วิธีแยก ตลาดที่มีแนวโน้ม กับ ตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม

เริ่มโดย support-1, พฤศจิกายน 01, 2023, 08:50:17 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

support-1

หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คุณต้องทำในฐานะเทรดเดอร์ คือ การค้นหา หรือกำหนดว่า ตลาดนั้นเป็น ตลาดที่มีแนวโน้ม หรือไม่? คำตอบสำหรับสิ่งนี้ จะมากำหนดวิธีการ ที่ทำให้คุณนำไปใช้กับตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดใดก็ตาม ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องเข้าใจ ถึงวิธีการแยกแยะตลาดที่มีแนวโน้ม ให้ออกจากตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม หรือตลาด SIDE WAY ให้ได้

หากคุณกำลังสับสนกับเรื่องนี้ หรือคุณยังใหม่กับการเทรด ในตลาดกราฟราคา บทความนี้ จะทำให้มีความเข้าใจ ที่ชัดเจนขึ้น แยกเป็นสามเรื่องใหญ่ๆ ดังนี้ :

การมองหารูปแบบ PATTERN ของชาร์ตราคา ตลาดที่มีแนวโน้ม

ขั้นแรกสุดที่ใช้กันมานาน เป็นเวลาหลายถึงหลายๆ ปี ด้วยเหตุผลที่ดีมาก และมันยังคงใช้ได้ผล วิธีที่ฉันชอบที่สุดในการพิจารณาว่า ตลาดมีแนวโน้มหรือไม่นั้น คือ ดูที่สวิงของกราฟราคาในตลาดนั้นอย่างง่ายๆ ฉันมองหารูปแบบการทำซ้ำๆ ของ HIGHER HIGHS (HH) และ HIGHER LOWS (HL) ในตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและ LOWER HIGHS (LH) และ LOWER LOWS (LL) ในตลาดที่มีแนวโน้มต่ำลง

นี่คือตัวอย่าง ของตลาดที่เห็นได้ชัดว่า มีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากรูปแบบการทำซ้ำของ LOWER HIGHS (LH) และ LOWER LOWS (LL)



และนี่คือตัวอย่าง ของตลาดที่เห็นได้ชัดว่า มีแนวโน้มสูงขึ้นตามที่เห็นได้จากรูปแบบการทำซ้ำของ HIGHER HIGHS และ HIGHER LOWS



เคล็ดลับ : ส่วนใหญ่แล้วเทรดเดอร์มักจะมีคำถามว่า จะรู้ได้อย่างไรเมื่อมีเทรนด์ใหม่เริ่มขึ้นหรือเทรนด์เก่าได้จบลง ให้คุณใช้เทคนิคเดียวกันนี้เพื่อค้นหารูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาของสวิง HH HL หรือ LH LL ได้ ตัวอย่างเช่นเมื่อคุณเห็นรูปแบบของ HH และ HL ถูกขัดจังหวะหรือถูก BREAK โดยกราฟราคาทำตำแหน่ง LH นั่น! ถือเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าแนวโน้มขาขึ้นอาจจะสิ้นสุดแล้ว

ในการพิจารณาว่าเทรนด์ขาขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้วและเทรนด์ขาลงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนั้นคือเราต้องเห็นรูปแบบของ LH และ LL อย่างน้อยหนึ่งครั้งนั่นหมายความว่าเมื่อราคาสร้าง LOWER HIGH อันแรก (ดังนั้นมันจึงไม่สามารถสร้าง HIGHHER HIGH ได้อีก) เราจะต้องดูว่ามันเป็น LOWER LOW ที่ตามมาด้วย LOWER HIGH ใช่หรือไม่ ถ้าใช่เราก็สามารถเริ่มที่จะมองหาการเทรด SELL ได้

การมองหารูปแบบที่เป็นระดับขนานกัน

เราสามารถใช้ระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญ เพื่อพิจารณาว่าตลาดมีแนวโน้มหรือไม่ วิธีการพื้นฐานคือการมองหาราคาที่ชัดเจนระหว่างระดับที่ขนานกัน หากมีการย้อนกลับระหว่างสองระดับที่ขนานกัน คุณก็จะได้ตลาดที่มีขอบเขต ไม่ใช่ตลาดที่มีแนวโน้ม

ตลาดที่ไม่มีแนวโน้มหรือตลาด SIDE WAY มีสองประเภท

- CHOPPY ONE – กราฟราคามีการเคลื่อนไหวที่เร็วมากแต่เป็นแบบ SIDE WAY
- RANGE-BOUND ONE – กราฟราคามีการเคลื่อนไหวในแบบมีกรอบขอบเขต

ในตัวอย่างด้านล่างเราจะเห็นว่ากราฟราคาโดยทั่วไปเคลื่อนไหวไปด้านข้างระหว่างแนวรับกับแนวต้านแต่โปรดสังเกตว่ากราฟราคาจะไม่ถึงระดับเหล่านี้เสมอ อย่างแน่นอนแต่หากการเคลื่อนไหวทั่วไปยังเป็นไปในด้านข้างระหว่างสองระดับที่เห็นได้ชัด เท่ากับว่าคุณเจอตลาดที่ไม่มีแนวโน้มหรือตลาด SIDE WAY แล้ว



การมองหารูปแบบด้วย เส้นค่าเฉลี่ยราคาเคลื่อนที่หรือ EMA

เทคนิคถัดไปที่เราสามารถใช้เพื่อแยกแยะตลาดที่มีแนวโน้มออกจากตลาดที่ไม่มีแนวโน้มได้คือการใช้อินดิเคเตอร์เส้นค่าเฉลี่ยราคาเคลื่อนที่ เส้นค่าเฉลี่ยนี้ทำให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้เริ่มต้น แต่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ร่วมกับเทคนิคการมองรูปแบบแท่งเทียนด้วย ฉันมักจะใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ EXPONENTIAL MOVING AVERAGE 8 และ 21 ในกรอบเวลารายวัน โดยใช้เป็นแนวทางขั้นต้นสำหรับการมองหาเทรนด์รวมถึงมองหาพื้นที่โซนแนวรับ แนวต้านด้วย




โดยทั่วไปมีสองสิ่งที่ต้องมองหาเมื่อใช้เส้นค่าเฉลี่ยราคานี้ เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างตลาดที่มีแนวโน้มจากตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม หนึ่งคือทิศทางของการ CROSS กัน แล้วเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้นนี้จะ CROSS ขึ้นหรือลงกันแน่? – ตอบ: ฉันใช้ CROSSOVER เพื่อกำหนดทิศทางเท่านั้นฉันไม่ได้ใช้ในระบบการ CROSSOVER ของเส้นค่าเฉลี่ยราคาเพื่อเป็นจุดเข้าเทรดแบบดั้งเดิมที่มีกูรูบางท่านสอนไว้

สิ่งที่สองที่ต้องมองหาคือถ้าเส้นค่าเฉลี่ยราคาเคลื่อนตัวออกจากกัน เพราะนี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงว่าตลาดกำลังที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตามคุณจำเป็นต้องรวมเรื่องเส้นค่าเฉลี่ยราคากับเทคนิคการมองรูปแบบแท่งเทียนด้วย เพราะบางครั้งเส้นค่าเฉลี่ยราคาเพียงอย่างเดียวอาจจะหลอกคุณได้

ในตัวเส้นค่าเฉลี่ยราคา EMA นี้จะแทนค่าของโซนแนวรับ แนวต้านแบบไดนามิกหรืออาจทำเป็นเลเยอร์ๆ ได้ในระหว่างพื้นที่ของเส้นค่าเฉลี่ยราคาทั้งสองค่า เช่นในเลเยอร์ช่องของ EMA 8 และ 21 เราสามารถมองหาสัญญาณของรูปแบบแท่งเทียนนี้ได้เมื่อกราฟราคามีการย้อนกลับไปที่ช่องอีกครั้งโดยการเข้าเทรดจะต้องสอดคล้องกับแนวโน้ม

ปัญหาหลักในการใช้ค่าเฉลี่ยราคาสำหรับการระบุแนวโน้มคือ ในตลาดที่มีขอบเขต พวกเขาสามารถหลอกคุณได้นี่คือเหตุผลที่คุณต้องใช้วิธีการมองหารูปแบบแท่งเทียนในเบื้องต้นเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกรองสำหรับเส้นค่าเฉลี่ยราคานี้อีกทีหนึ่ง ตัวอย่างเช่นในกรอบของตลาดที่มีขอบเขตตามที่อธิบายไว้ในข้อ 2 ข้างต้น

หากคุณใส่เส้นค่าเฉลี่ยราคาเข้าไป ถ้าเส้นดังกล่าวมีการ CROSS UP หรือ CROSS DOWN ตามกราฟราคาที่สวิงไป สวิงมา ในช่องระดับขนานกันเกิดขึ้นและถ้าคุณทำตามเส้นค่าเฉลี่ยราคานี้ทุกครั้ง คุณจะถูกเหวี่ยงไป มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ฉันชอบเทคนิคแรกมากกว่าแต่สำหรับเส้นค่าเฉลี่ยราคา อาจเป็นส่วนเสริมที่ดีของเทคนิคแรก

การแยก ตลาดที่มีแนวโน้ม กับตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม

ถ้าให้เลือกเทรดในตลาดใด ตลาดหนึ่ง ตลาดที่มีแนวโน้มยังคงเป็นเพื่อนกับคุณอยู่เสมอและคุณยังคงต้องการความชัดเจนว่าตลาดมีเทรนด์หรือไม่ ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการเทรดใดๆ แยกให้ออกระหว่างสองตลาดเพื่อให้คุณสามารถปรับปรุงโอกาสในการเข้าเทรดให้ได้ เมื่อคุณสามารถแยกได้ชัดเจนมากขึ้น คุณจะเริ่มจับเทรนด์ใหญ่ขึ้นเพื่อการเทรดที่มีกำไรมากขึ้น