ข่าว:

All-time High และ All-time Low คืออะไร?

เริ่มโดย Support-3, กรกฎาคม 03, 2025, 03:43:02 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

Support-3

All-time High และ All-time Low คืออะไร? สำหรับนักลงทุนคริปโต
      ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซีที่เต็มไปด้วยความผันผวนของราคา มีสองคำศัพท์สำคัญที่นักลงทุนทุกคนต้องรู้จักและเข้าใจอย่างลึกซึ้ง นั่นคือ All-time High (ATH) และ All-time Low (ATL) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพสูงสุดและต่ำสุดของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆ บทความนี้จะเจาะลึกในทุกแง่มุมของ ATH และ ATL เพื่อเป็นแนวทางสำหรับนักลงทุน



All-time High (ATH) คืออะไร?
    All-time High หรือ ATH หมายถึง ระดับราคาสูงสุดที่สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆ เคยทำได้ในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายบนกระดานเทรด (Exchange)
●    ความหมายโดยละเอียด
○    เป็นจุดที่ราคาของเหรียญคริปโตพุ่งขึ้นไปสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
○    เป็นตัวเลขที่ถูกบันทึกไว้ในตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ทั่วโลก
○    เมื่อเหรียญใดเหรียญหนึ่งสามารถทำลายสถิติราคาสูงสุดเดิมของตัวเองได้ จะเรียกว่า "การทำ New All-time High"
○    เป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นและแรงซื้อที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในตลาด ณ ขณะนั้น

●    ตัวอย่าง
○    หากราคา Bitcoin เคยขึ้นไปสูงสุดที่ $69,000 ในอดีต, $69,000 ก็คือ ATH ของ Bitcoin ณ เวลานั้น ต่อมาหากราคาสามารถพุ่งทะลุ $70,000 ไปได้ นั่นหมายความว่า Bitcoin ได้สร้าง ATH ใหม่ขึ้นมา

All-time Low (ATL) คืออะไร?
All-time Low หรือ ATL คือ ระดับราคาต่ำสุดที่สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆ เคยร่วงลงไปในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขาย
●    ความหมายโดยละเอียด
○    เป็นจุดที่ราคาของเหรียญคริปโตดิ่งลงไปต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้
○    มักเกิดขึ้นในช่วงแรกๆ ของโปรเจกต์ หรือในช่วงที่ตลาดโดยรวมอยู่ในภาวะขาลงอย่างรุนแรง (Bear Market) หรือมีข่าวร้ายที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างหนัก
○    เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงแรงเทขายมหาศาล หรือการขาดความสนใจในสินทรัพย์นั้นๆ

●    ตัวอย่าง
○    เหรียญ A เปิดตัวซื้อขายวันแรกที่ราคา $1.00 แต่หลังจากนั้นไม่นาน ราคาได้ร่วงลงไปต่ำสุดที่ $0.10 ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมา, $0.10 ก็คือ ATL ของเหรียญ A

ความสำคัญของ All-time High และ All-time Low
ATH และ ATL ไม่ใช่เป็นเพียงตัวเลขทางสถิติ แต่ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงจิตวิทยาการลงทุนและการวิเคราะห์ทางเทคนิค
●    ความสำคัญของ ATH
○    แนวต้านทางจิตวิทยา เมื่อราคาเข้าใกล้ ATH เดิม มักจะเกิดแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนที่ติดดอย (ซื้อไว้ที่ราคาสูง) หรือนักลงทุนที่ซื้อจากราคาต่ำและพอใจกับกำไรแล้ว ทำให้ ATH เดิมกลายเป็นแนวต้านสำคัญ
○    สัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่ง (Price Discovery) หากราคาสามารถทะลุ (Breakout) ผ่าน ATH เดิมไปได้ จะเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า "Price Discovery" หรือ "การค้นหาราคาใหม่" ซึ่งหมายความว่าไม่มีแนวต้านทางประวัติศาสตร์ใดๆ มาขวางกั้นอีกต่อไป และราคามีโอกาสพุ่งสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากทุกคนที่ถือเหรียญนั้นอยู่ล้วนมีกำไร
○    ดึงดูดความสนใจ การทำ ATH ใหม่มักเป็นข่าวใหญ่ที่ดึงดูดความสนใจจากสื่อและนักลงทุนรายใหม่ๆ ให้เข้ามาในตลาด ซึ่งสามารถเพิ่มสภาพคล่องและแรงซื้อเข้ามาในระบบได้อีก

●    ความสำคัญของ ATL
○    แนวรับทางจิตวิทยา ATL เดิมสามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับได้ในบางกรณี โดยนักลงทุนบางกลุ่มอาจมองว่าเป็นจุดที่ราคา "ถูกที่สุด" และอาจเข้าซื้อเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว
○    สัญญาณความเสี่ยง การที่ราคาเข้าใกล้หรือทำลายสถิติ ATL เดิม เป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าสินทรัพย์นั้นกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง และอาจมีปัญหาพื้นฐานที่ต้องพิจารณา
○    จุดพิจารณาเข้าซื้อของผู้กล้ารับความเสี่ยงสูง นักลงทุนบางประเภท (Contrarian Investor) อาจมองหาโอกาสในการซื้อเหรียญที่ราคาใกล้ ATL โดยเดิมพันว่าโครงการจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ในอนาคต ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก

ปัจจัยที่ทำให้เกิด All-time High และ All-time Low
การเคลื่อนไหวของราคาไปสู่จุดสูงสุดหรือต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เกิดจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค
●    ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Factors)
○    อุปสงค์และอุปทาน (Supply and Demand) จำนวนเหรียญที่มีจำกัด (เช่น Bitcoin ที่มีเพียง 21 ล้านเหรียญ) ประกอบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ย่อมผลักดันให้ราคาสูงขึ้น
○    การยอมรับและการใช้งาน (Adoption & Utility) การที่เหรียญถูกนำไปใช้งานจริงในวงกว้าง มีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง หรือการยอมรับจากบริษัทขนาดใหญ่และภาครัฐ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและมูลค่า
○    ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ (News & Events) ข่าวดี เช่น การอนุมัติ Bitcoin ETF, การอัปเกรดเครือข่ายสำเร็จ (เช่น The Merge ของ Ethereum), หรือการที่บริษัทใหญ่อย่าง Tesla เข้าซื้อ Bitcoin ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่สามารถผลักดันราคาไปสู่ ATH ได้ ในทางกลับกัน ข่าวร้าย เช่น การล่มสลายของกระดานเทรด FTX, การแบนคริปโตในบางประเทศ หรือช่องโหว่ทางความปลอดภัย ก็สามารถทุบราคาลงสู่ ATL ได้เช่นกัน
○    สภาวะเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomics) นโยบายการเงินของธนาคารกลาง เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรือการพิมพ์เงินเพิ่ม (Quantitative Easing) อาจทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อหนีเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลดีต่อราคาคริปโต
○    เหตุการณ์ Halving สำหรับ Bitcoin และเหรียญอื่นๆ ที่มีกลไกนี้ การลดลงของรางวัลจากการขุด (Block Reward) ทุกๆ 4 ปี จะทำให้ปริมาณเหรียญใหม่ที่เข้าสู่ระบบลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งในอดีตมักเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ตลาดกระทิงและการทำ ATH ใหม่

●    ปัจจัยทางเทคนิคและจิตวิทยา (Technical & Psychological Factors)
○    โมเมนตัมของตลาด (Market Momentum) เมื่อราคาเริ่มเป็นขาขึ้น จะดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อตามๆ กันเพราะกลัวตกรถ (FOMO - Fear of Missing Out) ทำให้เกิดแรงซื้อต่อเนื่องจนผลักดันราคาให้สูงขึ้นไปอีก
○    สภาพคล่อง (Liquidity) ตลาดที่มีสภาพคล่องสูงจะช่วยให้การซื้อขายเป็นไปอย่างราบรื่นและสามารถรองรับแรงซื้อขนาดใหญ่ที่จำเป็นต่อการทำ ATH ได้
○    พฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่ (Whales) การเข้าซื้อหรือเทขายสินทรัพย์จำนวนมากของนักลงทุนรายใหญ่สามารถชี้นำทิศทางของตลาดได้

กลยุทธ์การลงทุนเมื่อราคาใกล้ ATH หรือ ATL
●    เมื่อราคาใกล้ All-time High
○    สำหรับนักลงทุนระยะสั้น (Trader)
      ■    หาจังหวะ Breakout รอให้ราคาทะลุผ่านแนวต้าน ATH เดิมพร้อมกับปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่สูงขึ้นเพื่อยืนยันการทะลุ แล้วจึงเข้าซื้อตาม
      ■    ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากการ Breakout ล้มเหลว (False Breakout) ราคาอาจร่วงลงอย่างรุนแรง
      ■    แบ่งขายทำกำไร เมื่อราคาพุ่งขึ้นไป อาจพิจารณาทยอยขายทำกำไรออกเป็นส่วนๆ แทนการรอขายทั้งหมดที่จุดเดียว
○    สำหรับนักลงทุนระยะยาว (Investor)
■    ระมัดระวังการไล่ราคา การเข้าซื้อที่จุดสูงสุดพอดีมีความเสี่ยงสูง อาจรอให้ราคาย่อตัวลงมาสร้างฐานก่อน
■    พิจารณา DCA ต่อไป หากใช้กลยุทธ์ Dollar-Cost Averaging (การทยอยซื้อถัวเฉลี่ย) อยู่แล้ว ก็สามารถทำต่อไปได้ แต่ต้องยอมรับว่าเป็นการซื้อในราคาที่สูงขึ้น

●    เมื่อราคาใกล้ All-time Low
○    ความเสี่ยงสูงมาก การเข้าซื้อที่ราคาใกล้ ATL เปรียบเสมือนการ "พยายามรับมีดที่กำลังร่วง" มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนหนักหากราคายังคงดิ่งลงต่อ
○    ต้องศึกษาปัจจัยพื้นฐานอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจซื้อ ต้องมั่นใจว่าโครงการยังมีพื้นฐานที่ดี มีโอกาสฟื้นตัว และสาเหตุที่ราคาตกไม่ได้เกิดจากปัญหาที่แก้ไขไม่ได้
○    พิจารณาเข้าซื้อในสัดส่วนที่น้อย หากต้องการเสี่ยง อาจเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยที่พร้อมจะสูญเสียได้
○    รอสัญญาณการกลับตัว นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะรอให้กราฟราคาสร้างสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ชัดเจนก่อน เช่น การสร้างฐานราคา หรือการเกิดรูปแบบแท่งเทียนกลับตัว ถึงจะพิจารณาเข้าลงทุน

จะดูข้อมูล All-time High และ All-time Low ได้จากที่ไหน?



นักลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูล ATH และ ATL ของเหรียญคริปโตต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ผู้ให้บริการข้อมูลตลาดชั้นนำ เช่น
●  CoinMarketCap คือ เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล(cryptocurrency) ซึ่งรวมถึงราคา, ปริมาณการซื้อขาย, มูลค่าตลาด และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
●  CoinGecko CoinGecko เป็นผู้รวบรวมข้อมูล Crypto อิสระชั้นนำที่ได้รับความนิยมจากชุมชน crypto โดยนำเสนอราคาเหรียญ NFT และหมวดหมู่ที่ร้อนแรงที่สุดเพื่อให้คุณสามารถติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของตลาดได้อยู่เสมอ
●    TradingView แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับนักเทรดและนักลงทุนที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดการเงิน โดยมีเครื่องมือและฟีเจอร์ต่างๆ เช่น กราฟราคาแบบเรียลไทม์ ตัวชี้วัด (Indicator) และพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

●    กระดานเทรด (Exchanges) ที่คุณใช้งาน เช่น Binance, Bitkub เป็นต้น โดยมักจะแสดงข้อมูลเหล่านี้ในหน้าภาพรวมของแต่ละเหรียญ

สรุป
      All-time High และ All-time Low เป็นมากกว่าแค่ตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นหมุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่บอกเล่าเรื่องราวของความเชื่อมั่น ความกลัว และปัจจัยต่างๆ ที่ขับเคลื่อนตลาด การทำความเข้าใจความหมายและความสำคัญของมันจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและบริหารจัดการความเสี่ยงในโลกคริปโตที่มีความผันผวนสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น