แนวคิด Forex Pullback Strategy

เริ่มโดย support-1, เมษายน 04, 2024, 01:44:43 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

support-1

แม้ตลาดการเงินจะมีการเคลื่อนไหวเป็นทิศทางต่อเนื่อง หรือที่เราเรียกว่า "แนวโน้ม" แต่แน่นอนว่า มันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เฉกเช่นสัจธรรมแห่งชีวิต "มีขึ้น ก็ต้องมีลง" โดยกระแสคลื่นของราคาที่สวนกลับทิศทางนั้น โดยทั่วไปเรียกว่า Pullback และ Throwback

Pullback คืออะไร?
Pullback คือ ชุดคลื่นของราคาที่วิ่งสวนแนวโน้มหลักกลับมา สะท้อนถึงสถานการณ์ที่นักลงทุนถอนสถานะตัวเองออกบางส่วนเพื่อทำกำไร โดยทั่วไป เทรดเดอร์จะเรียกทุก ๆ การกลับตัวที่สร้างแนวโน้มรองว่า "Pullback" แต่ในทางตำราจริง ๆ การ Pullback เกิดขึ้นในตลาดขาลง หรือเป็นแนวโน้มรองที่ "ดีด" กลับขึ้นมาในตลาดขาลง

ในเชิงกลยุทธ์ เราจะรู้ว่ามันเป็น Pullback ก็ต่อเมื่อ มันไม่สามารถทะลุแนวต้านเดิมขึ้นไปได้ และในจังหวะนี้เอง จะเปิดโอกาสให้ Seller กลับเข้ามาทำเกมในแนวโน้มหลักอีกครั้ง ลองดูภาพตัวอย่างด้านล่างจะเข้าใจมากขึ้น

You cannot view this attachment.

เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบสวิง หรือ Swing Trading จะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับพฤติกรรมของราคาที่เกิด Pullback เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่า โอกาสในการเทรด

ซึ่งในกรณีของ Forex Pullback Strategy จะเป็นโอกาสในการเข้า Sell อีกครั้ง กำลังมาถึง สามารถศึกษาเรื่องสวิงเทรดเพิ่มเติมได้ที่บทความ - "Swing Trade คืออะไร : รวมแนวคิดและตัวอย่างระบบสวิงเทรดที่ใช้จริง" อย่างไรก็ตาม เราแนะนำว่า หากคุณยังไม่มีประสบการณ์การเทรดที่มากพอ ควรฝึกฝนในบัญชีทดลองให้คล่องก่อน

ความแตกต่างระหว่าง Pullback และ Throwback
Throwback ความจริงแล้ว ก็เหมือนกับ Pullback ทุกประการ เพียงแต่เป็นคนละทิศทาง และความจริง มันก็เป็นเพียงชื่อเรียกตามตำราเพื่อแยกระหว่างแนวโน้มย่อย ๆ ของตลาดขาขึ้นและขาลง ที่เคลื่อนไหวสวนทิศทางหลักขึ้นมา โดยกรณีของ Throwback เป็นการตีกลับลงมาในตลาดขึ้น

ความเข้าใจเรื่อง Pullback และ Throwback จะทำให้เราสามารถหาจังหวะการเข้าเทรดในจังหวะที่ 2 เมื่อพลาดโอกาสในการเข้า ณ จุดต่ำสุดหรือสูงสุดของราคา ซึ่งจะต้องใช้ความรู้เรื่อง แนวรับ-แนวต้าน เข้ามาช่วย

ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง เราสามารถดูปริมาณการซื้อขายหรือ Volume เข้ามาประกอบได้ด้วย โดยในช่วงที่เกิด Pullback หรือ Throwback ตัวของ Volume ควรจะลดลง จนกว่าจะเจอแนวรับ-แนวต้านอีกครั้ง ตรงนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าในตลาดหุ้น แต่ในกรณีของตลาดค่าเงิน Forex ต้องพิจารณาว่า ความผันผวนน้อยลงหรือไม่

พื้นฐานเกี่ยวกับ Forex Pullback Strategy
ต่อให้เราจะพยายามแยกองค์ประกอบของการพักตัวและเคลื่อนสวนทิศทางของราคากลับมา

ตัวอย่าง Pullback

ให้สังเกตก่อนว่า จากจุดเริ่มต้นของขาลงหรือฝั่ง Bearish เราควรพิจารณาจุดที่เคยเป็น "แนวรับ" มาก่อน ซึ่งก็คือเส้นสีเขียวด้านบน ที่เคย 'รับอยู่' ได้ถึง 3 ครั้ง ก่อนที่ครั้งที่ 4 จะ Breakout ลงมา หลังจากนั้น ราคาเกิด Pullback กลับขึ้นมาบริเวณจุดที่เคยเป็นรับเก่า ซึ่งปัจจุบัน มันได้เปลี่ยนตัวเองจาก "แนวรับ กลายเป็นแนวต้าน"

You cannot view this attachment.


ตัวอย่าง Throwback

แน่นอนว่า คงไม่ต้องอธิบายกันมากแล้ว กรณีของ Throwback จะตรงกันข้าม แต่หลักการยังเหมือนเดิมทุกอย่าง โดย Throwback เกิดขึ้นในตลาดขาขึ้น

แต่หลักการเดิม คือเราควรพิจารณาจุดที่เคยเป็น "แนวต้านเก่าๆ" ซึ่งในภาพมีแนวต้าน (สีแดง) ที่เคยต้านอยู่ไว้ 1 ครั้ง ก่อนจะโดน Breakout ขึ้นไป และสุดท้าย และราคาก็วงกลับมา หรือเป็นสิ่งที่เรียกว่า Throwback นั่นเอง และมันก็ได้ Throwback กลับมาที่แนวรับ ซึ่งเคยเป็นแนวต้านเก่า

You cannot view this attachment.

แนวคิดหลัก ๆ คือ การรอให้ราคากลับตัวในช่วงแนวโน้ม ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง และเราสามารถยืนยันความถูกต้องของการกลับตัวดังกล่าวด้วย Volume การซื้อขายและความผันผวนที่ลดลงในขณะที่ราคาเคลื่อนสวนแนวโน้มกลับมา

- โดยสรุปแล้ว Pullback ในการซื้อขายคือการย้อนกลับไปยังแนวต้านหน้านี้ (จากเคยเป็นแนวรับ เปลี่ยนเป็นแนวต้าน) = เกิดในขาลง
- Throwback คือการย้อนกลับมาที่แนวรับ = เกิดในขาขึ้น
- แนวรับ-แนวต้านที่ใช้ประกอบ อาจใช้เทคนิคอื่น ๆ แทนการดูแนวราคาได้ เช่น Fibonacci, Moving Average หรือ Pivot Point เป็นต้น
- ซึ่งทำลายแนวโน้มขาลงชั่วคราว และเราสามารถตรวจจับได้อย่างชัดเจนด้วยเส้นแนวรับและแนวต้านที่เราวาดบนแผนภูมิ และสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เส้นแนวนอนหรือเส้นแนวโน้ม หรือผ่านตัวเลข (สามเหลี่ยม ธง ช่อง ฯลฯ)