ข่าว:

กระทู้ล่าสุด

#1
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - วันนี้ เวลา 01:55:57 หลังเที่ยง
Sell : BTCUSD
จุดเข้า : ตอนนี้

TP : 58900

SL : 64000
#2
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / ต่อ: Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - วันนี้ เวลา 01:52:31 หลังเที่ยง
ทอง ทอง
Sell 2359-60
2370
2380
Buy 2348
2333
2320
#3
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / เล่นแบบไหนดีกว่ากัน Trend Foll...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - วันนี้ เวลา 12:56:37 หลังเที่ยง
นักลงทุนหลายท่านคงเคยได้ยินคำว่าที่ว่า Trend is your friend หรือ แนวโน้มคือมิตรของคุณ มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่หลายท่านอาจยังสงสัยว่า trend หรือ แนวโน้มที่ว่านั้นคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และช่วยในการทำกำไรได้อย่างไร

Trend หรือ แนวโน้ม คืออะไร

คำว่า Trend หรือ แนวโน้ม นั้นหมายถึงทิศทางของภาพรวมที่เกิดขึ้นในอดีตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เวลาที่เราพูดถึง trend ในทางเก็งกำไรนั้น เรากำลังพูดถึงอดีตที่เกิดขึ้นมาแล้ว เช่น ใน 10 วันที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้น 7 วัน แนวโน้มในรอบ 10 วันที่ผ่านมาจะเรียกว่าแนวโน้มขาขึ้น หรือ ใน 100 วันที่ผ่านมาราคาปรับตัวลง 75 วัน แนวโน้มในรอบ 100 วันที่ผ่านมาจะเรียกว่าแนวโน้มขาลง

การบอกแนวโน้มนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้  Trend Line หรือ การใช้อินดิเคเตอร์จำพวก Trend Following แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจำแนกว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแนวโน้มประเภทใด จำเป็นจำต้องมีเงื่อนไขเพิ่มเติม นั่นคือ ช่วงระยะเวลาที่พิจารณา และด้วยเหตุผลเดียวกัน การใช้ trend line ในการระบุ trend นั้นจึงขึ้นอยู่กับการเลือกจุดต่ำสุดหรือสูงสุดของนักลงทุนแต่ละคน ทำให้เส้น trend line ที่ได้นั้นมีค่าไม่ตรงกัน ดังตัวอย่างในภาพด้านล่าง

You cannot view this attachment.

จากรูปด้านบน สมมติให้เส้นสีแดง คือ Trend Line ที่นักลงทุน A ใช้พิจารณา ส่วนเส้นสีเขียวคือ Trend Line ที่นักลงทุน B ใช้ในการพิจารณา เราจะพบว่า การกำหนดช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้มุมมองที่มีต่อราคาในช่วงเวลานั้นๆแตกต่างกันด้วย หากนักลงทุน A และ B มานั่งพูดคุยกัน แม้ว่าพวกเขาจะเห็นตรงกันว่า แนวโน้มของช่วงเวลาที่พิจารณากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ทั้งสองก็จะมีกลยุทธ์การซื้อขายที่แตกต่างกัน เนื่องจากมีมุมมองต่อแนวโน้มที่ต่างกันนั่นเอง

ฉะนั้นเพื่อที่จะระบุ trend ให้ได้ตรงกันทุกคน ในบทความนี้ จะใช้ Moving average ซึ่งเป็น indicator ในกลุ่ม trend following ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้าง เป็นตัวระบุ trend

Moving Average คืออะไร

Moving average หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ จัดว่าเป็น indicator ที่ใช้บอกแนวโน้มของราคาที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆในบรรดาอินดิเคเตอร์ประเภท Trend Following ทั้งปวง โดยมีหลักการคำนวณอย่างคร่าวๆมาจาก การนำราคาปิด x จำนวนวันย้อนหลังมาหาค่าเฉลี่ย โดยการแปลผลนั้นทำได้โดยง่าย คือ หากราคายืนอยู่เหนือเส้น moving average แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้น และหากราคาอยู่ต่ำกว่าเส้น moving average แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลง โดยในบทความนี้จะใช้ค่า x = 50 หรือใช้ เส้น moving average 50 วันนั่นเอง มาเป็นตัวระบุแนวโน้ม ตัวอย่างดังรูปด้านล่าง

You cannot view this attachment.

ซื้อขายตาม Trend ดีอย่างไร

จากหัวข้อก่อนหน้านี้ หลังจากที่เราสามารถที่จะระบุ trend ได้ตรงกันแล้ว ก็มาถึงส่วนของการใช้งาน ว่า trend มีประโยชน์อะไร ทำไมเราจึงควรซื้อขายตาม trend ที่เกิดขึ้น

You cannot view this attachment.

You cannot view this attachment.

จากรูปด้านบนนั้นจะเห็นได้ว่า เหตุผลที่เราควรควรซื้อขายตาม trend นั้นเป็นเพราะ การปรับตัวขึ้นแรงหรือลดลงแรงอย่างมีนัยยะสำคัญนั้นมักเกิดขึ้นในทิศทางเดียวกันกับ trend ซึ่งถ้านักลงทุนจำกัดการซื้อขายไว้เฉพาะฝั่งเดียวกับ trend เท่านั้น (Long เท่านั้น ในช่วง Uptrend / Short เท่านั้น ในช่วง Downtrend )นักลงทุนจะมีโอกาสที่จะได้รับกำไรก้อนใหญ่จากการเคลื่อนไหวภายในเวลาเพียง 1-2 วัน เท่านั้น และนอกจากนี้นักลงทุนจะสามารถหลีกเลี่ยงการขาดทุนจากวันที่ตลาดมีการปรับตัวลดลงแรงในแนวโน้มขาลง หรือปรับตัวขึ้นแรงในแนวโน้มขาขึ้นได้อีกด้วย

การเล่นแบบสวน Trend ไม่เหมาะกับนักลงทุนรายย่อย

นอกจากเหตุผลที่กล่าวไปแล้วด้านบน การซื้อขายตาม Trend นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างกำไรให้กับนักลงทุนรายย่อยมากกว่าการซื้อขายแบบสวน Trend ทั้งนี้เป็นเพราะในตลาดมีนักลงทุนรายใหญ่ ที่มีปริมาณซื้อขายจำนวนมากมายมหาศาล รวมตัวกันอยู่ การที่แนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางใดนั้นล้วนขึ้นอยู่กับนักลงทุนรายใหญ่เป็นสำคัญ หากนักลงทุนรายย่อยต้องการทำกำไรโดยการพยากรณ์จุดกลับตัว (หรือเล่นแบบสวน Trend) ก็จะไม่ต่างอะไรกับการเอากิ่งไม้เล็กไปขวางทางน้ำเชี่ยว แม้จะมีโอกาสสร้างกำไรได้ แต่วิธีทำกำไรเช่นนั้นก็จะไม่ยั่งยืน เพราะสุดท้ายแล้วโอกาสที่จะเจ็บตัวก็ยังมากกว่าอยู่ดี
#4
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - วันนี้ เวลา 09:20:49 ก่อนเที่ยง
#5
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - วันนี้ เวลา 01:52:38 ก่อนเที่ยง
GOLD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Demand Zone สัมพันธ์กับ Fibonacci Retracement 50% แล้วมีแรงซื้อกลับเข้ามา จนภาพในกรอบเวลาที่เล็กลงอย่าง H4 เกิดเป็นรูปแบบ Bullish QM Pattern จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิม มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

GBPUSD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาที่ Fibonacci Retracement Zone สัมพันธ์กับ Resistance เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวลงเพื่อเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

EURUSD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดต่ำลงเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาลง
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาที่ Fibonacci Retracement สัมพันธ์กับ Resistance Trendline เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาสัญญาณกลับตัวลงเพื่อเข้า Sell โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#6
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / Relative Strength Index (RSI) ...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - วันนี้ เวลา 01:22:12 ก่อนเที่ยง
RSI คืออะไร?  Relative Strength Index (RSI) เป็น indicators ประเภท momentum oscillator ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยเซียนหุ้นสาย Technical ที่มีนามว่า Mr. Welles Wilder เป็น indicators ที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้น

ประโยชน์และการนำไปใช้งาน

- บ่งบอกถึงภาวะที่มีการซื้อหรือขายมากเกินไป (Overbought, Oversold)
- สัญญาณเตือนการกลับตัวของราคา (Divergence)
- สัญญาณเตือนการกลับทิศทางจากการเหวี่ยงที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หรือการสวิงที่ผิดพลาด (Failure Swing)
- ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน ของแนวโน้ม (Trend identification (Trend ID))
- ให้สัญญาณการกลับทิศทางของราคาที่กำลังเกิดขึ้นว่า จะยังคงอยู่ต่อไป (Positive & Negative Reversal)

1. บ่งบอกถึงภาวะที่มีการซื้อหรือขายมากเกินไป (Overbought หรือ Oversold)

1.1 บ่งบอกถึงภาวะที่มีการซื้อมากเกินไป (Overbought) ซึ่งดูได้จาก เมื่อเส้น RSI วิ่งล่ำเส้น Overbought (70) ขึ้นไป จากกรณีเมื่อมีแรงซื้อเกิดขึ้นเยอะๆเช่นนี้ อาจส่งผลให้ราคามีโอกาสปรับตัวลง ตามตัวอย่าง

You cannot view this attachment.

หมายเหตุ Overbought เป็นเพียงสัญญาณบอกความร้อนแรงของราคา ไม่ใช่สัญญาณขาย ในการพิจารณาทุกครั้งก่อนที่จะซื้อหรือขายควร ใช้สัญญาณจาก indicators อื่นร่วมด้วย เช่น เพิ่มเส้น MA หรือ Boolinger Bands เข้ามาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ

1.2 บ่งบอกถึงภาวะที่มีการขายมากเกินไป (Oversold) ซึ่งดูได้จาก เมื่อเส้น RSI วิ่งลงต่ำเลยเส้น Oversold (30) ลงมา จากกรณีเมื่อมีแรงขายมากๆเช่นนี้ อาจส่งผลให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ตามตัวอย่าง

You cannot view this attachment.

หมายเหตุ Oversold เป็นเพียงสัญญาณบอกความร้อนแรงของราคา ไม่ใช่สัญญาณซื้อ ในการพิจารณาทุกครั้งก่อนที่จะซื้อหรือขายควร ใช้สัญญาณจาก indicators อื่นร่วมด้วย เช่น เพิ่มเส้น MA หรือ Boolinger Bands เข้ามาเพื่อช่วยยืนยันการตัดสินใจ

2. สัญญาณเตือนการกลับตัวของราคา (Divergence)

Divergence คือรูปแบบลักษณะที่เกิดจาก momentum ของราคากับ indicator มีความขัดแย้งกัน ในส่วนของ Divergence ที่เกิดจาก indicators RSI นี้ แยกออกเป็น 2 ส่วนคือ

- Bullish Divergence สัญญาณการกลับตัวจากขาลง-เป็นขาขึ้น ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่าง ราคา กับ indicators
- Bearish Divergence สัญญาณการกลับตัวจากขาขึ้น-เป็นขาลง ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่าง ราคา กับ indicators

2.1 Bullish Divergence เป็นรูปแบบของความไม่สอดคล้องกัน(ความขัดแย้ง) ระหว่างราคาหุ้นหรือค่าเงิน กับ indicator ที่เดินไปคนละทาง หรือสวนทางกัน ลักษณะคือ ราคาของหุ้นหรือค่าเงินที่เกิดขึ้นในกราฟต่ำลงๆ ไปเรื่อยๆ (Lower Low) ในขณะที่  indicators RSI กับตรงกันข้ามคือ เดินหรือวิ่ง สูงขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ (Higher Low) รูปแบบลักษณะเช่นนี้ แสดงถึงแนวโน้ม ที่เป็นสัญญาณการกลับตัวจากขาลง-เป็นขาขึ้น ตามตัวอย่าง

You cannot view this attachment.

2.2 Bearish Divergence เป็นรูปแบบของความไม่สอดคล้องกัน(ความขัดแย้ง) ระหว่างราคาหุ้นหรือค่าเงิน กับ indicator ที่เดินไปคนละทาง หรือสวนทางกัน ลักษณะคือ ราคาของหุ้นหรือค่าเงินที่เกิดขึ้นในกราฟสูงขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ (Higher High ) ในขณะที่  indicators RSI กับตรงกันข้ามคือ เดินหรือวิ่ง ต่ำลงๆ ไปเรื่อยๆ (Lower High) รูปแบบลักษณะเช่นนี้ แสดงถึงแนวโน้ม ที่เป็นสัญญาณการกลับตัวจากขาขึ้น-เป็นขาลง ตามตัวอย่าง

You cannot view this attachment.

3. สัญญาณเตือนการกลับทิศทางจากการเหวี่ยงที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หรือการสวิงที่ผิดพลาด (Failure Swing)

Failure Swing เป็นรูปแบบที่มีลักษณะคล้ายๆ กับการเกิด Divergence แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเช่นกันคือ

- Bullish Failure Swing สัญญาณเตือนอาจมีการกลับตัวเปลี่่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น
- Bearish Failure Swing สัญญาณเตือนอาจมีการกลับตัวเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง

3.1 Bullish Failure Swing เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจมีการกลับตัวเปลี่่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น ซึ่งมีรูปแบบที่ประกอบด้วย

- เส้น RSI ลงต่ำกว่า เส้น Oversold (30)
- ต่อมาเส้น RSI เด้งขึ้นเหนือ Oversold (30) แล้วเกิดการกลับตัวลง (Pullback)
- การกลับตัวลงมาของเส้น RSI นั้น จะอยู่เหนือเส้น Oversold (30)
- ต่อมาเส้น RSI เกิดการดึงกลับขึ้นจนทะลุแนวต้าน (กราฟราคาก็ทะลุเช่นกัน)

You cannot view this attachment.

3.2 Bearish Failure Swing เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจมีการกลับตัวเปลี่่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง ซึ่งมีรูปแบบที่ประกอบด้วย

- เส้น RSI ขึ้นสูงกว่า เส้น Overbought  (70)
- ต่อมาเส้น RSI เด้งลงต่ำกว่า เส้น Overbought  (70) แล้วเกิดการกลับตัวขึ้น (Pullback)
- การกลับตัวขึ้นมาของเส้น RSI นั้น จะอยู่ต่ำกว่าเส้น Overbought  (70)
- ต่อมาเส้น RSI เกิดการเด้งกลับลงมาจนทะลุแนวรับ (กราฟราคาก็ลงทะลุแนวรับเช่นกัน)

You cannot view this attachment.

4. ทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน ของแนวโน้ม (Trend identification (Trend ID))

การทำหน้าเป็นแนวรับหรือแนวต้านนั้น แยกออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงที่อยู่ในตลาดขาขึ้นกับช่วงที่อยู่ในตลาดขาลง (Bullish & Bearish Market)

4.1 Bullish Market ในตลาดขาขึ้นเส้น RSI จะเคลื่อนที่ขึ้นลงอยู่ระหว่าง 40-90 โดยใน Zone 40-50 เส้น RSI จะทำหน้าที่เป็นแนวรับในแนวโน้มขาขึ้น ตามตัวอย่าง

You cannot view this attachment.

4.2 Bearish Market  ในตลาดขาลงเส้น RSI จะเคลื่อนที่ขึ้นลงอยู่ระหว่าง 10-60 โดยใน Zone 50-60 เส้น RSI จะทำหน้าที่เป็นแนวต้านในแนวโน้มขาลง ตามตัวอย่าง

You cannot view this attachment.

5. ให้สัญญาณการกลับทิศทางของราคาที่กำลังเกิดขึ้นว่า จะยังคงอยู่ต่อไป (Positive & Negative Reversal)

โดยรูปแบบของ Positive & Negative Reversal นั้น จะเกิดขึ้นหลังจากผ่านจุดสูงสุดและต่ำสุดไปแล้ว

5.1 Positive Reversal เป็นสัญญาณที่แสดงว่า การกลับทิศทางบวกที่เป็นอยู่นั้น จะยังดำเนินต่อไป ความหมายก็คือ ราคามีโอกาสที่จะขึ้นต่อไปอีกนั่นเอง ซึ่งมีรูปแบบลักษณะคือ

- ราคาในกราฟเป็น Higher Low (ราคาต่ำ ที่สูงขึ้นๆ เรื่อยๆ)
- แต่ RSI กลับเป็น Lower Low ใน Zone 30-50 (ราคาต่ำ ที่ต่ำลงๆ เรื่อยๆ)

You cannot view this attachment.

5.2 Negative Reversal  เป็นสัญญาณที่แสดงว่า การกลับทิศทางลบ ที่เป็นอยู่นั้น จะยังดำเนินต่อไป ความหมายก็คือ ราคามีโอกาสที่จะลงต่อไปๆ อีกนั่นเอง ซึ่งมีรูปแบบลักษณะคือ

- ราคาในกราฟเป็น Lower High (ราคาสูง ที่ ต่ำลงๆ เรื่อยๆ)
- แต่ RSI กลับเป็น Higher High ใน Zone 50-70 (ราคาสูง ที่ สูงขึ้นๆ เรื่อยๆ)

You cannot view this attachment.
#7
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / การเทรดข่าว Forex
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - พฤษภาคม 10, 2024, 10:50:09 ก่อนเที่ยง
การเทรดข่าว Forex

ข่าว Forex เป็น เนื้อหาที่แสดงความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ซึ่งความเกี่ยวข้องของข่าว Forex นั้นมีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินในโลกที่เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้  ตลาดได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน ดังนั้นสิ่งที่เทรดเดอร์ควรจะได้เรียนรู้จากข่าวคือ  Economic indicator และเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ประกาศออกมา ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวในตลาดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามมันเป็นข้อมูลที่ออกมานั้นมีจำนวนมาก และเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา บางครั้งใน 1 วันอาจจะมีข่าวที่มากมายหลายข่าว นั่นหมายความว่า  แล้วข่าวไหนกันหล่ะที่จะเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว Forex บ้าง  และเทรดเดอร์อยางเรา ๆ ควรให้ความสนใจเพื่อจะสร้างโอกาสทำกำไรและสร้างความสำเร็จในการเทรดในระยะยาว

ข่าวที่ควรให้ความสำคัญ 5 ข่าวในตลาด Forex

1.ข่าวการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

ข่าวเรื่องการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เป็นข่าวที่ออกมาแล้วกระทบกับการเคลื่อนไหวของ Forex หรืออัตราแลกเปลี่ยนมากที่สุด สาเหตุเนื่องจาก การเคลื่อนไหวของค่าเงินนั้น เกี่ยวข้องกับอุปสงค์และอุปทานของเงินอย่างชัดเจน  อุปสงค์และอุปทานของเงินส่วนหนึ่งกำหนดมาจากอัตราดอกเบี้ย นั่นคือ ถ้าหากว่า ประเทศ A ให้อัตราดอกเบี้ย 12 % ขณะที่ประเทศออสเตรเลียอาจจะให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 10 % เมื่อคนมีเงินฝากในประเทศออสเตรเลียเห็นว่า เงินส่วนต่าง 2 % ต่อปีที่จะได้แบบไม่ต้องเสี่ยงคือสิ่งที่คุ้มค่ากับการย้ายเงินเข้ามาในประเทศไทย เขาก็จะทำการย้ายเงินฝากมา เพราะแรงจูงใจด้านอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน  การย้ายเงินฝากมานั้นจะต้องขายเงินของประเทศเขา ซึ่งทำให้ค่าเงิน AUDUSD ถูกขายออกไป แล้วจะได้มาเป็นดอลล่าร์ เมื่อได้เงินดอลล่าร์มาก็นำมาซื้อเงินบาท USDTHB แล้วเอาเงินไปฝากในธนาคารในไทยก็จะได้ดอกเบี้ย 12 % ซึ่งกระบวนการซื้อขายที่กล่าวมานี้แหละครับ ที่ทำให้ความต้องการเงินไทยสูงขึ้น และความต้องการเงินออสเตรเลียดอลล่าร์ลดลง ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงิน เมื่อมีความต้องการมากขึ้นก็จะทำให้ราคาสูงขึ้น ในระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว

ด้วยสาเหตุที่อธิบายมานี้ทำให้ข่าวอัตราดอกเบี้ยมีผลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน โดยข่าวที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ยนั้นสามารถออกมาได้จากทุกธนาคารคารกลาง ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกลางสหรัฐ ฯ หรือ Fed ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น กลุ่มสหภาพยุโรปฯ เป็นต้น ข่าวเหล่านี้ก็จะกระทบกับค่าเงินหลัก ๆ เท่านั้น อ้าว!! ถ้าอย่างนี้เราควรดู ข่าว Forex ที่เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากที่ไหนบ้าง ซึ่งประเทศที่เราควรให้ความสนใจมากที่สุดโดยเรียงลำดับตามความสำคัญคือ  ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางญี่ปุ่น  ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ  ธนาคารกลางสวิสเซอร์แลน  ธนาคารกลางออสเตรเลีย  ธนาคารกลางแคนาดา ตามลำดับ

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า จะต้องดูเฉพาะข่าวของตัวเอง ค่าเงินของตัวเองเท่านั้น ซึ่งก็อาจจะจริงส่วนหนึ่งหนึ่ง แต่ก็อย่าลืมว่า ค่าเงินนั้นมีความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันอยู่ และการเทรดค่าเงินนั้นต้องดูอย่างน้อย 2 ข่าว เพราะว่าค่าเงินถูกพล็อตเป็นคู่ นั่นเช่น EURUSD อย่างไรก็ตาม ประเทศต่าง ๆ ก็เป็นคู่ค้าระหว่างกัน เช่น ถ้าหากว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นซบเซา แล้วสหรัฐฯ ค้าขายกับญี่ปุ่นก็จะซบเซาไปด้วย

You cannot view this attachment.

                                                                                          ภาพที่ 1 ข่าว Forex – ข่าวอัตราดอกเบี้ยแคนาดา

ในภาพเป็นข่าวอัตราดอกเบี้ยของประเทศ Canada แสดงในเว็บไซต์ forexfactory.com ซึ่งปกติแล้วข่าวอัตราดอกเบี้ย จะไม่ได้ประกาศเพียงแค่อัตราดอกเบี้ย แต่ยังรายงานข่าวนโยบายการเงินอื่น ๆ อีกด้วยในช่วงเวลาเดียวกัน ในภาพเป็นตัวอย่างของข่าว BOC Mentary Policy Report และ BOC Rate Statement รวมทั้ง Overnight Rate  ซึ่งข่าวทั้งหมดจะออกมาในเวลาเดียวกันดังตัวอย่างในภาพ ผลก็คือ ผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน CAD ก็จะรุนแรงมาก เนื่องจากมีอิทธิต่อการเปลี่ยนแปลงสูงเช่นเดียวกัน สังเกตุได้จากสี่เหลี่ยมสีแดงด้านข้างซึ่งแสดงถึงผลกระทบของข่าว

2.ข่าว GDP

ข่าว GDP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ  ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ คือ ยอดผลิตสินค้าหรือบริการที่คนทั้งประเทศผลิตได้ โดยไม่ได้นับว่าคนผลิตสัญชาติอะไร แต่เข้ามาผลิตในประเทศ ตัวอย่างเช่น ผมสร้างบ้านขายหลังละ 1 ล้านบาท การสร้างนี้ก็เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้น   แต่ถ้าหากเราให้เงินขอทาน นับว่าขอทานไม่ได้สร้าง GDP เพราะว่า ขอทานไม่ได้ผลิตอะไรแม้แต่สินค้าและบริการ คือเป็นเงินโอน ดังนั้นการนับ GDP หมายความว่า มีคนต้องการสินค้าหรือบริการนั้น ๆ จึงมีการผลิต เพราะว่าถ้าหากผลิตขึ้นมาแล้วขายไม่ได้ก็จะไม่สามารถนับได้ว่าสร้างขึ้น ซึ่งถ้าหากว่าประเทศไหนมี GDP แสดงว่ามีการบริโภคสินค้าบริการ เมื่อมีการบริโภคที่มากก็แสดงเศรษฐกิจได้ขยายตัวหดตัวก็ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของคนในประเทศ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีแค่ในประเทศ ตัวอย่างเช่น ผมรับออเดอร์จากกัมพูชา ส่งออกแชมพู ซึ่งกัมพูชามีความต้องการแชมพูไทย จึงได้สั่งเข้ามา จึงเรียกว่าเราผลิตขึ้นนี่จึงทำให้ GDP มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ การค้าและอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อเกี่ยวข้องกับการค้าก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนเพราะว่า ต้องแลกเป็นเงินไทยก่อนถึงจะซื้อก็จะมีความต้องการเงินไทยสูงขึ้น โดยข่าว GDP มีตัวอย่างดังนี้

You cannot view this attachment.

                                                                                        ภาพที่ 2 ข่าว Forex – แสดงข่าว GDP

ภาพที่ 2 แสดงข่าว GDP รายเดือนของอังกฤษ ซึ่งเป็นรายงานประจำเดือน โดยข่าวนี้มักจะออกมาคู่กับ ข่าวการผลิตสินค้า ซึ่งอยู่ในหมวดที่เกี่ยวข้องกัน ในภาพจะเห็นว่าเป็นข่าว Manufacturing Production รายเดือนที่พวกมากับข่าว GDP การที่ข่าวแบบนี้ออกมาก สะท้อนว่าการผลิตของประเทศเป็นอย่างไร ทำให้ค่าเงินปอนด์นั้นได้รับแรงกระเพื่อมจากการรับรู้ข่าวของเทรดเดอร์ในตลาด

3.ข่าวอัตราเงินเฟ้อ หรือ CPI

อัตราเงินเฟ้อ หรือ Consumer Price Index โดยทั่วไปแล้วอัตราเงินเฟ้อนั้นไม่มี แต่สิ่งที่มีคือ ดัชนีราคาสินค้า ดัชนีราคาสินค้านั้นมี 2 คือ ราคาสินค้าผู้บริโภค กับราคาสินค้าผู้ผลิต ซึ่งการคิดเงินเฟ้อ หรืออัตราเจริญเติบโตทางเศรษบกิจนิยมใช้ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคมากกว่า ซึ่งชื่อก็บอกอยู่เนื่องจากความเกี่ยวพันมันเกี่ยวกับการบริโภค ดังนั้นมันจึงเกี่ยวกับ GDP เพราะ GDP คือการผลิต และ CPI คือราคาของสินค้า ทำให้เกิดการเติบโต อย่างไรก็ตาม CPI จะมีผลน้อยกว่า ตัวแปร 2 ตัวแรกที่กล่าวมาเพราะว่า เป็นตัวแปรที่อยู่ภายในของตัวแปรใหญ่ ๆ อีกทีหนึ่ง

You cannot view this attachment.

                                                                                           ภาพที่ 3  ข่าว Forex คืออะไร – แสดงดัชนี CPI ของจีน

ในภาพจะแสดง ดัชนี CPI ร่วมกับ ดัชนี PPI หรือก็คือ ดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ Producer Price Index อย่างที่ผมได้อธิบายครับ ซึ่งในนั้นจะสังเกตุเห็นว่า ความรุนแรงของข่าวมันไม่มากนักเป็นสีน้ำตาลและสีเหลือง

4.ข่าวอัตราการว่างงาน หรือ จ้างงาน

ข่าวอัตราการจ้างงาน หรือว่างงานนั้น เป็นเหมือนกับข่าวฝั่งรายได้ ซึ่งจากข่าวแรก เป็นข่าวอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ข่าว GDP คือ จำนวนการผลิตสินค้า ขณะที่ CPI คือราคาสินค้า แล้ว Employment ก็คือรายได้ของประชาชนที่จะมาซื้อสินค้าหรือบริการ ดังนั้น ข่าวนี้ก็จะเป็นอีกข่าวที่เชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจ ซึ่งตอบโจทย์ว่าทำไมค่าเงินถึงเคลื่อนไหว ดังตัวอย่างต่อไปนี้

You cannot view this attachment.

                                                                                           ภาพที่ 4 ข่าว Forex – ข่าวอัตราการจ้างงาน

จากภาพเป็นข่าวอัตราการจ้างงานของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งแสดงการเปลี่ยนแปลงที่มาก ของค่าเงิน โดยให้เรท สีแดงโดยเว็บ Forexfactory ข่าวดังกล่าวมักจะออกมาคู่กกัน คือ การเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน และ อัตราการว่างงาน ซึ่งเป็นข่าวที่สำคัญทั้งคู่ จึงทำให้ผลการเคลื่อนไหวของค่าเงินนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้รุนแรง

5.ข่าว FOMC

ข่าว FOMC  คือการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ  หรือ Federal open Market committee อย่างที่ชื่อบอกว่าคือคณะกรรมการนโยบายการเงิน ดังนั้นจึงมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ แม้จะเป็นแค่ประเทศเดียวแต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ค่าเงินสหรัฐฯ นั้นมีสัดส่วนอยู่ในเงินสำรองของประเทศต่าง ๆ มากที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นเงินที่ใช้เป็นฐานค่าเงินของทุกค่าเงิน เช่น EURUSD GBPUSD AUDUSD USDJPY เพียงเท่านี้การเคลื่อนไหวของข่าว FOMC ก็ทำให้ค่าเงินหลักทุกค่าที่เราเทรด เคลื่อนไหวทั้งหมดแล้ว ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมข่าว FOMC ถึงมีความสำคัญ

You cannot view this attachment.

                                                                                        ภาพที่ 5 ข่าว Forex – แสดงการประชุม FOMC

จะเห็นว่าในวงกลมการประชุม FOMC จะมีผลกระทบระดับแดงเกิดขึ้น นั่นเผยว่า ผลกระทบของการประชุม FOMC นั้นทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหวได้มาก
#8
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤษภาคม 10, 2024, 02:04:15 ก่อนเที่ยง
ทองวันนี้
Sell 2352-54
2363-64
2396-2400
Buy 2331-33
2320
#9
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค Forex...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤษภาคม 10, 2024, 02:01:49 ก่อนเที่ยง
USDCAD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily โครงสร้างของราคามีสวิงไฮและสวิงโลวล่าสุดสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสวิงก่อนหน้า จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่าแนวโน้มในกรอบเวลานี้อยู่ในขาขึ้น
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ Fibonacci Retracement 61.8% สัมพันธ์กับ Support เป็นตำแหน่งที่เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มเดิมจากบริเวณนี้ มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ

NZDCAD
You cannot view this attachment.
ภาพในกรอบเวลา Daily ราคากำลังสร้างรูปแบบที่บ่งบอกถึงโอกาสที่จะกลับตัวขึ้นอย่าง Double Bottom
ตำแหน่งปัจจุบัน ราคาได้ทะลุขึ้นมาปิดอยู่เหนือเส้น Neckline เป็นสัญญาณยืนยันว่ารูปแบบกลับตัวที่เกิดขึ้นสมบูรณ์ จากภาพดังกล่าวทำให้เรามองว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นตาม Chart Pattern ที่เกิด มองหาจังหวะเข้า Buy โดยตั้งจุดตัดขาดทุนและคาดหวังเป้าหมายทำกำไรตามภาพประกอบ
#10
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / ประโยชน์และวิธีใช้ Stochastic ...
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - พฤษภาคม 09, 2024, 10:27:43 ก่อนเที่ยง
Stochastic Oscillator (STO) ถูกคิดค้นและพัฒนามาโดย Dr. George C. Lane เป็น indicator ที่เหมาะกับการวิเคราะห์ในตลาดที่เป็น Sideways รวมทั้งการลงทุนหรือเก็งกำไรในระยะสั้น หลักการทำงานของ STO คือ จะเคลื่อนไหวตาม momentum ของราคา (ไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามแนวโน้ม หรือปริมาณการซื้อ-ขาย) ซึ่งโดยปกติ การเปลี่ยนทิศทางของ momentum นั้น จะเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนทิศทางของราคา  ฉนั้น STO จึงใช้บอกสัญญาณเตือนการกลับตัวของราคาที่อาจเกิดขึ้นได้

ประโยชน์และการนำไปใช้งาน

- พยากรณ์การกลับตัวของ momentum (Predict Momentum Reversal)
- บอกภาวะการซื้อหรือขายที่มากไป (Overbought – Oversold identification)
- บอกจุด ซื้อ-ขาย

1. พยากรณ์การกลับตัวของ momentum (Predict Momentum Reversal) ประกอบด้วย

 - ทำนายการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง (Bearish Divergence)
 - ทำนายการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Divergence)

ตัวอย่าง ทำนายการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง (Bearish Divergence)

You cannot view this attachment.

ตัวอย่าง ทำนายกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Divergence)

You cannot view this attachment.

2. บอกภาวะการซื้อหรือขายที่มากไป (Overbought – Oversold identification)

2.1 บอกภาวะการซื้อที่มากเกินไป (OverBought identification) ภาวะที่ซื้อมากเกินไป คืออุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากความไม่สมดุลที่เกิดขึ้น โดยสัญญาณของ Stochastic จะบ่งชี้ถึงภาวะ Overbought เมื่อ %K > 80 เป็นต้นไป และจะเข้าสู่ภาวะ Super overbought เมื่อ %K > 90

You cannot view this attachment.

2.2 บอกภาวะการขายที่มากเกินไป (Oversold identification) ภาวะขายที่มากเกินไป คืออุปสงค์มีน้อยกว่าอุปทาน ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากความไม่สมดุลที่เกิดขึ้น โดยสัญญาณของ Stochastic จะบ่งชี้ถึงภาวะ Oversold เมื่อ %K < 20 เป็นต้นไป และจะเข้าสู่ภาวะ Super oversold เมื่อ %K < 10

You cannot view this attachment.

3. บอกจุด ซื้อ-ขาย (Entry & Exit identification)

การนำ indicator STO มาเป็นสัญญาณบอก การซื้อหรือขายนั้น สามารถแยกได้ดังนี้คือ

- ซื้อเมื่อเส้น %K ตกลงในเขต Oversold แล้วดีดกลับขึ้นสูงกว่า 20
  ขายเมื่อเส้น %K ขึ้นในเขต Overbought แล้วดีดกลับลงมาน้อยกว่า 80
- ซื้อเมื่อเส้น %K ตัดขึ้นเหนือ %D และขายเมื่อเส้น %K ตัดลงต่ำกว่า %D
- หาจังหวะการซื้อหรือขายจากการเกิด Bullish & Bearish Divergence

3.1 ซื้อเมื่อเส้น %K ตกลงในเขต Oversold แล้วดีดกลับขึ้นสูงกว่า 20 และ ขายเมื่อเส้น %K ขึ้นในเขต Overbought แล้วดีดกลับลงมาน้อยกว่า 80

You cannot view this attachment.

3.2 ซื้อเมื่อเส้น %K ตัดขึ้นเหนือ %D และขายเมื่อเส้น %K ตัดลงต่ำกว่า %D

You cannot view this attachment.

3.3 หาจังหวะการซื้อหรือขายจากการเกิด Bullish & Bearish Divergence

ตัวอย่าง จังหวะการขายจาก Bearish Divergence (การกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง)

You cannot view this attachment.

ตัวอย่าง จังหวะการซื้อจาก Bullish Divergence (การกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น)

You cannot view this attachment.

ข้อที่ควรคำนึงจากการนำ STO มาใช้

1. Stochastic Oscillator เป็น indicator ประเภท momentum oscillator ใช้เป็นสัญญาณซื้อ-ขายได้ดี (แม่นยำ) ก็ต้องเมื่อตลาดเป็น Sideway (ตลาดที่ไม่เกิดแนวโน้ม) เนื่องจากตลาดมีการแกว่งตัวขึ้นลงไปมา

2. ถ้าเป็นตลาดขาขึ้น (Uptrend) STO จะให้สัญญาณซื้อได้ดีกว่าสัญญาณขาย

3. ถ้าเป็นตลาดขาลง (Downtrend)  STO จะให้สัญญาณขายได้ดีกว่าสัญญาณซื้อ

4. ความแม่นยำของ Bullish & Bearish Divergence นั้น จำเป็นต้องดูแนวโน้มประกอบด้วย