TouristDigiPay นับเป็นมิติใหม่ของวงการท่องเที่ยวไทยที่ผสานโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว สร้างสะพานเชื่อมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือครองคริปโทเคอร์เรนซีสามารถแปลงสินทรัพย์เหล่านั้นเป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่ายในประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย โครงการนี้ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ทันสมัยและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกการเงินยุคใหม่อย่างแท้จริง
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=9235;image)
TouristDigiPay คืออะไร?
● โครงการนำร่องภายใต้ Sandbox TouristDigiPay เป็นโครงการทดสอบ (Sandbox) ที่ริเริ่มโดยความร่วมมือจากกระทรวงการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
● ไม่ใช่การใช้คริปโทฯ โดยตรง หัวใจสำคัญของโครงการนี้ ไม่ใช่ การนำสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) มาชำระค่าสินค้าและบริการโดยตรงกับร้านค้า แต่เป็น กระบวนการแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท ผ่านผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ก่อนนำเงินบาทนั้นไปใช้จ่าย
● อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว เป้าหมายหลักคือการเพิ่มช่องทางและทางเลือกในการใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ให้สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย เพื่อใช้จ่ายกับร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศไทย
● กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว คาดการณ์ว่าโครงการนี้จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความมั่งคั่งในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Nomad, Crypto Investor) ให้เข้ามาท่องเที่ยวและใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต โดยประมาณการว่าอาจสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้นถึง 10% หรือราว 1.75 แสนล้านบาท
● กำหนดการและระยะเวลา โครงการนี้มีระยะเวลาทดสอบเบื้องต้น 18 เดือน และคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2568 เพื่อให้ทันกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season)
หลักการทำงานของ TouristDigiPay
(https://www.thailandtraderclub.com/index.php?action=dlattach;attach=9237;image)
หลักการทำงานของ TouristDigiPay ถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยและสอดคล้องกับกฎระเบียบของประเทศ โดยมีขั้นตอนที่ชัดเจนสำหรับนักท่องเที่ยว ดังนี้
1.ขั้นตอนการเตรียมการ (Setup Phase)
ขั้นตอนนี้คือการตั้งค่าบัญชีต่างๆ ให้พร้อมสำหรับการใช้งานเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่จำเป็น
นักท่องเที่ยวต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการ 2 ประเภทบนสมาร์ทโฟนของตนเอง
■ แอปฯ ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Exchange) เป็นแอปฯ ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ของไทย ใช้สำหรับโอนคริปโทฯ เข้ามาและขายเป็นเงินบาท
■ แอปฯ ของผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) เป็นแอปฯ ที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ใช้สำหรับเก็บเงินบาทและสแกนจ่ายเงิน
● เปิดบัญชีและยืนยันตัวตน (KYC)
○ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ให้เปิดทั้ง 2 แอปพลิเคชันเพื่อเริ่มกระบวนการสมัคร
○ ดำเนินการยืนยันตัวตน (Know Your Customer - KYC) ตามขั้นตอนที่แต่ละแอปฯ กำหนด โดยทั่วไปจะใช้เอกสารดังนี้
■ หนังสือเดินทาง (Passport)
■ อาจมีการให้ถ่ายภาพใบหน้า (Selfie) เพื่อเปรียบเทียบกับรูปในหนังสือเดินทาง
○ นักท่องเที่ยวจะต้องทำการ KYC เพื่อเปิดบัญชี 2 ส่วนให้สำเร็จ คือ
■ บัญชี Exchange สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
■ บัญชี Tourist Wallet สำหรับการใช้จ่ายผ่าน e-Money
○ รอการอนุมัติจากผู้ให้บริการ ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาไม่นาน
2.ขั้นตอนแปลงคริปโทฯ และเริ่มต้นใช้จ่าย (Transaction Phase)
หลังจากตั้งค่าบัญชีเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเริ่มแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลและนำไปใช้จ่ายได้ทันที
● โอนคริปโทเคอร์เรนซี
○ เปิดแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ Crypto Exchange
○ คัดลอกที่อยู่กระเป๋า (Wallet Address) สำหรับเหรียญที่ต้องการโอนเข้ามา (เช่น BTC, ETH, USDT)
○ ไปที่กระเป๋าดิจิทัลส่วนตัว (Personal Wallet) ของนักท่องเที่ยว แล้วทำการโอนเหรียญคริปโทฯ มายังที่อยู่กระเป๋าที่คัดลอกไว้
● ขายคริปโทฯ เป็นเงินบาท
○ เมื่อยอดคริปโทฯ ที่โอนเข้ามาปรากฏในบัญชี Exchange แล้ว ให้ดำเนินการ "ขาย" (Sell) สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆ
○ ระบบจะทำการแลกเปลี่ยนคริปโทฯ เป็นสกุลเงิน "บาท" (THB) ตามอัตราตลาด ณ ขณะนั้น
○ เงินบาทที่ได้จากการขาย (หลังหักค่าธรรมเนียมของผู้ให้บริการ) จะเข้าไปอยู่ในบัญชี Exchange ของนักท่องเที่ยว
● โอนเงินบาทเข้า Tourist Wallet
○ จากแอปฯ Exchange ทำการ "ถอน" (Withdraw) เงินบาท
○ เลือกปลายทางเป็นบัญชี "Tourist Wallet" ที่ได้เปิดไว้กับผู้ให้บริการ e-Wallet (โดยปกติระบบจะเชื่อมต่อกัน)
○ เงินบาทจะถูกโอนจากบัญชี Exchange ไปยัง Tourist Wallet ของนักท่องเที่ยว
● เริ่มต้นใช้จ่าย
○ เมื่อเงินบาทเข้าสู่ Tourist Wallet เรียบร้อยแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายได้ทันที
○ เปิดแอปพลิเคชัน e-Wallet และเลือกเมนู "สแกนเพื่อจ่าย" (Scan to Pay)
○ นำสมาร์ทโฟนไปสแกน Thai QR Code ที่ร้านค้าต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, โรงแรม, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านค้าขนาดเล็ก หรือบริการขนส่งที่รับชำระผ่าน QR Code
○ ตรวจสอบยอดเงินและกดยืนยันการชำระเงิน เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน
ข้อควรรู้และเงื่อนไขสำคัญ
● ไม่ใช่การจ่ายด้วยคริปโทฯ โดยตรง ร้านค้าจะได้รับเงินเป็น "เงินบาท" เท่านั้น ไม่ต้องรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาคริปโทฯ
● จำกัดวงเงิน โครงการมีการจำกัดวงเงินใช้จ่ายต่อเดือนเพื่อควบคุมความเสี่ยง
○ สูงสุด 50,000 บาท/เดือน สำหรับร้านค้ารายย่อยทั่วไป
○ สูงสุด 500,000 บาท/เดือน สำหรับร้านค้าที่ผ่านกระบวนการรู้จักร้านค้า (Know Your Merchant: KYM)
● การแลกคืน หากมีเงินบาทเหลือใน Tourist Wallet เมื่อสิ้นสุดทริป นักท่องเที่ยวสามารถแลกคืนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลและโอนกลับไปยังกระเป๋าดิจิทัลใบเดิมได้
ขั้นตอนการแลกเงินบาทคืนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล
เมื่อสิ้นสุดทริปในประเทศไทย หากนักท่องเที่ยวมีเงินบาทคงเหลืออยู่ในบัญชี Tourist Wallet และต้องการแลกกลับเป็นคริปโทเคอร์เรนซี สามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
● 1. เริ่มต้นคำสั่งผ่านแอปพลิเคชัน Exchange
○ เปิดแอปพลิเคชันของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Exchange) ที่นักท่องเที่ยวใช้บริการในตอนแรก
○ ไปที่เมนูที่เกี่ยวข้องกับการ "ซื้อ" (Buy) สินทรัพย์ดิจิทัล หรือเมนูเฉพาะสำหรับ "การแลกคืน" (Convert Back)
● 2. โอนเงินบาทจาก Tourist Wallet
○ ระบุจำนวนเงินบาทที่ต้องการแลกคืนจาก e-Money Wallet
○ ระบบจะทำการเชื่อมต่อและดึงเงินบาทจากบัญชี Tourist Wallet (ของผู้ให้บริการ e-Money) กลับเข้ามายังบัญชี Exchange ของนักท่องเที่ยว
● 3. เลือกและยืนยันการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล
○ เลือกประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล (เหรียญคริปโทฯ) ที่ต้องการซื้อคืนจากรายการที่ผู้ให้บริการ Exchange รองรับ
○ ระบบจะแสดงอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลานั้น พร้อมคำนวณจำนวนเหรียญที่จะได้รับ และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง
○ นักท่องเที่ยวตรวจสอบความถูกต้องและกดยืนยันคำสั่งซื้อ
● 4. รับสินทรัพย์ดิจิทัลกลับเข้ากระเป๋าเดิม
○ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลตามคำสั่ง
○ จากนั้น ระบบจะโอนสินทรัพย์ดิจิทัลที่แลกได้ กลับไปยังกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล (Personal Wallet) ใบเดิมของนักท่องเที่ยวโดยอัตโนมัติ
○ เงื่อนไขสำคัญ สินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องถูกโอนกลับไปยัง Wallet Address ต้นทางที่นักท่องเที่ยวใช้โอนเข้ามาในตอนแรกเท่านั้น เพื่อป้องกันการฟอกเงินและการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย
คำถามสำคัญ แลกเหรียญอะไรได้? ราคาเท่าไหร่?
ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องทำความเข้าใจก่อนใช้บริการขาแลกออก
แลกเหรียญอะไรได้?
● ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ Exchange สำนักงาน ก.ล.ต. ไม่ได้กำหนดรายการสกุลเงินดิจิทัลที่รองรับไว้อย่างตายตัว แต่ให้อำนาจผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (เช่น Bitkub Exchange) ที่เข้าร่วมโครงการเป็นผู้กำหนดเอง
● เหรียญหลักและเป็นที่รู้จัก โดยทั่วไปแล้ว นักท่องเที่ยวจะสามารถแลกคืนเป็นเหรียญสกุลหลักๆ ที่มีสภาพคล่องสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งมักจะเป็นเหรียญเดียวกับที่สามารถนำมาแลกเป็นเงินบาทได้ในขาเข้า เช่น
○ Bitcoin (BTC)
○ Ethereum (ETH)
○ Stablecoins เช่น Tether (USDT) หรือ USD Coin (USDC)
● ตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน วิธีที่ดีที่สุดคือนักท่องเที่ยวต้องตรวจสอบรายการเหรียญที่สามารถ "ซื้อ" หรือ "แลกคืน" ได้โดยตรงจากแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ Exchange ที่ตนเองเลือกใช้
ราคาเท่าไหร่? (อัตราแลกเปลี่ยน)
● ราคาตลาดแบบเรียลไทม์ (Real-time Market Price) อัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล จะเป็นไปตาม ราคาตลาดล่าสุด บนแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการ Exchange ณ เวลาที่นักท่องเที่ยวกดยืนยันทำธุรกรรม
● ไม่ใช่เรทแลกเงินทั่วไป ราคาจะแตกต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคาร แต่จะอิงตามกลไกอุปสงค์-อุปทาน (Supply-Demand) ของเหรียญนั้นๆ บนกระดานเทรด
● มีค่าธรรมเนียม การทำธุรกรรมแลกคืนจะมี ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Trading Fee) ซึ่งกำหนดโดยผู้ให้บริการ Exchange และอาจมี ค่าธรรมเนียมการถอนเหรียญ (Withdrawal Fee) สำหรับการโอนออกจาก Exchange กลับไปยัง Wallet ส่วนตัวของนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวควรตรวจสอบรายละเอียดเหล่านี้บนแอปพลิเคชันก่อนยืนยันธุรกรรม
เงื่อนไขและข้อจำกัดเพิ่มเติม
● วงเงินแลกคืน นักท่องเที่ยวสามารถแลกเงินบาทกลับเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลได้ในวงเงิน ไม่เกินมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เคยแลกเข้ามาในตอนแรก เพื่อป้องกันการใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
ประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการ
● ต่อนักท่องเที่ยว
○ เพิ่มความสะดวกสบาย ลดความยุ่งยากในการแลกเงินสดหรือการพกพาเงินสดจำนวนมาก
○ เพิ่มทางเลือกในการใช้จ่าย สามารถนำความมั่งคั่งจากสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ในการท่องเที่ยวได้โดยตรง
○ อัตราแลกเปลี่ยนที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์บนแพลตฟอร์ม
○ ความปลอดภัย เป็นการทำธุรกรรมผ่านระบบที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ สร้างความมั่นใจมากกว่าการแลกเปลี่ยนผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการ
● ต่อผู้ประกอบการและร้านค้า
○ เพิ่มโอกาสในการขาย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงและมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล
○ ไม่ต้องรับความเสี่ยงจากความผันผวน ร้านค้าจะได้รับชำระเป็น "เงินบาท" ทันที ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินดิจิทัลที่ผันผวน
○ เข้าร่วมง่าย ร้านค้าเดิมที่รับชำระเงินผ่าน QR Code อยู่แล้ว สามารถรับเงินจากนักท่องเที่ยวในโครงการนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์หรือระบบเพิ่มเติม
● ต่อเศรษฐกิจและประเทศ
○ ดึงดูดเม็ดเงินใหม่เข้าประเทศ เป็นการสร้างช่องทางให้เงินทุนจากต่างประเทศไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของไทยได้มากขึ้น
○ ส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวที่ทันสมัยและเปิดรับนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ (FinTech)
○ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงิน เป็นการต่อยอดและใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ของไทยที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด