติที่เจ้าของ DID ยินยอมให้เปิดเผย เอกสารนี้จะถูกเก็บไว้ในที่ที่สามารถเข้าถึงได้แบบสาธารณะ เช่น บนระบบไฟล์แบบกระจายศูนย์ (IPFS) หรือบนบล็อกเชน
       ○    Verifiable Credentials (VCs) คือ "เอกสารรับรองดิจิทัล" ที่มีการเข้ารหัสและลงลายมือชื่อดิจิทัลโดยผู้ออก (Issuer) เพื่อยืนยันคุณสมบัติหรือข้อมูลบางอย่างของเจ้าของ DID (Subject) เช่น ใบปริญญาบัตรดิจิทัลที่ออกโดยมหาวิทยาลัย, ใบรับรองแพทย์ที่ออกโดยโรงพยาบาล หรือการยืนยันว่าเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะแล้วโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
       ○    Verifiable Presentations (VPs) คือชุดข้อมูลที่ประกอบด้วย VC อย่างน้อยหนึ่งรายการ ที่เจ้าของ DID (Presenter) รวบรวมและนำเสนอต่อผู้ตรวจสอบ (Verifier) เพื่อยืนยันตัวตนหรือคุณสมบัติของตนเอง ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะเปิดเผยข้อมูลใดบ้างใน VP เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว

หลักการทำงานของ DID บนบล็อกเชน

(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=8700;image)

บล็อกเชนทำหน้าที่เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้แนวคิด DID เกิดขึ้นได้จริง โดยทำหน้าที่เป็น "บัญชีแยกประเภทสาธารณะแบบกระจายศูนย์" (Decentralized Public Key Infrastructure - DPKI) ที่มีความโปร่งใสและไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้
●    การสร้างและจดทะเบียน DID
       ○    ผู้ใช้สร้างคู่กุญแจเข้ารหัส (Cryptographic Key Pair) ซึ่งประกอบด้วย Private Key (เก็บไว้กับตัว) และ Public Key (เปิดเผยได้)
       ○    DID จะถูกสร้างขึ้นโดยใช้วิธีการทางคริปโตกราฟีที่เชื่อมโยงกับ Public Key
       ○    ผู้ใช้ส่งธุรกรรม (Transaction) ไปยังบล็อกเชนเพื่อ "จดทะเบียน" หรือ "ปักหมุด" (Anchor) DID ของตนเอง พร้อมกับลิงก์ที่ชี้ไปยังตำแหน่งของ DID Document การทำเช่นนี้เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ DID นั้นๆ ต่อสาธารณะ
●    การยืนยันความเป็นเจ้าของ
       ○    เมื่อผู้ใช้ต้องการพิสูจน์ตัวตนกับบริการหรือแอปพลิเคชัน (ผู้ตรวจสอบ - Verifier) ผู้ตรวจสอบจะส่ง "คำท้า" (Challenge) ซึ่งเป็นข้อมูลแบบสุ่มมาให้
       ○    ผู้ใช้จะใช้ Private Key ของตนเองในการ "ลงนาม" (Sign) บนคำท้านั้น เพื่อสร้างลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature)
       ○    ผู้ใช้ส่งลายมือชื่อดิจิทัลนี้กลับไปยังผู้ตรวจสอบ
●    กระบวนการตรวจสอบ (Verification)
       ○    ผู้ตรวจสอบทำการค้นหา (Resolve) DID ของผู้ใช้บนบล็อกเชน เพื่อเข้าถึง DID Document ที่เกี่ยวข้อง
       ○    จาก DID Document ผู้ตรวจสอบจะได้ Public Key ของผู้ใช้มา
       ○    ผู้ตรวจสอบใช้ Public Key นี้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของลายมือชื่อดิจิทัล หากลายมือชื่อถูกต้อง ก็เป็นการยืนยันได้ว่าผู้ที่กำลังสื่อสารด้วยคือเจ้าของ DID ตัวจริง เนื่องจากมีเพียงเจ้าของ Private Key ที่ถูกต้องเท่านั้นที่สามารถสร้างลายมือชื่อนี้ได้
●    บทบาทของบล็อกเชน
บล็อกเชนไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัว (PII) หรือ Verifiable Credentials โดยตรง แต่ทำหน้าที่เป็น ชั้นความเชื่อมั่น (Trust Layer) ที่ช่วยรับประกันว่า
       ○    มีความเป็นสากล (Universally Resolvable) ทุกคนสามารถค้นหา DID และเข้าถึง DID Document ได้
       ○    ป้องกันการปลอมแปลง (Tamper-Proof) ข้อมูลการจดทะเบียน DID ที่บันทึกบนบล็อกเชนแล้ว ไม่สามารถแก้ไขหรือลบโดยบุคคลอื่นได้
       ○    มีความพร้อมใช้งานสูง (Highly Available) เนื่องจากข้อมูลถูกกระจายไปทั่วเครือข่าย จึงไม่มีจุด отказа (Single Point of Failure)

ประโยชน์ของ DID
การนำ DID มาใช้สร้างประโยชน์ในหลายมิติ ทั้งต่อผู้ใช้งานทั่วไปและภาคธุรกิจ
●    ให้อำนาจอธิปไตยในข้อมูลตนเอง (Self-Sovereign Identity - SSI)
       ○    ผู้ใช้มีอำนาจควบคุมข้อมูลของตนเองอย่างแท้จริง สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเปิดเผยข้อมูลอะไร ให้ใคร และเมื่อไหร่
●    เพิ่มความปลอดภัย (Enhanced Security)
       ○    ลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูลครั้งใหญ่ (Large-scale data breaches) เพราะไม่มีฐานข้อมูลกลางที่เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตี
       ○    การยืนยันตัวตนอาศัยการเข้ารหัสแบบ Public-Private Key ซึ่งปลอดภัยกว่าการใช้รหัสผ่านแบบเดิม
●    ยกระดับความเป็นส่วนตัว (Improved Privacy)
       ○    ผู้ใช้สามารถเปิดเผยข้อมูลเท่าที่จำเป็น (Selective Disclosure) เช่น ยืนยันว่าอายุเกิน 18 ปี โดยไม่ต้องเปิดเผยวันเดือนปีเกิดจริง
       ○    ลดการถูกติดตามพฤติกรรมข้ามแพลตฟอร์ม เนื่องจากไม่ได้ใช้บัญชีเดียวกัน (เช่น Google/Facebook) ในการล็อกอินทุกบริการ
●    เพิ่มประสิทธิภาพและลดความซ้ำซ้อน (Increased Efficiency)
       ○    ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวซ้ำๆ หรือสร้างบัญชีใหม่สำหรับทุกบริการที่ต้องการใช้งาน
       ○    ภาคธุรกิจสามารถลดต้นทุนและเวลาในกระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC) และการตรวจสอบข้อมูลได้ โดยการยอมรับ Verifiable Credentials ที่ออกโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
●    การพกพาและทำงานร่วมกันได้ (Portability & Interoperability)
       ○    DID และ VCs สามารถนำไปใช้ได้กับทุกบริการและแพลตฟอร์มที่รองรับมาตรฐานเดียวกัน ทำให้เกิดระบบนิเวศดิจิทัลที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงถึงกัน

ความท้าทายและข้อควรพิจารณา
แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่การนำ DID มาใช้งานในวงกว้างยังมีความท้าทายที่ต้องพิจารณา
●    การจัดการกุญแจ (Key Management)
       ○    ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบในการเก็บรักษา Private Key ของตนเองให้ปลอดภัย หากทำหายหรือถูกขโมย อาจหมายถึงการสูญเสียการควบคุมอัตลักษณ์ดิจิทัลนั้นไปอย่างถาวร
●    การกู้คืนอัตลักษณ์ (Identity Recovery)
       ○    การพัฒนากลไกการกู้คืน DID ที่ปลอดภัยและใช้งานง่าย (เช่น การใช้ Social Recovery) ยังคงเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องแก้ไข เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ
●    ประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience - UX)
       ○    เทคโนโลยีเบื้องหลังยังคงซับซ้อน การสร้าง Interface ที่ง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการยอมรับในวงกว้าง
●    ความสามารถในการขยายขนาด (Scalability)
       ○    การทำธุรกรรมบนบล็อกเชนบางประเภทอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและมีความเร็วจำกัด ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในปริมาณมาก
●    การทำงานร่วมกันและมาตรฐาน (Interoperability & Standardization)
       ○    แม้จะมีมาตรฐานจาก W3C แล้ว แต่การทำให้แน่ใจว่า DID Methods และบล็อกเชนที่แตกต่างกันสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นยังคงเป็นความท้าทาย
●    ประเด็นด้านกฎหมายและการยอมรับ (Legal & Regulatory Acceptance)
       ○    หน่วยงานกำกับดูแลและสถาบันต่างๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องทำความเข้าใจและยอมรับ VCs ว่ามีความน่าเชื่อถือเทียบเท่ากับเอกสารทางกายภาพ

ตัวอย่างการใช้งานและอนาคต
DID มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการโต้ตอบในโลกดิจิทัลในหลากหลายอุตสาหกรรม
●    ตัวอย่างการใช้งานในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้
       ○    การเข้าสู่ระบบ ใช้ DID เพื่อล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่างๆ แทนการใช้ Username/Password หรือบัญชีโซเชียลมีเดีย (เช่น "Sign-In with Ethereum")
       ○    การศึกษา ออกและตรวจสอบวุฒิการศึกษา ใบปริญญา หรือใบรับรองทักษะในรูปแบบดิจิทัล (VCs) ที่ป้องกันการปลอมแปลงได้
       ○    สาธารณสุข ผู้ป่วยสามารถควบคุมและอนุญาตให้แพทย์หรือโรงพยาบาลเข้าถึงเวชระเบียนของตนเองได้อย่างปลอดภัย
       ○    การเงินและการธนาคาร (DeFi/Fintech) ลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการ KYC โดยลูกค้าสามารถนำเสนอ VC ที่ยืนยันตัวตนแล้วจากธนาคารหนึ่ง ไปใช้เปิดบัญชีกับสถาบันการเงินอื่นได้ทันที
       ○    การเดินทางและภาครัฐ พัฒนาหนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Passport) หรือบัตรประชาชนดิจิทัลที่เก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ของผู้ใช้
       ○    ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตรวจสอบและยืนยันแหล่งที่มาและความถูกต้องของสินค้าตลอดกระบวนการผลิต
●    อนาคตของ DID
       ○    รากฐานของ Web3 DID จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ Web3 และ Metaverse ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเป็นเจ้าของข้อมูลและสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองได้อย่างแท้จริง
       ○    เศรษฐกิจข้อมูลรูปแบบใหม่ สร้างเศรษฐกิจที่ผู้ใช้สามารถสร้างรายได้จากการให้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของตนเองได้อย่างปลอดภัยและโปร่งใส
       ○    การทำงานร่วมกับ IoT อุปกรณ์ IoT สามารถมี DID ของตัวเองเพื่อใช้ในการระบุตัวตนและสื่อสารกันอย่างปลอดภัย
       ○    การลงคะแนนเสียงดิจิทัล (E-Voting) สร้างระบบการเลือกตั้งที่โปร่งใส ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบได้ โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ลงคะแนน

โดยสรุปแล้ว การใช้ Decentralized Identity บนบล็อกเชนเป็นแนวทางใหม่ในการจัดการข้อมูลประจำตัวดิจิทัลที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ และยืดหยุ่น ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์