ข่าว:

เทรดเดอร์ 5 ประเภท

เริ่มโดย support-1, พฤศจิกายน 06, 2023, 02:20:31 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

support-1

เทรดเดอร์ 5 ประเภท : จาก EP.05 เราได้แบ่งประเภทเทรดเดอร์ออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- เทรดเดอร์ระยะสั้น
- เทรดเดอร์รายวัน
- เทรดเดอร์ระยะกลาง
- เทรดเดอร์ระยะยาว
- เทรดเดอร์ตามระบบ

มาดูกันว่าแต่ละประเภทเป็นอย่างไรกันบ้าง

1. เทรดเดอร์ระยะสั้น : ชอบท่ากําไรอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะเข้าและออกจํานวนหลายครั้งในแต่ละวัน จะเก็บกําไรครั้งละนิดหน่อย ด้วยระยะสั้นๆ มักใช้กรอบเวลา 1 นาที และ 5 นาทีเป็นส่วนใหญ่

มักอุทิศเวลาให้กับการเฝ้ากราฟประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมงในการเทรดแต่ละครั้ง เพราะต้องตอบสนองการเคลื่อนไหวของตลาดอย่าง รวดเร็ว และต้องคิดเร็วว่าเร็วสามารถเปลี่ยนทิศทางการเทรดได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

เทรดเดอร์ประเภทนี้จะชอบความตื่นเต้นของการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มักไม่ชอบการเทรดที่ใช้ระยะเวลานานเกินไป จะเห็นได้ชัด
ว่าความใจร้อนเป็นหนึ่งในบุคลิกของเทรดเดอร์ประเภทนี้

แต่ความใจร้อนก็ยังสามารถทํางานให้กับเขาได้อย่างดีอีกด้วย เนื่องจากเขาจะออกจากการเทรดทันที ถ้าการเทรดนั้นสวนทางกับเขา นอกจากนี้การคิดเร็วยังช่วยให้เขาคงไว้ซึ่งแนวความคิดที่ยืดหยุ่น เมื่อแผนการเทรดใหม่นั้นอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับตลาด และ
แผนการเทรดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบความท้าทายตื่นเต้น และยังคงมีความใจร้อนอยู่ในตัว สามารถอุทิศเวลาให้กับการเฝ้ากราฟได้เป็นวันๆ
"เทรดเดอร์ระยะสั้น" อาจจะเหมาะกับคุณก็เป็นได้

2. เทรดเดอร์รายวัน : ลักษณะเด่นคือพวกเขาไม่ชอบที่จะถือสถานะข้ามคืน ส่วนมากแล้วมักจะเข้าเทรดในช่วงเริ่มต้นของวัน และ จะปิดสถานะการเทรดก่อนที่จะหมดวัน ซึ่งหมายความว่าการเทรดนั้นอาจเป็นไปได้ทั้งกําาไรและขาดทุน
ส่วนมากแล้วมักจะใช้กรอบเวลาที่ 15 นาทีและ 30 นาที พวกเขาจะมองหาทิศทางของตลาดที่แน่นอนและเข้าทําการเปิดสถานะ หรือ อาจขึ้นอยู่กับการเคลื่อนตัวของตลาดในปัจจุบัน ณ เวลานั้น เช่น มองหาความเป็นไปได้ของการทะลุกรอบหลังจากช่วงที่มีการแกว่ง ตัวแคบๆมาสักระยะหนึ่ง เป็นต้น

การเทรดแบบรายวันมีข้อได้เปรียบหลักๆ 3 ข้อคือ

• ความสงบในจิตใจ : นอนหลับได้โดยไร้กังวลในตอนกลางคืนเพราะเขาไม่มีสถานะการเทรดที่เปิดค้างเอาไว้
• วิเคราะห์ได้ง่าย : ข่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดโมเมนตัมการเคลื่อนที่ขึ้นและลง เนื่องจากสถานะการที่ถูกปิดทั้งหมดทุกๆวัน เขาจึงไม่ต้องวิเคราะห์สถานะที่ยังค้างคาอยู่ หลังจากประกาศข่าวไปแล้วว่าตลาดมีแนวโน้มเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ตรงกัน ข้ามกับสถานะที่ยังค้างอยู่หรือไม่
• การอ่านวนขนาดค่าสั่งง่าย : เป็นประโยชน์ที่ได้จากการไม่มีสถานะออเดอร์ค้างอยู่ ทําให้การคํานวณในเรื่องการบริหาร จัดการง่ายขึ้น
คุณเหมาะที่จะเป็นเทรดเดอร์รายวันหรือไม่ ลองพิจารณาจากคุณลักษณะนี้ดูนะครับว่า เหมาะกับนิสัยและวิธีคิดในแบบของคุณหรือ
ไม่

3. เทรดเดอร์ระยะกลาง : โดยทั่วไปแล้วจะถือสถานะการเทรดเกินหนึ่งวันแต่ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งสไตล์การเทรดแบบนี้เหมาะกับ
คนที่ทํางานประจําาเนื่องจากไม่จําเป็นต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์ตลาดและวางแผนการเทรด
มักจะใช้กรอบเวลา 1 ชั่วโมง และ 4 ชั่วโมง ส่วนมากพวกเขามักจะระมัดระวังมากกว่า เทรดเดอร์ระยะสั้น และ เทรดเดอร์รายวัน โดย ปกติพวกเขาจะรอการยืนยันจากหลายๆสัญญาณก่อนที่จะทําการออกคําสั่งในการเทรด
เทรดเดอร์ระยะกลาง จะไม่ค่อยใส่ใจต่อความผันผวนระหว่างวันและการแกว่งตัวของราคาสักเท่าไหร่นัก เพราะพวกเขาจะสนใจกับ แนวโน้มในระยะกลางมากกว่า

ข้อได้เปรียบหลักๆของ เทรดเดอร์ระยะกลาง คือ

• ก้าหนดความเสี่ยงต่อผลตอบแทนได้ตามความชอบ (เรื่องความเสี่ยงต่อผลตอบแทนไว้จะอธิบายให้ฟังอีกทีในตอนอื่นๆ นะครับ)
• ประหยัดเวลา : ส่วนใหญ่แล้วเทรดเดอร์ประเภทนี้ มักจะเป็นสายเทคนิค เขาจึงไม่ต้องใช้เวลาในการติดตามข่าวสารทุกวัน
• ปราศจากการแทรกแซง : เนื่องจาก เทรดเดอร์ระยะกลาง ไม่จําเป็นต้องเทรดหลายครั้งต่อวัน จึงลดโอกาสที่จะเข้าไป แทรกแซงสถานะของออเดอร์ที่กําลังเทรดอยู่ และยังช่วยลดเรื่องของการใช้อารมณ์ในการเทรดได้อีกด้วย

สําหรับคนที่ทํางานประจําหรือมือใหม่คิดว่า เทรดเดอร์ระยะกลาง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจในการพิจารณาเช่นกัน

4. เทรดเดอร์ระยะยาว : จะมีขอบเขตของระยะเวลายาวนานที่สุด ซึ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับ "เทรดเดอร์ระยะสั้น" พวกเขา
สามารถอยู่กับสถานะการเทรดได้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน

พวกเขาเข้าใจปัจจัยพื้นฐานของตลาดเป็นอย่างดีและสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะนําไปสู่กําไรในระยะยาว มักจะชอบเทรด ในกรอบเวลา 1 วัน และ 1 สัปดาห์ หรือแม้กระทั่ง 1 เดือน

เทรดเดอร์ระยะยาว มักจะเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์สูง และพวกเขาจําเป็นจะต้องมีบัญชีซื้อขายขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถทนกับ สภาวะแกว่งตัวของตลาดได้

แต่เนื่องจากปัจจุบันมีโบรกเกอร์ให้เลือกหลากหลาย บางโบรกเกอร์จะมีบัญชีประเภท Micro Cent ให้ใช้ (ประเภทบัญชีจะอธิบายอีก ทีในพื้นฐาน Forex นะครับ) จึงทําให้ไม่ว่าจะมือใหม่ หรือคนที่ทํางานประจํา ก็สามารถจะฝึกการเป็น เทรดเดอร์ระยะยาว ได้ โดยที่ยัง ไม่ต้องใช้เงินจํานวนมากในการเปิดบัญชี

ข้อได้เปรียบหลักๆของ เทรดเดอร์ระยะยาว คือ

• ต้นทุนในการทําธุรกรรมที่ต่ํากว่า : เนื่องจากโบรกเกอร์จะคิดค่าธรรมเนียมในการทําธุรกรรมทุกๆออเดอร์ที่เราเทรดใน ตลาด Forex และเทรดเดอร์ประเภทนี้ จะมีจํานวนออเดอร์ในการเทรดที่น้อยกว่าเทรดเดอร์ประเภทอื่นมากๆ จึงทําให้มีต้นทุน
ค่าใช้จ่ายในการทาธุรกรรมต่ํากว่านั้นเอง
ไดรับดอกเบี้ย : หากสถานะออเดอร์ของสกุลเงินที่ถืออยู่นั้นมีอัตราดอกเบี้ยเป็นบวก เขาก็จะได้รับดอกเบี้ยทุกวันตามระยะ เวลาที่เขาถือสถานะอยู่ (แต่ถ้าดอกเบี้ยเป็นลบก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ยแทน)

• การสร้างอุปนิสัย : อารมณ์ต่างๆอาจเกิดขึ้นได้เมื่อถือสถานะออเดอร์เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ทั้งความโลภและความกลัว ดังนั้นเทรดเดอร์ประเภทนี้จ่าเป็นต้องเรียนรู้วิธีบริหารจัดการกับ ความโลภ และความกลัว เมื่อมีกําไรมากขึ้นหรือขาดทุนจาก
การสวนทางกับตลาด และยังได้ปลูกฝังเรื่องของความอดทนไปด้วยในตัว

5. เทรดเดอร์ตามระบบ : มักเป็นผู้ที่เริ่มต้นในตลาด Forex ซะเป็นส่วนใหญ่ ความสนใจหลักของพวกเขาคือ ใช้ระบบเป็นตัวขับ เคลื่อน หรือเรียกง่ายๆว่า เน้นการใช้โรบอทในการเทรดนั่นเอง

หลังจากที่พวกเขาได้ทดสอบกลยุทธ์ผ่านข้อมูลย้อนหลังในอดีตเป็นจํานวนที่มากพอ จนเขามั่นใจว่ากลยุทธ์นั้นสามารถใช้ทํากําไร
ได้ จึงน่ากลยุทธ์นั้นไปสร้างเป็นกฎให้กับโรบอทเพื่อทําการเทรดแทนโดยปราศจากอารมณ์และความเครียด

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พบว่า "เทรดเดอร์ตามระบบ" สามารถเขียนโค้ดสําหรับการสร้างกลยุทธ์ให้กับโรบอทได้ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม การใช้โรบอทเทรดก็เป็นเหมือนดาบสองคมเช่นกัน เพราะมันอาจจะมีช่วงเวลาที่กลยุทธ์ยังสามารถทํากําไรได้อยู่ และ
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ตลาดมีความเปลี่ยนแปลงไป อาจจะมาจากการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง หรือการแทรกแซงต่างๆของ รัฐบาล ทําให้พฤติกรรมของตลาดเปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้กลยุทธ์นั้นไม่สามารถใช้ทํากําไรได้อีก จึงเป็นช่วงที่ยากลําาบากกับการสูญเสียเงินในบัญชีของของพวกเขา

ข้อได้เปรียบหลักๆของ เทรดเดอร์ตามระบบ ก็คือ

• ไม่จําเป็นที่จะต้องเฝ้ามองตลาด : เพราะใช้โรบอทเป็นตัวขับเคลื่อนในการเทรดแทนตัวเขาเอง
• การซื้อขายที่มีความยืดหยุ่น : พวกเขาสามารถสร้างระบบให้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินได้หลายคู่ และ สามารถเลือกกรอบเวลาที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับกลยุทธ์นั้นๆได้
• มีเวลาว่าง : เนื่องจากใช้โรบอทเป็นตัวขับเคลื่อนในการเทรดแทนตัวเอง จึงทําให้มีเวลามากขึ้นเพื่อไปท่าสิ่งอื่นๆ

เชื่อว่ามือใหม่หลายๆคนสนใจเทรดเดอร์ประเภทนี้มากไม่น้อย เพราะไม่ต้องเทรดเอง และจะได้มีเวลาว่างมากขึ้น คนที่ไม่สามารถ
เขียนโค๊ตเองได้ ก็พยายามมองหาโรบอทจากคนที่สร้างมันขึ้นมาแจกให้ใช้ฟรี หรือขายกันอยู่บนโลกออนไลน์

แต่ก็มีน้อยคนมากนักที่จะประสบความสําเร็จจากการใช้โรบอทของคนอื่น เพราะส่วนมากเขามักจะไม่รู้ว่าโรบอทตัวนั้น สร้างขึ้นมา เห็นเพียงผลการทดสอบย้อนหลังในอดีตที่ท่ากาไรได้อย่างสวยงาม ที่พวกเขาแสดงให้ดู จึงตัดสินจากแนวคิดหรือกลยุทธ์อะไรบ้างใจเลือกใช้

แน่นอนว่าโรบอทถูกสร้างขึ้นจากข้อมูลย้อนหลังในอดีตเพื่อใช้ในการพยากรณ์ความเป็นไปได้ในอนาคตโดยคาดหวังว่าพฤติกรรม ของตลาดในอนาคตจะยังคงมีความใกล้เคียงกับพฤติกรรมในอดีต แต่หากโรบอทตัวนั้น ถูกสร้างขึ้นด้วยกฏที่ตายตัว ความยืดหยุ่นในอนาคตก็จะน้อยลงเช่นกัน

ดังนั้นหากคุณจะเลือกใช้โรบอทจากที่ใดที่หนึ่งแล้วล่ะก็ สิ่งที่อยากจะแนะนําเบื้องต้นก็คือ

• ต้องรู้ด้วยว่าโรบอทตัวไหน เก่งกับตลาดแบบไหน ไม่เก่งกับตลาดแบบไหน และเก่งกับสินค้าไหน ไม่เก่งกับสินค้าไหน * ถ้าข้อมูลราคาที่ใช้สร้าง และทดสอบโรบอทน้อย มีรูปแบบตลาดไม่หลากหลายพอ ระบบนั้นก็จะมีความ Overfit กับช่วง ตลาดที่ทดสอบ ระบบจะมีความเสถียรและคงทนน้อย มีโอกาสที่ขาดทุนเมื่อเจอกับรูปแบบตลาดที่ต่างออกไปจากช่วงที่
ทดสอบ
• คุณควรจะเข้าใจก่อนว่ากลยุทธ์ของโรบอทตัวนั้นเป็นอย่างไร เหมาะกับคุณหรือไม่?
• หากในวันหนึ่งมันไม่สามารถทํากําไรได้ คุณจะสามารถรักษาเงินทุนของคุณไว้ได้อยู่หรือไม่?
• หากโรบอทตัวนั้นไม่สามารถทํากําไรได้อีก คุณมีแผนสํารองอย่างไร? เพื่อให้คุณไปต่อในตลาดได้
• หากใครก็ตามการันตีผลกําไรให้กับคุณ จงถอยออกมาให้ห่างซะ
จงจําไว้เสมอว่า "อนาคตเป็นเรื่องของความไม่แน่นอน"