[support-1]

ตำแหน่ง จุดเข้าเทรด เป็นหัวข้อที่มีการพูดถึงกันมากแล้วยังมีการหาเหตุผลที่ดีมาประกอบ การเข้าใกล้ TURNING POINT มีอัตราความเสี่ยงต่อการทำกำไรที่ดี ในขณะที่ต้องรอให้มีการยืนยันของกราฟราคาก่อนจึงจะสามารถลดอัตราความเสี่ยงลงได้

แต่ปัญหาที่พบบ่อยคือ บ่อยครั้งที่พื้นที่ตำแหน่งที่คุณสนใจที่จะเข้าเทรด มักจะไม่ใช่ตำแหน่งกราฟราคาที่แม่นยำ มันเป็นตำแหน่งที่คุณคาดว่าจะเป็น TURNING POINT คุณจึงเข้าทำการเทรดโดยไม่รอการยืนยันของกราฟราคาและ บางทีการเข้าเทรดนั้นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง

รอการยืนยันของกราฟราคาก่อนเข้าเทรดถือเป็นเพื่อนหรือศัตรู

ถ้าเราแบ่งรายการการเทรดออกเป็นสองประเภท :

- รายการเทรดที่มีการยืนยัน
- รายการเทรดเมื่อราคาอยู่ในโซนรวมถึงโซนรูปแบบ

รายการการเทรดที่มีการยืนยันคือการมีสัญญาณเมื่อกราฟราคากระทบกับโซนที่คุณสนใจว่ากราฟราคา หรือโมเมนตัมเปลี่ยนไปในทิศทางที่คุณต้องการ หากราคาอยู่ในโซนที่คุณคาดไว้แล้ว คุณเพียงป้อนคำสั่งการเทรดล่วงหน้าไว้แล้วปล่อยให้ตลาดทำงานต่อไปเอง

จุดเข้าเทรด แบบที่มีการยืนยันสิ่งที่ดีหรือไม่?

ณ จุดที่ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณไปในทิศทางการเทรดที่คุณคิดไว้ คุณจะรู้สึกดี แต่ แน่นอนมันไม่ได้หมายความว่า การเทรดจะทำงานได้ไปตามที่คุณกำหนดเป้าหมายไว้แม้ว่าในขณะที่คุณเห็นกราฟราคาไปในทิศทางของคุณแล้ว

สิ่งที่ยืนยันสำหรับการเข้าสู่การเทรดของคุณ ยังสามารถทำให้คุณออกจากการเทรดได้ ด้วยทางอารมณ์ที่คุณกลัวว่าจะพลาดในการเทรดหลังจากที่กราฟราคาวิ่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งแล้ว

มาดูเทคนิคการยืนยันการเทรดที่เรียบง่าย และเป็นที่นิยมกัน



ส่วนด้านซ้ายของกล่องสีน้ำเงิน แสดงกราฟราคาที่บริเวณแนวต้าน ที่ซึ่งเทรดเดอร์ฝั่ง SELL สามารถปกป้องโซนของตัวเองไว้ได้ กราฟราคาลดลงมาตามแรงเทรดเดอร์ฝั่ง SELL ได้ไม่นานนัก เมื่อเทรดเดอร์ฝั่ง BUY ผลักดันกราฟราคาให้ขึ้นไปได้อีกครั้ง และเมื่อถึงโซนกล่องสีน้ำเงินที่ซึ่งเป็นโซนแนวต้าน และเป็นที่ซึ่งเราจะรู้ได้ว่า กราฟราคาจะต้องมีการต่อสู้กันระหว่างเทรดเดอร์สองฝั่ง แต่เมื่อใดที่กราฟราคาของเทรดเดอร์ฝั่ง SELL เริ่มผลักดันให้กราฟราคาลดลงมาได้ เป็นการแสดงให้เรารู้ว่า ควรจะ พร้อมสำหรับการเปิดคำสั่งเทรด SELL แล้ว

SET AND FORGET – ตั้งจุดเข้าเทรดและลืมมันไปซ่ะ

วิธีการ SET AND FORGET บางทีอาจจะดึงดูดความสนใจได้มากขึ้นสำหรับเทรดเดอร์แบบกราฟราคาสวิง และนั่นคือตำแหน่งที่คุณได้กำหนดโซนไว้แล้วและเพียงวางคำสั่งซื้อ หรือขายล่วงหน้าไว้ คำสั่งของคุณจะถูกเปิดใช้เมื่อกราฟราคาเข้าสู่โซนของคุณ มันอาจเป็นการเทรดที่มีความเสี่ยง แต่บริบทก็มีบทบาทในการเทรดในทุกด้าน

ฉันใช้วิธีการเทรดนี้โดยไม่มีการยืนยันของกราฟราคาก่อนการเทรด และฉันสามารถออกคำสั่งเทรด LOT ใหญ่ได้ เนื่องจากระยะการวาง STOP LOSS ของฉันยังคงเท่าเดิม หมายความว่าอัตราความเสี่ยงของฉันเท่าเดิมแต่ฉันสามารถเพิ่มในส่วนของการทำกำไรได้



สองภาพตัวอย่างนี้เป็นกราฟราคาเดียวกัน แต่ฉันได้กำหนดโซนไว้ ไม่เพียงแต่ช่วงก่อนการ BREAK OUT เท่านั้น แต่มีการ PULL BACK เล็กน้อยภายในโซนที่จะใช้เป็นราคาเริ่มต้นสำหรับการตั้งค่า SET AND FORGET

เช่นเดียวกับการเทรดทั้งหมด ทั้งมวล การจัดการทางด้านการเงินของคุณจะสร้าง หรือทำลายความสำเร็จโดยรวมของคุณได้ ดังนั้นโปรดคำนึงถึงความเสี่ยงของคุณทุกครั้งที่คุณทำการเทรด

วิธีคิดเพื่อช่วยในการเข้าเทรดเชิงลึก

ฉันจะยอมรับว่าการเข้าเทรดโดยไม่มีการยืนยันนั้นไม่เหมาะสำหรับทุกคน มันค่อนข้างตรงไปตรงมา มันใช้ตัวแปรจำนวนมากสำหรับฉันที่จะไม่มีการยืนยัน ก่อนการเข้าเทรด

จากประสบการณ์ของฉัน เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ที่ฉันพูดคุยด้วย ล้วนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในตลาดก่อนเข้าทำการเทรด เช่นการ BREAK OUT เส้นแนวรับ หรือแนวต้าน เพื่อให้เห็นโครงสร้างกราฟราคาก่อนที่จะนำตนเองเข้าสู่การเทรดจริงๆ



จากการสวิงครั้งแรก ไปยังการสวิงครั้งที่สอง จะเห็นได้ว่ามีการ BREAK OUT เส้น TREND LINE ลงไปได้แต่กราฟราคามีการ PULL BACK ที่เส้น TREND LINE อีกครั้งก่อนจะมีการ BREAK OUT ลงไปได้ แสดงถึงแรงผลักดันของเทรดเดอร์ทั้งสองฝั่ง

1.ช่วงนี้ คือความสมบูรณ์ของส่วนที่วัดได้ของ PULL BACK ทำให้เราสามารถลากเส้น TREND LINE ได้ จุดสังเกตอีกอย่างคือรูปแบบกราฟแท่งเทียนหมี
2.หลังจากที่ทำรูปแบบกราฟแท่งเทียนหมีลงมาแล้ว กราฟราคาสามารถมาทำ BREAK OUT เส้น TREND LINE ได้ แน่นอนว่าจะต้องมีการ PULL BACK อีกครั้งหนึ่ง ที่ตำแหน่งนี้เทรดเดอร์จะเห็นได้ว่ากราฟราคาไม่สามารถ BREAK เส้น TREND LINE ขึ้นไปได้
3.จากรูปแบบแท่งเทียนกระทิง เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าได้ว่า กราฟราคาน่าจะมีการปรับตัวขึ้นที่ด้านบน
4.ทันทีที่กราฟราคาปรับตัวไปถึงเส้น TREND LINE จะต้องมีปฏิกิริยากันและ เมื่อสามารถ BREAK เส้น TREND LINE ขึ้นไปได้แล้วก็จะไปมีปฏิกิริยาอีกครั้งหนึ่งเมื่อชนกับกล่องโซนที่เราตีไว้

รายการการเข้าเทรดอันใด ที่คุณควรเลือกเข้า

คุณสามารถเลือกได้ทั้งหมด แต่ในที่สุดสิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่คุณต้องทำ ยิ่งคุณเห็นการเข้าเทรดมากขึ้นเท่าไหร่ ความคิดของคุณจะยิ่งไหลลื่นมากขึ้นเท่านั้น

การแบ่ง โครงสร้างในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า มักเป็นประตูสู่การเทรดที่มีมากขึ้น กุญแจสำคัญคือการไม่ตั้งค่า STOP LOSS ของคุณใกล้เกินไป ดังนั้นการเคลื่อนไหวของกราฟราคาที่ไม่พึงประสงค์ จะไม่หยุดคำสั่งเทรดของคุณ

การตั้งค่า และการลืม ในบริบทที่ถูกต้อง อาจเป็นการเล่นที่ดี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่นแนวโน้ม ความน่าจะเป็นของการไหลที่โซนของคุณ

ในท้ายที่สุด การเซ็ตอัพ + ทริกเกอร์ = การเทรด นี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่