ThailandTraderClub.com

Crypto Trading and Defi => พื้นฐาน Crypto => หัวข้อที่ตั้งโดย: Support-3 เมื่อ กันยายน 05, 2025, 03:44:31 หลังเที่ยง

ชื่อ: Hedera Hashgraph คืออะไร? แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
โดย: Support-3 เมื่อ กันยายน 05, 2025, 03:44:31 หลังเที่ยง
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=9119;image)

      Hedera Hashgraph คือเครือข่าย Public Ledger (บัญชีแยกประเภทสาธารณะ) รุ่นที่สาม ที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) แต่ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Hashgraph Consensus ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยุติธรรมสูงกว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนแบบดั้งเดิม (เช่น Bitcoin หรือ Ethereum) Hedera เปรียบเสมือน "Trust Layer" ของอินเทอร์เน็ต ที่ช่วยให้บุคคลและธุรกิจที่ไม่รู้จักกันสามารถโต้ตอบและทำธุรกรรมกันได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง

Hedera Hashgraph คืออะไร?
      ไม่ใช่บล็อกเชน แต่คือ Hashgraph หัวใจของ Hedera คืออัลกอริทึมฉันทามติที่เรียกว่า Hashgraph ซึ่งคิดค้นโดย Dr. Leemon Baird แทนที่จะจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ "สายโซ่ของบล็อก" (Chain of Blocks) ที่ต้องใช้เวลาในการสร้างและตรวจสอบทีละบล็อก, Hashgraph จะใช้วิธีที่เรียกว่า Gossip about Gossip และ Virtual Voting

      โครงสร้างการกำกับดูแลที่ไม่เหมือนใคร Hedera ถูกควบคุมดูแลโดย Hedera Governing Council ซึ่งเป็นการรวมตัวขององค์กรชั้นนำระดับโลกจากหลากหลายอุตสาหกรรม (เช่น Google, IBM, Boeing, LG, Standard Bank) องค์กรเหล่านี้มีหน้าที่ดูแลการอัปเกรดซอฟต์แวร์, บริหารจัดการคลัง, และสร้างความมั่นคงให้กับเครือข่ายในระยะยาว โมเดลนี้ช่วยป้องกันไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามามีอำนาจควบคุมเครือข่ายได้

เหรียญประจำเครือข่าย (HBAR) HBAR คือสกุลเงินดิจิทัลของ Hedera มีหน้าที่หลัก 2 อย่าง
      - เป็นเชื้อเพลิง (Fuel) ใช้สำหรับจ่ายค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม, การสร้าง Smart Contract, และการใช้บริการต่างๆ บนเครือข่าย
      - รักษาความปลอดภัย (Security) ใช้ในกลไก Proof-of-Stake เพื่อให้ผู้ถือเหรียญ (HBAR Holder) สามารถนำเหรียญมา Stake กับโหนดเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายและรับรางวัลตอบแทน


Hedera แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?

(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=9121;image)

      Hedera ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาคอขวด 3 ประการ (The Blockchain Trilemma) ที่เทคโนโลยีบล็อกเชนรุ่นก่อนๆ ต้องเผชิญ ซึ่งได้แก่ ความเร็ว (Scalability), ความปลอดภัย (Security), และการกระจายอำนาจ (Decentralization) พร้อมทั้งแก้ปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติม

1. ปัญหาด้านประสิทธิภาพและความเร็ว (Performance & Speed)
      - ปัญหาเดิม บล็อกเชนอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ในยุคแรก สามารถประมวลผลธุรกรรมได้เพียงไม่กี่ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ทำให้เกิดปัญหาคอขวดและค่าธรรมเนียมสูงเมื่อมีผู้ใช้งานจำนวนมาก
      - Hedera แก้ปัญหานี้อย่างไร
          ■ ความเร็วสูง Hedera สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากกว่า 10,000 TPS (เทียบกับ Bitcoin ที่ ~7 TPS) และสามารถขยายได้อีกในอนาคต ทำให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น ระบบชำระเงิน, เกม, หรือ IoT
          ■ ยืนยันธุรกรรมในไม่กี่วินาที (Finality) ธุรกรรมบน Hedera จะได้รับการยืนยันและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (Finality) ภายในเวลาเพียง 3-5 วินาที ซึ่งรวดเร็วกว่าบล็อกเชนที่อาจต้องใช้เวลาหลายนาทีหรือเป็นชั่วโมง

2. ปัญหาด้านค่าธรรมเนียมที่สูงและคาดเดาไม่ได้ (High & Unpredictable Fees)
      - ปัญหาเดิม บนเครือข่าย Ethereum ค่าธรรมเนียม (Gas Fee) จะผันผวนไปตามความหนาแน่นของเครือข่าย บางครั้งอาจพุ่งสูงถึงหลายสิบหรือหลายร้อยดอลลาร์ ทำให้การทำธุรกรรมเล็กๆ ไม่คุ้มค่า
      - Hedera แก้ปัญหานี้อย่างไร
          ■ ค่าธรรมเนียมต่ำและคงที่ ค่าธรรมเนียมบน Hedera ถูกออกแบบมาให้ต่ำมากและคาดเดาได้ โดยมีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $0.0001 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อธุรกรรม และถูกตรึงไว้กับค่าเงินดอลลาร์ ไม่ได้ผันผวนตามราคาเหรียญ HBAR ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจที่ต้องการวางแผนต้นทุน

3. ปัญหาด้านความปลอดภัย (Security)
      - ปัญหาเดิม บล็อกเชนบางประเภทอาจมีความเสี่ยงจากการโจมตี เช่น 51% Attack ที่ผู้ไม่หวังดีเข้าควบคุมพลังประมวลผลส่วนใหญ่ของเครือข่าย
      - Hedera แก้ปัญหานี้อย่างไร
          ■ Asynchronous Byzantine Fault Tolerance (aBFT) Hedera ใช้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุดที่เรียกว่า aBFT ซึ่งรับประกันได้ว่าลำดับของธุรกรรมจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงหรือแทรกแซงโดยผู้ไม่หวังดีได้ แม้ว่าโหนดบางส่วนในเครือข่ายจะทำงานผิดพลาดหรือถูกโจมตีก็ตาม

4. ปัญหาด้านความยุติธรรมในการเข้าถึง (Fairness)
      - ปัญหาเดิม ในบางบล็อกเชน นักขุด (Miner) สามารถเลือกที่จะจัดลำดับธุรกรรมในบล็อกเพื่อผลประโยชน์ของตนเองได้ เช่น การทำ Front-running ในตลาด DeFi
      - Hedera แก้ปัญหานี้อย่างไร
          ■ Fair Timestamping ทุกธุรกรรมจะได้รับการประทับเวลา (Timestamp) ที่ยุติธรรมตามลำดับที่เครือข่ายได้รับข้อมูลจริงๆ ป้องกันไม่ให้ใครสามารถเข้ามาแทรกแซงหรือจัดลำดับธุรกรรมเพื่อเอาเปรียบผู้อื่นได้

5. ปัญหาการใช้พลังงาน (Energy Consumption)
      - ปัญหาเดิม บล็อกเชนที่ใช้กลไก Proof-of-Work (เช่น Bitcoin) ใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาลในการขุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
      - Hedera แก้ปัญหานี้อย่างไร
          ■ ประหยัดพลังงาน Hedera ใช้กลไก Proof-of-Stake ซึ่งมีประสิทธิภาพและใช้พลังงานน้อยกว่า Proof-of-Work อย่างมาก ทำให้เป็นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Technology)

หัวใจหลักการทำงาน Hashgraph Consensus

(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=9123;image)

    การทำงานของ Hedera Hashgraph สามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดฉันทามติในเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
1. โปรโตคอล Gossip (Gossip Protocol)
การทำงานเริ่มต้นเมื่อโหนด (คอมพิวเตอร์ในเครือข่าย) ต้องการเผยแพร่ข้อมูลธุรกรรมใหม่ โหนดนั้นจะสุ่มเลือกโหนดอื่นขึ้นมาแล้วส่งข้อมูลทั้งหมดที่ตัวเองรู้ไปให้ การสื่อสารนี้เรียกว่า "Gossip" หรือการซุบซิบ
      ● Gossip about Gossip (การซุบซิบเกี่ยวกับการซุบซิบ) สิ่งที่ทำให้ Hedera มีความพิเศษคือไม่ได้ส่งแค่ข้อมูลธุรกรรม แต่ยังส่ง "ประวัติการซุบซิบ" ไปด้วย หมายความว่า
- เมื่อโหนด A ส่งข้อมูลให้โหนด B โหนด A จะบอกด้วยว่าได้รับข้อมูลนี้มาจากใครและเมื่อไหร่
- ข้อมูลเมตานี้ (ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูล) จะถูกบันทึกไว้ในโครงสร้างที่เรียกว่า แฮชกราฟ (Hashgraph)
- ซึ่งเป็นกราฟแบบมีทิศทางและไม่มีวงจร (Directed Acyclic Graph - DAG)
- โครงสร้างนี้จะบันทึกลำดับเหตุการณ์และการเชื่อมโยงของข้อมูลทั้งหมดในเครือข่าย

2. การลงคะแนนเสมือน (Virtual Voting)
เมื่อข้อมูลถูกแพร่กระจายและโครงสร้างแฮชกราฟถูกสร้างขึ้นแล้ว โหนดต่างๆ ไม่จำเป็นต้องส่งข้อความโหวตไปมาเพื่อตัดสินใจลำดับของธุรกรรมอีกต่อไป แต่จะใช้วิธี การลงคะแนนเสมือน แทน
      ● การทำงาน ทุกโหนดมีสำเนาของแฮชกราฟที่เหมือนกัน ทำให้แต่ละโหนดสามารถคำนวณและคาดเดาการลงคะแนนของโหนดอื่นได้โดยดูจากข้อมูลในแฮชกราฟของตนเอง โดยไม่ต้องมีการสื่อสารเพิ่มเติม กระบวนการนี้ทำให้เกิดความรวดเร็วและลดการใช้แบนด์วิดท์ของเครือข่ายได้อย่างมหาศาล
      ● การประทับเวลาฉันทามติ (Consensus Timestamp) ผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการนี้คือการที่ธุรกรรมทุกรายการจะได้รับการประทับเวลาที่แน่นอนและยุติธรรม ซึ่งเป็นเวลาเฉลี่ย (median) ที่โหนดส่วนใหญ่ในเครือข่ายรับรู้ถึงธุรกรรมนั้นๆ การประทับเวลานี้ถือเป็นข้อสิ้นสุดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

3. ความปลอดภัยระดับสูงสุด Asynchronous Byzantine Fault Tolerance (aBFT)
Hedera Hashgraph ได้รับการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์แล้วว่ามีความปลอดภัยในระดับ asynchronous Byzantine Fault Tolerance (aBFT) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดสำหรับระบบกระจายศูนย์
      ความหมายของ aBFT
      - Asynchronous (ไม่ขึ้นกับจังหวะเวลา) เครือข่ายยังคงทำงานและบรรลุฉันทามติได้ แม้ว่าข้อความบางส่วนจะล่าช้าหรือถูกส่งมาไม่เป็นลำดับก็ตาม
      - Byzantine Fault Tolerance (ทนทานต่อความผิดพร่องแบบไบแซนไทน์) เครือข่ายสามารถป้องกันการโจมตีจากโหนดผู้ไม่ประสงค์ดี (น้อยกว่า 1 ใน 3 ของเครือข่าย) ที่พยายามจะโกงหรือหยุดชะงักระบบได้

"ด้วยคุณสมบัติ aBFT ทำให้ Hedera รับประกันได้ว่าลำดับของธุรกรรมที่ตกลงกันแล้วนั้นจะเป็นที่สิ้นสุดและถูกต้อง 100% โดยไม่มีโอกาสที่จะเกิดการย้อนกลับหรือเปลี่ยนแปลงได้เหมือนในบล็อกเชนบางประเภท"

บริการบนเครือข่าย Hedera
ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์นี้ Hedera สามารถให้บริการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
●    Hedera Token Service (HTS) บริการสร้างและจัดการโทเคนทั้งแบบ Fungible (FT) และ Non-Fungible (NFT) ได้โดยตรงบนเครือข่าย ทำให้มีค่าธรรมเนียมต่ำและรวดเร็ว
●    Hedera Consensus Service (HCS) บริการที่เปิดให้นักพัฒนาสามารถนำพลังของ Hashgraph consensus ไปใช้กับแอปพลิเคชันของตนเอง เพื่อสร้างบันทึกข้อมูลที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
●    Smart Contracts รองรับการทำงานของ Smart Contract ที่เขียนด้วยภาษา Solidity เช่นเดียวกับ Ethereum แต่ทำงานได้เร็วกว่าและมีค่าธรรมเนียมที่คาดการณ์ได้

ตัวอย่างการใช้งานจริง (Use Case Examples)
Hedera ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่ถูกนำไปใช้งานจริงแล้วในหลากหลายอุตสาหกรรมโดยบริษัทชั้นนำ
ซัพพลายเชนและการตรวจสอบย้อนกลับ (Supply Chain & Provenance)
      - ตัวอย่าง Avery Dennison ซึ่งเป็นบริษัทด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก ใช้ Hedera ในการสร้างแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงสินค้าแต่ละชิ้นเข้ากับข้อมูลดิจิทัล ทำให้แบรนด์และผู้บริโภคสามารถติดตามและตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของสินค้าได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพื่อต่อสู้กับสินค้าปลอมและสร้างความโปร่งใส
ระบบชำระเงิน (Payments)
      - ตัวอย่าง eftpos ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเดบิตรายใหญ่ของออสเตรเลีย ได้ทดลองใช้ Hedera เพื่อสร้างต้นแบบของระบบชำระเงินรายย่อย (Micropayments) ที่สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำมาก เหมาะสำหรับการจ่ายเงินเพื่อดูคอนเทนต์ออนไลน์ หรือการชำระเงินระหว่างอุปกรณ์ IoT
โทเคนไนเซชัน (Tokenization)
      - ตัวอย่าง บริษัทต่างๆ สามารถใช้ Hedera Token Service (HTS) เพื่อสร้างและบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล (Token) ของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น Stablecoins, NFTs, หรือโทเคนเพื่อใช้แทนสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือหุ้น ซึ่งทำได้รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าบนเครือข่ายอื่น
การเก็บข้อมูลและการตรวจสอบ (Data Integrity)
      - ตัวอย่าง The Coupon Bureau ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐฯ ใช้ Hedera Consensus Service (HCS) เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับคูปองดิจิทัล โดยบันทึกข้อมูลการสร้างและใช้งานคูปองลงบน Hedera เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและการใช้งานคูปองซ้ำ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลมีความถูกต้องและตรวจสอบได้