ข่าว:

กระทู้ล่าสุด

#1
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / การเทรดข่าว Forex
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - เมื่อวานนี้ เวลา 10:50:09 ก่อนเที่ยง
การเทรดข่าว Forex

ข่าว Forex เป็น เนื้อหาที่แสดงความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ซึ่งความเกี่ยวข้องของข่าว Forex นั้นมีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินในโลกที่เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้  ตลาดได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน ดังนั้นสิ่งที่เทรดเดอร์ควรจะได้เรียนรู้จากข่าวคือ  Economic indicator และเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ประกาศออกมา ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวในตลาดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามมันเป็นข้อมูลที่ออกมานั้นมีจำนวนมาก และเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา บางครั้งใน 1 วันอาจจะมีข่าวที่มากมายหลายข่าว นั่นหมายความว่า  แล้วข่าวไหนกันหล่ะที่จะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว Forex บ้าง  และเทรดเดอร์อยางเรา ๆ ควรให้ความสนใจเพื่อจะสร้างโอกาสทำกำไรและสร้างความสำเร็จในการเทรดในระยะยาว

ข่าวที่ควรให้ความสำคัญ 5 ข่าวในตลาด Forex

1.ข่าวการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

ข่าวเรื่องการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เป็นข่าวที่ออกมาแล้วกระทบกับการเคลื่อนไหวของ Forex หรืออัตราแลกเปลี่ยนมากที่สุด สาเหตุเนื่องจาก การเคลื่อนไหวของค่าเงินนั้น เกี่ยวข้องกับอุปสงค์และอุปทานของเงินอย่างชัดเจน  อุปสงค์และอุปทานของเงินส่วนหนึ่งกำหนดมาจากอัตราดอกเบี้ย นั่นคือ ถ้าหากว่า ประเทศ A ให้อัตราดอกเบี้ย 12 % ขณะที่ประเทศออสเตรเลียอาจจะให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 10 % เมื่อคนมีเงินฝากในประเทศออสเตรเลียเห็นว่า เงินส่วนต่าง 2 % ต่อปีที่จะได้แบบไม่ต้องเสี่ยงคือสิ่งที่คุ้มค่ากับการย้ายเงินเข้ามาในประเทศไทย เขาก็จะทำการย้ายเงินฝากมา เพราะแรงจูงใจด้านอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน  การย้ายเงินฝากมานั้นจะต้องขายเงินของประเทศเขา ซึ่งทำให้ค่าเงิน AUDUSD ถูกขายออกไป แล้วจะได้มาเป็นดอลล่าร์ เมื่อได้เงินดอลล่าร์มาก็นำมาซื้อเงินบาท USDTHB แล้วเอาเงินไปฝากในธนาคารในไทยก็จะได้ดอกเบี้ย 12 % ซึ่งกระบวนการซื้อขายที่กล่าวมานี้แหละครับ ที่ทำให้ความต้องการเงินไทยสูงขึ้น และความต้องการเงินออสเตรเลียดอลล่าร์ลดลง ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงิน เมื่อมีความต้องการมากขึ้นก็จะทำให้ราคาสูงขึ้น ในระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว

ด้วยสาเหตุที่อธิบายมานี้ทำให้ข่าวอัตราดอกเบี้ยมีผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน โดยข่าวที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยนั้นสามารถออกมาได้จากทุกธนาคารคารกลาง ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกลางสหรัฐ ฯ หรือ Fed ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น กลุ่มสหภาพยุโรปฯ เป็นต้น ข่าวเหล่านี้ก็จะกระทบกับค่าเงินหลัก ๆ เท่านั้น อ้าว!! ถ้าอย่างนี้เราควรดู ข่าว Forex ที่เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากที่ไหนบ้าง ซึ่งประเทศที่เราควรให้ความสนใจมากที่สุดโดยเรียงลำดับตามความสำคัญคือ  ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางญี่ปุ่น  ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ  ธนาคารกลางสวิสเซอร์แลน  ธนาคารกลางออสเตรเลีย  ธนาคารกลางแคนาดา ตามลำดับ

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า จะต้องดูเฉพาะข่าวของตัวเอง ค่าเงินของตัวเองเท่านั้น ซึ่งก็อาจจะจริงส่วนหนึ่งหนึ่ง แต่ก็อย่าลืมว่า ค่าเงินนั้นมีความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันอยู่ และการเทรดค่าเงินนั้นต้องดูอย่างน้อย 2 ข่าว เพราะว่าค่าเงินถูกพล็อตเป็นคู่ นั่นเช่น EURUSD อย่างไรก็ตาม ประเทศต่าง ๆ ก็เป็นคู่ค้าระหว่างกัน เช่น ถ้าหากว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซา แล้วสหรัฐฯ ค้าขายกับญี่ปุ่นก็จะซบเซาไปด้วย

You cannot view this attachment.

                                                                                          ภาพที่ 1 ข่าว Forex – ข่าวอัตราดอกเบี้ยแคนาดา

ในภาพเป็นข่าวอัตราดอกเบี้ยของประเทศ Canada แสดงในเว็บไซต์ forexfactory.com ซึ่งปกติแล้วข่าวอัตราดอกเบี้ย จะไม่ได้ประกาศเพียงแค่อัตราดอกเบี้ย แต่ยังรายงานข่าวนโยบายการเงินอื่น ๆ อีกด้วยในช่วงเวลาเดียวกัน ในภาพเป็นตัวอย่างของข่าว BOC Mentary Policy Report และ BOC Rate Statement รวมทั้ง Overnight Rate  ซึ่งข่าวทั้งหมดจะออกมาในเวลาเดียวกันดังตัวอย่างในภาพ ผลก็คือ ผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน CAD ก็จะรุนแรงมาก เนื่องจากมีอิทธิต่อการเปลี่ยนแปลงสูงเช่นเดียวกัน สังเกตุได้จากสี่เหลี่ยมสีแดงด้านข้างซึ่งแสดงถึงผลกระทบของข่าว

2.ข่าว GDP

ข่าว GDP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ  ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ คือ ยอดผลิตสินค้าหรือบริการที่คนทั้งประเทศผลิตได้ โดยไม่ได้นับว่าคนผลิตสัญชาติอะไร แต่เข้ามาผลิตในประเทศ ตัวอย่างเช่น ผมสร้างบ้านขายหลังละ 1 ล้านบาท การสร้างนี้ก็เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้น   แต่ถ้าหากเราให้เงินขอทาน นับว่าขอทานไม่ได้สร้าง GDP เพราะว่า ขอทานไม่ได้ผลิตอะไรแม้แต่สินค้าและบริการ คือเป็นเงินโอน ดังนั้นการนับ GDP หมายความว่า มีคนต้องการสินค้าหรือบริการนั้น ๆ จึงมีการผลิต เพราะว่าถ้าหากผลิตขึ้นมาแล้วขายไม่ได้ก็จะไม่สามารถนับได้ว่าสร้างขึ้น ซึ่งถ้าหากว่าประเทศไหนมี GDP แสดงว่ามีการบริโภคสินค้าบริการ เมื่อมีการบริโภคที่มากก็แสดงเศรษฐกิจได้ขยายตัวหดตัวก็ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของคนในประเทศ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีแค่ในประเทศ ตัวอย่างเช่น ผมรับออเดอร์จากกัมพูชา ส่งออกแชมพู ซึ่งกัมพูชามีความต้องการแชมพูไทย จึงได้สั่งเข้ามา จึงเรียกว่าเราผลิตขึ้นนี่จึงทำให้ GDP มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ การค้าและอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อเกี่ยวข้องกับการค้าก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนเพราะว่า ต้องแลกเป็นเงินไทยก่อนถึงจะซื้อก็จะมีความต้องการเงินไทยสูงขึ้น โดยข่าว GDP มีตัวอย่างดังนี้

You cannot view this attachment.

                                                                                        ภาพที่ 2 ข่าว Forex – แสดงข่าว GDP

ภาพที่ 2 แสดงข่าว GDP รายเดือนของอังกฤษ ซึ่งเป็นรายงานประจำเดือน โดยข่าวนี้มักจะออกมาคู่กับ ข่าวการผลิตสินค้า ซึ่งอยู่ในหมวดที่เกี่ยวข้องกัน ในภาพจะเห็นว่าเป็นข่าว Manufacturing Production รายเดือนที่พวกมากับข่าว GDP การที่ข่าวแบบนี้ออกมาก สะท้อนว่าการผลิตของประเทศเป็นอย่างไร ทำให้ค่าเงินปอนด์นั้นได้รับแรงกระเพื่อมจากการรับรู้ข่าวของเทรดเดอร์ในตลาด

3.ข่าวอัตราเงินเฟ้อ หรือ CPI

อัตราเงินเฟ้อ หรือ Consumer Price Index โดยทั่วไปแล้วอัตราเงินเฟ้อนั้นไม่มี แต่สิ่งที่มีคือ ดัชนีราคาสินค้า ดัชนีราคาสินค้านั้นมี 2 คือ ราคาสินค้าผู้บริโภค กับราคาสินค้าผู้ผลิต ซึ่งการคิดเงินเฟ้อ หรืออัตราเจริญเติบโตทางเศรษบกิจนิยมใช้ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคมากกว่า ซึ่งชื่อก็บอกอยู่เนื่องจากความเกี่ยวพันมันเกี่ยวกับการบริโภค ดังนั้นมันจึงเกี่ยวกับ GDP เพราะ GDP คือการผลิต และ CPI คือราคาของสินค้า ทำให้เกิดการเติบโต อย่างไรก็ตาม CPI จะมีผลน้อยกว่า ตัวแปร 2 ตัวแรกที่กล่าวมาเพราะว่า เป็นตัวแปรที่อยู่ภายในของตัวแปรใหญ่ ๆ อีกทีหนึ่ง

You cannot view this attachment.

                                                                                           ภาพที่ 3  ข่าว Forex คืออะไร – แสดงดัชนี CPI ของจีน

ในภาพจะแสดง ดัชนี CPI ร่วมกับ ดัชนี PPI หรือก็คือ ดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ Producer Price Index อย่างที่ผมได้อธิบายครับ ซึ่งในนั้นจะสังเกตุเห็นว่า ความรุนแรงของข่าวมันไม่มากนักเป็นสีน้ำตาลและสีเหลือง

4.ข่าวอัตราการว่างงาน หรือ จ้างงาน

ข่าวอัตราการจ้างงาน หรือว่างงานนั้น เป็นเหมือนกับข่าวฝั่งรายได้ ซึ่งจากข่าวแรก เป็นข่าวอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ข่าว GDP คือ จำนวนการผลิตสินค้า ขณะที่ CPI คือราคาสินค้า แล้ว Employment ก็คือรายได้ของประชาชนที่จะมาซื้อสินค้าหรือบริการ ดังนั้น ข่าวนี้ก็จะเป็นอีกข่าวที่เชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตอบโจทย์ว่าทำไมค่าเงินถึงเคลื่อนไหว ดังตัวอย่างต่อไปนี้

You cannot view this attachment.

                                                                                           ภาพที่ 4 ข่าว Forex – ข่าวอัตราการจ้างงาน

จากภาพเป็นข่าวอัตราการจ้างงานของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งแสดงการเปลี่ยนแปลงที่มาก ของค่าเงิน โดยให้เรท สีแดงโดยเว็บ Forexfactory ข่าวดังกล่าวมักจะออกมาคู่กกัน คือ การเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน และ อัตราการว่างงาน ซึ่งเป็นข่าวที่สำคัญทั้งคู่ จึงทำให้ผลการเคลื่อนไหวของค่าเงินนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้รุนแรง

5.ข่าว FOMC

ข่าว FOMC  คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ  หรือ Federal open Market committee อย่างที่ชื่อบอกว่าคือคณะกรรมการนโยบายการเงิน ดังนั้นจึงมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ แม้จะเป็นแค่ประเทศเดียวแต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ค่าเงินสหรัฐฯ นั้นมีสัดส่วนอยู่ในเงินสำรองของประเทศต่าง ๆ มากที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นเงินที่ใช้เป็นฐานค่าเงินของทุกค่าเงิน เช่น EURUSD GBPUSD AUDUSD USDJPY เพียงเท่านี้การเคลื่อนไหวของข่าว FOMC ก็ทำให้ค่าเงินหลักทุกค่าที่เราเทรด เคลื่อนไหวทั้งหมดแล้ว ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข่าว FOMC ถึงมีความสำคัญ

You cannot view this attachment.

                                                                                        ภาพที่ 5 ข่าว Forex – แสดงการประชุม FOMC

จะเห็นว่าในวงกลมการประชุม FOMC จะมีผลกระทบระดับแดงเกิดขึ้น นั่นเผยว่า ผลกระทบของการประชุม FOMC นั้นทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหวได้มาก
#2
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - เมื่อวานนี้ เวลา 02:04:15 ก่อนเที่ยง
ทองวันนี้
Sell 2352-54
2363-64
2396-2400
Buy 2331-33
2320
#3
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - เมื่อวานนี้ เวลา 02:01:49 ก่อนเที่ยง
USDCAD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Fibonacci Retracement 61.8% สัมพันธ์กับ Support เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

NZDCAD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily ราคากำลังสร้างรูปแบบที่บ่งบอกถึงโอกาสที่จะกลับตัวขึ้นอย่าง Double Bottom
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาได้ทะลุขึ้นมาปิดอยู่เหนือเส้น Neckline เป็นสัญญาณยืนยันว่ารูปแบบกลับตัวที่เกิดขึ้นสมบูรณ์ จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นตาม Chart Pattern ที่เกิด มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#4
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / ประโยชน์และวิธีใช้ Stochastic ...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - พฤษภาคม 09, 2024, 10:27:43 ก่อนเที่ยง
Stochastic Oscillator (STO) ถูกคิดค้นและพัฒนามาโดย Dr. George C. Lane เป็น indicator ที่เหมาะกับการวิเคราะห์ในตลาดที่เป็น Sideways รวมทั้งการลงทุนหรือเก็งกำไรในระยะสั้น หลักการทำงานของ STO คือ จะเคลื่อนไหวตาม momentum ของราคา (ไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามแนวโน้ม หรือปริมาณการซื้อ-ขาย) ซึ่งโดยปกติ การเปลี่ยนทิศทางของ momentum นั้น จะเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนทิศทางของราคา  ฉนั้น STO จึงใช้บอกสัญญาณเตือนการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้นได้

ประโยชน์และการนำไปใช้งาน

- พยากรณ์การกลับตัวของ momentum (Predict Momentum Reversal)
- บอกภาวะการซื้อหรือขายที่มากไป (Overbought – Oversold identification)
- บอกจุด ซื้อ-ขาย

1. พยากรณ์การกลับตัวของ momentum (Predict Momentum Reversal) ประกอบด้วย

 - ทำนายการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง (Bearish Divergence)
 - ทำนายการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Divergence)

ตัวอย่าง ทำนายการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง (Bearish Divergence)

You cannot view this attachment.

ตัวอย่าง ทำนายกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Divergence)

You cannot view this attachment.

2. บอกภาวะการซื้อหรือขายที่มากไป (Overbought – Oversold identification)

2.1 บอกภาวะการซื้อที่มากเกินไป (OverBought identification) ภาวะที่ซื้อมากเกินไป คืออุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากความไม่สมดุลที่เกิดขึ้น โดยสัญญาณของ Stochastic จะบ่งชี้ถึงภาวะ Overbought เมื่อ %K > 80 เป็นต้นไป และจะเข้าสู่ภาวะ Super overbought เมื่อ %K > 90

You cannot view this attachment.

2.2 บอกภาวะการขายที่มากเกินไป (Oversold identification) ภาวะขายที่มากเกินไป คืออุปสงค์มีน้อยกว่าอุปทาน ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความไม่สมดุลที่เกิดขึ้น โดยสัญญาณของ Stochastic จะบ่งชี้ถึงภาวะ Oversold เมื่อ %K < 20 เป็นต้นไป และจะเข้าสู่ภาวะ Super oversold เมื่อ %K < 10

You cannot view this attachment.

3. บอกจุด ซื้อ-ขาย (Entry & Exit identification)

การนำ indicator STO มาเป็นสัญญาณบอก การซื้อหรือขายนั้น สามารถแยกได้ดังนี้คือ

- ซื้อเมื่อเส้น %K ตกลงในเขต Oversold แล้วดีดกลับขึ้นสูงกว่า 20
  ขายเมื่อเส้น %K ขึ้นในเขต Overbought แล้วดีดกลับลงมาน้อยกว่า 80
- ซื้อเมื่อเส้น %K ตัดขึ้นเหนือ %D และขายเมื่อเส้น %K ตัดลงต่ำกว่า %D
- หาจังหวะการซื้อหรือขายจากการเกิด Bullish & Bearish Divergence

3.1 ซื้อเมื่อเส้น %K ตกลงในเขต Oversold แล้วดีดกลับขึ้นสูงกว่า 20 และ ขายเมื่อเส้น %K ขึ้นในเขต Overbought แล้วดีดกลับลงมาน้อยกว่า 80

You cannot view this attachment.

3.2 ซื้อเมื่อเส้น %K ตัดขึ้นเหนือ %D และขายเมื่อเส้น %K ตัดลงต่ำกว่า %D

You cannot view this attachment.

3.3 หาจังหวะการซื้อหรือขายจากการเกิด Bullish & Bearish Divergence

ตัวอย่าง จังหวะการขายจาก Bearish Divergence (การกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง)

You cannot view this attachment.

ตัวอย่าง จังหวะการซื้อจาก Bullish Divergence (การกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น)

You cannot view this attachment.

ข้อที่ควรคำนึงจากการนำ STO มาใช้

1. Stochastic Oscillator เป็น indicator ประเภท momentum oscillator ใช้เป็นสัญญาณซื้อ-ขายได้ดี (แม่นยำ) ก็ต้องเมื่อตลาดเป็น Sideway (ตลาดที่ไม่เกิดแนวโน้ม) เนื่องจากตลาดมีการแกว่งตัวขึ้นลงไปมา

2. ถ้าเป็นตลาดขาขึ้น (Uptrend) STO จะให้สัญญาณซื้อได้ดีกว่าสัญญาณขาย

3. ถ้าเป็นตลาดขาลง (Downtrend)  STO จะให้สัญญาณขายได้ดีกว่าสัญญาณซื้อ

4. ความแม่นยำของ Bullish & Bearish Divergence นั้น จำเป็นต้องดูแนวโน้มประกอบด้วย
#5
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤษภาคม 09, 2024, 01:45:42 ก่อนเที่ยง
CADJPY
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Fibonacci Retracement 61.8% สัมพันธ์กับ Support เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

GBPNZD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาสร้างรูปแบบสามเหลี่ยม Expanding Triangle และราคาย่อตัวลงมาอยู่ที่ Demand Zone เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

AUDNZD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Fibonacci Retracement 50% สัมพันธ์กับ Support เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวขึ้นเพื่อเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#6
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤษภาคม 09, 2024, 01:02:59 ก่อนเที่ยง
ทองวันนี้ 
จุด buy 2305-2307
2298
2290
Sell 2321
2332-33
2353
#7
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤษภาคม 09, 2024, 12:24:18 ก่อนเที่ยง
#8
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤษภาคม 09, 2024, 12:22:30 ก่อนเที่ยง
#9
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / Stop loss ใช้หรือไม่ - แบบไหนด...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - พฤษภาคม 08, 2024, 03:46:09 หลังเที่ยง
ไม่ว่าการเปิดเทรดทางไหน ไม่มีเทรดเดอร์ท่านไหนต้องการให้ออเดอร์นั้นๆ ที่เปิดโดน stop loss เพราะเป็นการสูญเสีย แต่การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการเทรดที่เทรดเดอร์ต้องยอมรับ และบริหารและจัดการความเสี่ยงให้เป็น แม้เทรดเดอร์ไม่ต้องการ stop loss แต่เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น การเข้าใจการทำงานของ stop loss และเทคนิดต่างๆ ในการจัดการเป็นเรื่องจำเป็น และแต่ละเทรดเดอร์สามารถใช้ได้เข้ากับรูปแบบการเทรดและบริหารทุนของตัวเองได้ดี เมื่อเรายอมรับว่า stop loss เป็นส่วนหนึ่งของการเทรด เราก็จะหาทางว่าจะลดการสูญเสียได้อย่างไร นั่นคือความจำเป็นที่ต้องเข้าใจและเรียนรู้เทคนิค stop loss ต่างๆ แม้ว่าการเปิดเทรด การกำหนด stop loss และ take profit ก็จะต่างกันออกไปแล้วแต่รูปแบบการเทรด

แบบแรกกำหนด stop loss กับทุกออเดอร์ที่เปิดเทรดหรือ Hard Stop-loss

You cannot view this attachment.

กรณีแรกถือว่าเป็นพื้นฐานของการจำกัดความเสี่ยง เพราะเป็นวิธีการที่ง่ายและตรงประเด็นสำหรับการกำหนด stop loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง คือเมื่อจะเปิดเทรด หลังจากท่านกำหนด trade setup ได้ สิ่งที่ต้องเห็นชัดเจนคือว่าท่านกำหนด stop loss และ take profit ตรงไหน ความสำคัญก็จะอยู่ที่การกำหนด stop loss เพราะมีผลกระทบต่อการเติบโตของพอร์ตและต่อจิตใจของเทรดเดอร์โดยตรง  แบบแรกคือเมื่อเปิดเทรดก็กำหนด stop loss เข้ากับ position นั้นๆ ทันทีอย่างภาพประกอบ เปิดเทรดตรงเส้นที่บอก Sell แล้วกำหนด stop loss ทันทีที่พื้นที่บอก stop loss ด้านบน

ข้อดีของวิธีการกำหนด stop loss แบบนี้คือ ถ้าราคาวิ่งสวนทางท่าน เกินที่ท่านกำหนด ด้วยการกำหนด stop loss ก็จะทำงานทันทีที่ราคาท่านกำหนด จำกัดความเสี่ยงทันที  การสูญเสียเกิดขึ้นเท่าที่ท่านรับได้ที่กำหนดไว้เท่านั้น และท่านไม่ต้องเฝ้าจอคอยมองสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อชาร์ตเปลี่ยนไปด้วย แต่ข้อเสียอย่างในภาพประกอบด้านบนคือ ราคามักจะไปแตะ stop loss ที่ท่านกำหนด แล้วกลับมาทางที่ท่านเปิดเทรดแล้วไปไกลด้วย ทำให้ท่านสูญเสียและได้แค่มองสิ่งที่เกิดขึ้น จากที่ท่านควรจะได้กำไร การเกิด stop hunt จะเป็นเหตุการณ์ที่เห็นบ่อยกับวิธีการกำหนด stop loss แบบนี้

Mental Stop-loss หรือการไม่กำหนดเข้าไป แต่ท่านดูว่าท่านรับความเสี่ยงได้ตั้งแต่ตรงไหน

You cannot view this attachment.

รูปแบบการกำหนด stop loss แบบนี้ จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ในการเทรดหรือมอง market structure ด้วย อะไรเกิดขึ้น และส่วนเพราะเทรดด้วยพวกนี้ก็จะเข้าใจหลักการทำงานของ stop hunt ด้วยว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำตรงพื้นที่ๆ เข้าเทรดมี liquidity เยอะ เพราะขาใหญ่ต้องการเข้าเทรดเพิ่ม และเทรดราคาดีกว่า ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทรดเดอร์ที่เข้าเทรดก่อน และดูว่าพื้นที่ตรงไหนที่เทรดเดอร์พวกนี้จะใช้กำหนด stop loss ของพวกเขา วิธีการนี้จะดีสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มาก เช่นอย่างด้านบน เหตุการณ์เดียวกันกับการเปิด Sell แบบด้านบน แต่ไม่มีการกำหนด stop loss เข้าไป เทรดเดอร์พวกนี้ก็จะคิดว่าถ้าราคาไม่เบรค High ก่อน ด้วย momentum แล้วลงมาเทส และเห็น Price Action ที่บอก Reversal ในกรอบสีแดงก็จะไม่ปิดเสีย

ข้อดีของรูปแบบการกำหนด Mental Stop-loss คือท่านจัดการ stop loss ได้ดีกว่า เช่นอย่างกรณีของ stop hunt คือตัวอย่างที่ดี เพราะว่า market structure ไม่ได้เปลี่ยนไป แค่ขึ้นไปล่า stop loss เท่านั้นเอง  แต่เรื่องของ drawdown ก็อาจมากขึ้นไปด้วย แต่เทรดเดอร์สามารถถือรอราคาลงมา ถ้า market structure ไม่เปลี่ยน กลับกลายมาเป็นกำไรได้ แต่ข้อเสียคือว่า การที่จะใช้วิธีการกำหนด stop loss แบบนี้ จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ อ่าน market structure และอื่นๆ เป็น และยังต้องคอยเฝ้าจอตลอดด้วย เพราะดูว่า market structure เปลี่ยนแปลงอย่างไร และยิ่งถ้าเปิดเทรดหลายคู่เงิน หรือหลายออเดอร์ ก็ต้องคอยดูหลายคู่มากขึ้นไปอีก

วิธีการแบบ No Stop-loss  หรือไม่กำหนด Stop-loss เลย

การเปิดเทรดแบบ ไม่กำหนด stop loss เวลาราคาวิ่งสวน อาจไปไกล และไปเรื่อยๆ ได้ ส่งผลให้เรื่องขง drawdown เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ยิ่งเป็นการเปิดเทรดหลาย positions พร้อมๆ กัน การถือรออาจนานเช่น ถ้าเปิดเทรดเป็นช่วง swing จาก timeframe D1 การถือรออาจหลายวัน หรือเป็นอาทิตย์ได้ แต่เพราะเทรดเดอร์ที่ใช้วิธีการนี้มองว่าราคาเด้งขึ้นหรือลงเป็นเรื่องปกติ แล้วก็จะกลับมาทางเดิม แค่ว่าการเปิดเทรดไม่มาก ตามสัดส่วนทุน ไม่กระทบต่อพอร์ต ส่วนมากก็จะเทรดกันน้อย ไม่เกิน 10% ของทุน อาจบอกว่าการเทรดแบบไม่กำหนด stop loss เป็นการบริหารความเสี่ยงไปในตัวด้วยก็ว่าได้ แต่วิธีการนี้จะเหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีวินัยและผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดี เพราะต้องทั้งบริหารพอร์ต และจัดการความกดดันจากการถือรอนานที่กระทบต่อ drawdown ด้วย และยังอาจต้องหาโอกาสเทรดเพิ่มเรื่อย แต่ต้องไม่ให้กระทบทุนด้วย

วิธีใช้การเทรดแบบ Hedging เป็นตัวแทนการกำหนด stop loss

You cannot view this attachment.

ข้อดีของตลาดฟอเรกคือท่านสามารถเทรด Sell หรือ Buy เวลาเดียวกันได้ ต่างจากตลาด Futures หรือ Options ที่ท่านต้องเปิดเทรดได้ทางเดียวเท่านั้นใน บัญชีเทรดเดียว ยกตัวอย่างตามภาพประกอบ ท่านเปิดเทรด Buy ที่เลข 1 ราคาวิ่งขึ้นไปได้นิดหน่อย แต่ราคาดันลงมา ท่านเห็นว่าราคาได้เบรค Support 1  และท่านเห็นว่าถ้าราคาเบรคลงไป พื้นที่เหนือ Support 1 ด้านบนสุดมี trapped traders ด้วย stop loss ของกลุ่มนี้น่าจะดันราคาลงไปเร็ว ออเดอร์ที่ท่านเปิด Buy ก็จะติดลบมากยิ่งขึ้นและเร็วด้วย และมองลงไปเห็น Support 2 ราคาก็มีการเทสแล้ว อาจลงไปต่อก็ได้ อาจถึง Support 3 ก็ยิ่งจะติดลบมากขึ้น เพื่อจำกัดการติดลบ และไม่ต้องการออกจากตลาด ท่านก็เปิด Sell ตรงที่เลข 2 ด้วย ล็อตเท่ากันจากที่ท่านเปิด Buy ท่านก็จำกัดการสูญเสียไว้เท่านั้น แต่ท่านยังรักษาโอกาสไว้ได้ ถ้าท่านบริหารการเทรดและมองตลาดเป็นวิธีการนี้ ก็จะมีต้นทุนอย่างอื่นเกิดขึ้นคือ Spread อาจต่างกันออกไปตามช่วงตลาด และการถือข้ามคืนหรือค่า SWAP  ข้อดีของการเทรดแบบ Hedging เป็น Stop loss ท่านสามารถจัดการเรื่องของ drawdown ได้ดีเพราะท่านล็อคพื้นที่ stop loss ท่านไว้ และไม่ต้องมาคอยกังวล หรือเฝ้ามองชาร์ตตลอด ถ้าวันนั้นตลาดไม่เข้าทางท่าน แต่ข้อเสียคือ ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่การที่จะหาว่าท่านจะออกจากการ Hedging เมื่อไร เป็นเรื่องที่ต้องใช้ประสบการณ์ ว่าท่านจะออกตรงไหน เช่น ถ้าท่านมีประสบการณ์ หลังจากเปิด Sell ท่านก็จะรอให้ราคาลงมา จนเห็นว่า market structure ชัดเจนว่าหยุดลงและอยากจะดันขึ้นไป เช่นที่วงกลมด้านล่าง เมื่อเห็น price action ที่บอก reversal ท่านค่อยปิด Sell ออเดอร์เพื่อออกจากตลาด แล้วรอให้ราคาค่อยๆ ดันกลับไปหาจุดที่ท่านเปิด Buy ด้านบน ส่วนมากเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ก็จะเปิดเทรด Buy ตรงด้านล่างนี้ขึ้นไปด้วย แต่ต้องควบคุมความเสี่ยงด้วย

การกำหนด Stop loss เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการเทรดเพราะเป็นการบริหารและจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อเปิดเทรด การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด เช่นเดียวกันกับการทำกำไร แต่การสูญเสียเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ไม่ต้องการ จึงจำเป็นที่ต้องเข้าใจและใช้ให้เป็น ให้เข้ากับรูปแบบการเทรดของตนว่าเทรดแบบไหน และจะบริหารทุนอย่างไร
#10
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤษภาคม 08, 2024, 07:52:43 ก่อนเที่ยง
AUDUSD SELL 0.6616

🔻 SL 0.6675
🔹 TP 0.6400