ข่าว:

กระทู้ล่าสุด

#71
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค EURAU...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤศจิกายน 20, 2025, 02:04:56 ก่อนเที่ยง
วิเคราะห์ EUR/AUD 📉
EurAud 20-11.png
คู่เงิน/สินค้า: EURAUD

Bias: ขาลง (Bearish) ราคามีการฟอร์มตัวเป็นรูปแบบกลับตัวขาลง **Head and Shoulder Pattern** และได้ **Break** ทะลุเส้น **Neckline** ลงมาแล้ว การ Break นี้ยืนยันการเปลี่ยนแปลงทิศทาง โดยราคามีโอกาสลงต่อถึงเป้าหมายของรูปแบบ

โซนสำคัญ: Neckline, Head and Shoulder Pattern

แผน SHORT: พิจารณาเปิดสถานะ Short (ขาย) โดยอาจรอการ **Retest** กลับขึ้นไปบริเวณ **Neckline** หรือเปิดตาม Momentum ขาลงที่เกิดขึ้นแล้ว

Stop Loss (SL): เหนือจุด **SL** ในภาพ (เหนือไหล่ขวา)
Take Profit 1 (TP1): แนวรับแรก
Pattern Target (TP2): เป้าหมายจากรูปแบบ Head and Shoulder

เงื่อนไขเปลี่ยนมุมมอง: หากราคา Break และปิดยืนเหนือ **Stop Loss (SL)** ได้อย่างชัดเจน จะทำให้รูปแบบ Head and Shoulder ไม่สมบูรณ์และ Bias อาจเปลี่ยนเป็นขาขึ้น

กฎความเสี่ยง: ควรเลือกออเดอร์ที่มี Risk : Reward ≥ 1:2

-----------------------------------------------------------------------------------

วิเคราะห์ GBP/NZD 📈
GbpNzd 20-11.png
คู่เงิน/สินค้า: GBPNZD

Bias: ขาขึ้น (Bullish) ราคายังคงเคลื่อนที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมีเส้น **Support Trendline** รองรับ และกำลังย่อตัวลงมาใกล้บริเวณแนวรับที่คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเพื่อผลักดันราคาขึ้นต่อ

โซนสำคัญ: Support Trendline

แผน LONG: พิจารณาเปิดสถานะ Long (ซื้อ) หากราคาเข้าสู่หรือแสดงสัญญาณการ Rebound จากบริเวณ **Support Trendline**

Stop Loss (SL): ใต้จุด **SL** ในภาพ (ใต้ Support Trendline)
Take Profit 1 (TP1): แนวต้านแรก
Take Profit 2 (TP2): แนวต้าน Fib -0.272%
Take Profit 3 (TP3): แนวต้าน Fib -0.618%

เงื่อนไขเปลี่ยนมุมมอง: หากราคา Break และปิดต่ำกว่า **Stop Loss (SL)** รวมถึงหลุดเส้น **Support Trendline** ลงไปอย่างชัดเจน จะเป็นการทำลายโครงสร้างขาขึ้นในระยะสั้น

กฎความเสี่ยง: ควรเลือกออเดอร์ที่มี Risk : Reward ≥ 1:2

------------------------------------------------------------------------------------

คำเตือนความเสี่ยง: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาและให้มุมมองเชิงเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การเทรดมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ควรใช้วิจารณญาณและบริหารความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#72
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / กลยุทธ์หาจังหวะเข้าจังหวะออก
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - พฤศจิกายน 19, 2025, 12:28:42 หลังเที่ยง
ในการซื้อขายค่าเงิน หรือการเทรดคู่เงินในตลาด Forex นั้น การหาจังหวะเข้า หรือออกออเดอร์ที่ดีที่สุด ก็เท่ากับเรามีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าหากเราออกออเดอร์ผิดที่ เทรดกี่ทีก็ไม่ได้กำไร ต้องมาเสียเวลาแก้ไขอยู่ร่ำไป จนสุดท้ายก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า  กุมชะตากรรม ยอมรับการขาดทุนไปในที่สุด
 

ฉนั้นการรู้จังหวะเข้า รู้จังหวะออก(ออเดอร์) จึงเป็นศาสตร์เชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการเทรดให้ได้กำไร ช่วยให้สามารถอยู่ในตลาดได้นาน เพราะเมื่อเราเริ่มต้นมาดีแล้ว ย่อมมีความได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบนั่นเอง

กลยุทธ์หาจังหวะเข้า หรือจากออกออเดอร์ด้วย Oscillators CCI , MACD

เป็นกลยุทธ์หาจังหวะเข้าออกออเดอร์ง่ายๆ โดยอาศัยสัญญาณที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง จากจุดเข้า-จุดออกในตลาด ซึ่งประกอบด้วย 2 ตัวช่วย(อินดี้) คือการใช้ Oscillators CCI กับ MACD ในหน้าต่างเดียวกัน (ทับซ้อนกัน) ซึ่งจะใช้ได้ผล หรือให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด กับไทมเฟรมที่ M1 – H1 สำหรับไทมเฟรมที่แนะนำคือ M5
การตั้งค่าตัวชี้วัดกำหนดตามนี้คือ

- MACD: Period (Fast EMA – 12, slow EMA – 26, Signal SMA – 2)
- CCI : Period – 14

เนื่องจากเราใช้อินดี้ 2 ตัว (MACD,CCI) ในหน้าต่างเดียวกัน เราจึงต้องลากอินดี้ทั้งสองตัวดังกล่าวมาทับซ้อนกัน โดยไปที่เมนู Navigator >> indicators >> แล้ว MACD ไปยังกราฟก่อน >> จากนั้นลาก CCI ไปทับซ้อนอีกที ในหน้าต่างโซนเดียวกัน และอย่าลืม Set ค่า MACD ไว้ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

ตัวอย่าง การดึงกราฟมาซ้อนในหน้าต่างเดียวกัน

690.jpg

ตัวอย่างการ Set ค่า MACD: Period (Fast EMA – 12, slow EMA – 26, Signal SMA – 2)

691.jpg

1. การจับหวะหาตำแหน่งเข้า-ออกออเดอร์กรณีซื้อ (ฺBuy)

เปิดออเดอร์ซื้อ (เข้าออเดอร์) เมื่อเส้น CCI (สีฟ้า) ข้ามเส้น +100 จากล่างขึ้นบน ในขณะที่ตัวชี้วัด MACD จะต้องอยู่เหนือเส้นแบ่ง 0

ปิดออเดอร์ซื้อ (ออกจากออเดอร์) เมื่อเส้น CCI ย้อนกลับมาที่ระดับ +100 หรือข้ามขอบ MACD แนะนำดูจากภาพตัวอย่างด้านล่างกรณีซื้อ

692.jpg

2. การจับหวะหาตำแหน่งเข้า-ออกออเดอร์กรณีขาย (ฺSell)

เปิดออเดอร์ขาย (เข้าออเดอร์) เมื่อเส้น CCI (สีฟ้า) ข้ามเส้น -100 ลงมา ในขณะที่ตัวชี้วัด MACD อยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่ง 0

ปิดออเดอร์ขาย (ออกจากออเดอร์) เมื่อเส้น CCI ย้อนกลับมาที่ระดับ -100 หรือข้ามขอบ MACD แนะนำดูจากภาพตัวอย่างด้านบนกรณีขาย

ในการเทรดด้วยกลยุทธ์นี้คุณจะต้องเฝ้าติดตามเทอมินัลอ่านตัวชี้วัด เพราะตัวเลือกนี้ไม่ได้ให้ฟังก์ชั่นในการวาง stop loss หรือ take profit

หมายเหตุ: มุมมองผู้เขียนจากการใช้กลยุทธ์นี้ มองว่า กรณีที่จะปิดหรือออกจากออเดอร์ไม่ว่าจะซื้อหรือขายนั้น ควรปิดทันทีเมื่อมองเห็นว่าราคาจะไม่ไปต่อ หรือมันกำลังจะสวนทาง
#73
พื้นฐาน Defi / DeFi Bridges สะพานเชื่อมระหว่า...
กระทู้ล่าสุด โดย Support-3 - พฤศจิกายน 19, 2025, 10:00:08 ก่อนเที่ยง

       ในยุคเริ่มต้นของ Blockchain เราเปรียบ Bitcoin และ Ethereum เหมือนกับ "เกาะร้าง" กลางมหาสมุทร ที่แต่ละเกาะมีระบบเศรษฐกิจ กฎหมาย และสกุลเงินเป็นของตัวเองโดยสิ้นเชิง การจะย้ายความมั่งคั่งจากเกาะหนึ่งไปอีกเกาะหนึ่งนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้หากไม่มีตัวกลาง (Centralized Exchange)
       การกำเนิดขึ้นของ DeFi Bridges (สะพานเชื่อมบล็อกเชน) จึงเปรียบเสมือนการสร้างระบบ "การค้าระหว่างประเทศ" ที่ทำให้สินทรัพย์และข้อมูลไหลเวียนได้อย่างอิสระ บทความนี้จะพาคุณไปไขความลับเบื้องหลังเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและสำคัญที่สุดในโลก Crypto ขณะนี้

DeFi Bridge คืออะไร? (What is a DeFi Bridge?)
DeFi Bridge (หรือ Blockchain Bridge) คือโปรโตคอลที่อนุญาตให้มีการโอนย้าย ข้อมูล (Data) และ สินทรัพย์ (Assets) ระหว่าง Blockchain สองเครือข่ายที่แตกต่างกัน

หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ
●    Blockchain A คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา (ใช้เงิน USD)
●    Blockchain B คือ ประเทศญี่ปุ่น (ใช้เงิน JPY)
●    Bridge คือ "ธนาคารระหว่างประเทศ" หรือ "จุดแลกเปลี่ยนเงินตรา"
ที่ทำให้คุณสามารถนำมูลค่าจากประเทศหนึ่ง ไปใช้ในอีกประเทศหนึ่งได้ โดยไม่ต้องขายสินทรัพย์ทิ้งแล้วซื้อใหม่
Bridge ไม่ได้ทำหน้าที่แค่โอนเหรียญ (Tokens) เท่านั้น แต่ยังสามารถโอนข้อมูล Smart Contract, NFT, หรือคำสั่ง Governance ข้ามเชนได้อีกด้วย

ทำไมโลกถึงต้องการ Bridges? (The Problem of Liquidity Fragmentation)
ก่อนจะเข้าใจวิธีแก้ปัญหา เราต้องเข้าใจปัญหาที่เรียกว่า "ภาวะสภาพคล่องแตกกระจาย" (Liquidity Fragmentation)
     The Silo Effect ในปัจจุบันมี Blockchain Layer 1 และ Layer 2 เกิดขึ้นมากมาย (Ethereum, BNB Chain, Solana, Arbitrum, Optimism, Base) เงินทุนของผู้ใช้กระจัดกระจายไปตามเชนต่างๆ
     Capital Inefficiency สมมติว่าคุณมี ETH มูลค่า 1 ล้านบาทบน Ethereum แต่อยากจะกู้เงิน (Lending) บนเชน Avalanche ซึ่งให้ดอกเบี้ยดีกว่า คุณไม่สามารถทำได้ทันที เพราะสินทรัพย์อยู่ผิดที่
     The Solution Bridge เข้ามาแก้ปัญหานี้โดยทำหน้าที่เป็น Protocol ที่เชื่อมต่อ "State" (สถานะของข้อมูล) ระหว่างสองเชนที่คุยคนละภาษา ให้สามารถสื่อสารกันได้
     นิยามที่แท้จริง Bridge ไม่ใช่แค่ "ท่อส่งเหรียญ" แต่คือ "Arbitrary Message Passing Protocol" (โปรโตคอลส่งข้อความอิสระ) ซึ่งหมายความว่ามันสามารถส่งเหรียญ, ส่งคำสั่ง Smart Contract, หรือแม้แต่ส่ง NFT ข้ามเชนได้

กลไกการทำงานของ Bridge (How It Works: The Mechanics)
     หลายคนเข้าใจผิดว่า Bridge ทำการ "ส่ง" เหรียญจากเชนหนึ่งไปยังอีกเชนหนึ่งเหมือนส่งอีเมล แต่ในความเป็นจริง เหรียญ Crypto ไม่สามารถออกจาก Blockchain ของตัวเองได้
     กลไกที่แท้จริงของ Bridge ส่วนใหญ่ใช้หลักการที่เรียกว่า "Lock and Mint" (ล็อคและสร้างใหม่) หรือ "Liquidity Pool" ดังนี้

A. Lock and Mint (การล็อคและสร้างใหม่) - มาตรฐานดั้งเดิม
นี่คือวิธีที่ Bridge ส่วนใหญ่ใช้ในการสร้างสินทรัพย์ข้ามเชน (เช่น การนำ Bitcoin มาใช้บน Ethereum ในชื่อ WBTC)
     1.Source Chain ผู้ใช้โอนเหรียญเข้า Smart Contract เพื่อทำการ "Lock" (สินทรัพย์ถูกกักขังไว้ ไม่ได้หายไปไหน)
    2.Relayer/Oracle ตัวกลาง (อาจเป็นคอมพิวเตอร์หรือกลุ่มคน) ตรวจจับว่ามีการโอนเงินเข้าแล้ว และส่ง "ข้อความ" ไปยังเชนปลายทาง
    3.Destination Chain Smart Contract ปลายทางตรวจสอบข้อความ แล้วทำการ "Mint" (เสก) เหรียญที่มีมูลค่าเท่ากันออกมา เรียกว่า Wrapped Token (เช่น wETH, wBTC)
          - จุดอ่อน ความเสี่ยงอยู่ที่จุด "Lock" หากแฮกเกอร์เจาะ Contract นี้ได้ เหรียญ Wrapped Token ที่ปลายทางจะกลายเป็นกระดาษเปล่าทันทีเพราะไม่มีสินทรัพย์จริงค้ำประกัน

B. Burn and Mint (การเผาและสร้างใหม่) - มาตรฐานสมัยใหม่
วิธีนี้มักใช้กับเหรียญที่ผู้ออก (Issuer) สามารถควบคุมได้ทั้งสองเชน เช่น Circle CCTP (USDC) หรือโทเคนแบบ OFT (Omnichain Fungible Token)
     1. Source Chain ผู้ใช้ส่งเหรียญไปเพื่อทำการ "Burn" (เผาทิ้งถาวร)
     2. Verification ระบบตรวจสอบยืนยันการเผา
     3. Destination Chain: ทำการ "Mint" เหรียญใหม่ออกมาให้ผู้ใช้
          - ข้อดี ไม่ต้องมี Honey Pot (ถังเก็บเงิน) ให้แฮกเกอร์จ้องขโมย เพราะเหรียญถูกทำลายไปแล้ว จึงปลอดภัยกว่าแบบแรกมาก

C. Atomic Swaps / Liquidity Pools - การแลกเปลี่ยนทันที
วิธีนี้ใช้สำหรับเหรียญที่มีอยู่แล้วทั้งสองฝั่ง (Native Assets) ไม่มีการสร้าง Wrapped Token
     ●    Bridge จะมี "คลังกระสุน" (Pool) ของ USDT อยู่ทั้งฝั่ง Ethereum และ BNB Chain
     ●    เมื่อคุณฝาก USDT เข้าฝั่ง Ethereum -> ระบบจะปล่อย USDT จากฝั่ง BNB Chain ให้คุณทันที
     ●    ข้อดี ได้เหรียญแท้ (Native) ไม่ใช่เหรียญ Wrapped
     ●    ข้อเสีย ถ้า Pool ฝั่งปลายทางเงินหมด (Liquidity Dry-up) คุณจะโอนไม่ได้

ประเภทของ Bridge จำแนกตามความเชื่อใจ (Trust Spectrum)

เราสามารถแบ่ง Bridge ออกเป็น 2 ประเภทหลัก ตามลักษณะการบริหารจัดการความปลอดภัย:
1. Trusted Bridges (Centralized)
คือ สะพานที่ผู้ใช้ต้อง "เชื่อใจ" ในตัวกลางหรือองค์กรที่ดูแลระบบ
การทำงาน มีกลุ่มคนหรือบริษัทควบคุม Private Key ในการอนุมัติธุรกรรมข้ามเชน
     ●    ข้อดี ทำงานรวดเร็ว, ค่าธรรมเนียมมักจะถูก, ใช้งานง่าย
     ●    ข้อเสีย มีความเสี่ยงเรื่อง Single Point of Failure (ถ้าบริษัทโกง หรือโดนยึดอำนาจ เงินอาจหายได้)
     ตัวอย่าง wBTC (ดูแลโดย BitGo), Binance Bridge

2. Trustless Bridges (Decentralized)
คือ สะพานที่ "ไม่ต้องใช้ความเชื่อใจ" แต่เชื่อใน Code (Smart Contract) และคณิตศาสตร์
การทำงาน ใช้ระบบ Validator อิสระจำนวนมาก หรือใช้ Light Client ในการตรวจสอบธุรกรรม โดยไม่มีใครคนใดคนหนึ่งมีอำนาจควบคุม
     ●    ข้อดี มีความปลอดภัยสูงกว่าในเชิงโครงสร้าง (Censorship resistance), โปร่งใส
     ●    ข้อเสีย พัฒนายากกว่า, อาจมีความเสี่ยงจาก Bug ใน Smart Contract

ตารางเปรียบเทียบ DeFi Bridges


ประโยชน์ของการใช้ DeFi Bridge (Use Cases)
ทำไมเราถึงต้องเสี่ยงโอนสินทรัพย์ข้ามไปมา?
     ●    ค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า (Lower Transaction Costs) ผู้ใช้งาน Ethereum อาจโอนสินทรัพย์ไปใช้บน Layer 2 (เช่น Arbitrum, Optimism) เพื่อหนีค่า Gas ที่แพงมหาโหด
     ●    ผลตอบแทนที่สูงกว่า (Yield Farming) นักลงทุนอาจพบว่า DeFi Protocol บนเชนใหม่ (เช่น Avalanche หรือ Fantom) ให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าเชนเดิม จึง Bridge เงินไปลงทุน
     ●    การเข้าถึง DApps เฉพาะทาง เกมหรือ NFT บางโปรเจกต์รันอยู่บนเชนเฉพาะ (เช่น Ronin Network สำหรับ Axie Infinity) ผู้เล่นจำเป็นต้อง Bridge เงินเข้าไปเพื่อเล่น
     ●    กระจายความเสี่ยง (Diversification) ไม่เก็บสินทรัพย์ไว้บนเชนเดียวทั้งหมด

ความเสี่ยงและจุดตาย (Risks & Vulnerabilities)[/b]
นี่คือ หัวข้อที่สำคัญที่สุด เพราะ "Bridges are honeypots" (สะพานคือถังน้ำผึ้งขนาดใหญ่ของแฮกเกอร์) เนื่องจาก Bridge เก็บสินทรัพย์ที่ถูก "Lock" ไว้จำนวนมหาศาล

ความเสี่ยงหลัก
     1.    Smart Contract Risk (Bugs) หากโค้ดที่ใช้ Lock เงินมีช่องโหว่ แฮกเกอร์สามารถสั่งปลดล็อคเงินทั้งหมดออกไปได้โดยไม่ต้องเผาเหรียญอีกฝั่ง
     2.    Validator Collusion (การฮั้วกันของผู้ตรวจสอบ) ในระบบ Trusted Bridge หากผู้ถือ Key ส่วนใหญ่ (Multi-sig) ร่วมมือกันโกง หรือถูกขโมย Key ไป (เช่นกรณี Ronin Hack) เงินสำรองจะถูกขโมยได้ทันที
     3.    Depegging Risk (ความเสี่ยงการหลุดมูลค่า) หาก Bridge ถูกแฮกและสินทรัพย์ต้นทางหายไป เหรียญ Wrapped Token ปลายทางจะมีค่าเป็น 0 ทันที (เพราะไม่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลังอีกต่อไป)

กรณีศึกษาประวัติศาสตร์
ข้อมูลจาก Chainalysis ระบุว่า กว่า 69% ของเงินที่ถูกขโมยในโลก DeFi ปี 2022 มาจากการแฮก Bridge นี่คือจุดอ่อนที่คุณต้องระวัง
1.    Smart Contract Vulnerability โค้ดเขียนมาไม่ดี
     ○    กรณีศึกษา Wormhole Hack ($320M): แฮกเกอร์พบช่องโหว่ในโค้ดตรวจสอบลายเซ็น (Signature Verification) ทำให้สามารถหลอกระบบให้ Mint เหรียญ ETH บน Solana ได้ฟรีๆ โดยไม่ต้องฝากเงินจริง
2.    Compromised Private Keys กุญแจบ้านถูกขโมย
     ○    กรณีศึกษา Ronin Bridge ($625M): ทีมพัฒนา Sky Mavis ใช้ Validator เพียง 9 ราย และต้องการลายเซ็นเพียง 5 รายเพื่ออนุมัติ แฮกเกอร์ใช้วิธี Social Engineering (ส่งไฟล์ pdf รับสมัครงานที่มีไวรัส) เพื่อขโมย Private Keys ไปครบ 5 ดอก และสั่งโอนเงินออกเกลี้ยง
3.    Depegging ฝันร้ายของนักลงทุน
     ○    เมื่อ Bridge ถูกแฮกและเงินต้นทางหายไป เหรียญ Wrapped Token ปลายทาง (เช่น soETH บน Solana) จะมูลค่าเหลือ 0 ทันที ผู้ใช้ที่ถือเหรียญนี้อยู่จะสูญเสียมูลค่าทั้งหมด แม้จะไม่ได้เป็นคนโอนก็ตาม

อนาคตของ Bridges ยุคของ Interoperability 2.0
เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ผู้ใช้งาน "ไม่ต้องรู้ด้วยซ้ำว่ากำลังใช้ Bridge อยู่" (Invisible Bridging)
LayerZero & Omnichain
เทคโนโลยีอย่าง LayerZero ไม่ใช่ Bridge แบบดั้งเดิม แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการส่งข้อความที่ปลอดภัย
●    มันแยกส่วน "การส่งข้อความ" (Relayer) และ "การตรวจสอบ" (Oracle) ออกจากกัน เพื่อลดความเสี่ยง
●    ช่วยให้นักพัฒนาสร้าง OFT (Omnichain Fungible Token) ซึ่งเป็นเหรียญที่สามารถวาร์ปไปเชนไหนก็ได้โดยไม่ต้องผ่านการ Wrap แบบเดิม
Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) โดย Chainlink
Chainlink ใช้เครือข่าย Oracle ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกมาเป็นตัวกลางในการยืนยันธุรกรรมข้ามเชน เน้นความปลอดภัยระดับสถาบันการเงิน เพื่อให้ธนาคารสามารถเชื่อมต่อกับ Blockchain ได้

บทสรุปและคำแนะนำ (Final Thoughts & Actionable Advice)
DeFi Bridge คือนวัตกรรมที่จำเป็นแต่เปราะบางที่สุดในระบบนิเวศ หากคุณต้องการใช้งาน ควรปฏิบัติตามกฎเหล็กดังนี้
1.    ใช้ Native Bridge เสมอถ้าทำได้ เช่น ถ้าจะโอนจาก Ethereum ไป Arbitrum ให้ใช้ Official Bridge ของ Arbitrum แม้จะช้ากว่า แต่มั่นใจได้สูงสุด
2.    เลี่ยงการถือ Wrapped Asset ระยะยาว หากคุณถือ wBTC หรือ ceETH คุณกำลังรับความเสี่ยงของ Bridge นั้นตลอดเวลา หากไม่จำเป็น ให้แลกกลับเป็น Native Asset
3.    กระจายความเสี่ยง อย่าใช้ Bridge เจ้าเดียวในการโอนเงินจำนวนมหาศาล
4.    ตรวจสอบ Audit เช็คดูว่า Bridge นั้นผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยจากบริษัทชั้นนำหรือไม่
#74
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤศจิกายน 19, 2025, 07:21:21 ก่อนเที่ยง
XAUUSD วันนี้ จุด
Sell 4080
4100-4103
4116
#75
วิเคราะห์กราฟ Crypto ประจำวัน / บทวิเคราะห์ BTCUSD ประจำวันที่...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤศจิกายน 19, 2025, 02:09:42 ก่อนเที่ยง
วิเคราะห์ BTC/USD 📉
BTCUSD 19-11.png
คู่เงิน/สินค้า: BTCUSD

Bias: ขาลง (Bearish) ราคากำลัง Rebound กลับขึ้นไปทดสอบ **Supply Zone** ซึ่งเป็นบริเวณที่มีแรงขายรออยู่ การปฏิเสธ (Reject) จากโซนนี้ บ่งชี้ว่าราคามีโอกาสลงต่อถึง **Demand Zone (Daily Timeframe)** ด้านล่าง

โซนสำคัญ: Supply Zone, Demand Zone (Daily Timeframe)

แผน SHORT: พิจารณาเปิดสถานะ Short (ขาย) หากราคาเข้าสู่หรือแสดงสัญญาณการกลับตัวบริเวณ **Supply Zone**

Stop Loss (SL): เหนือจุด **SL** ในภาพ
Take Profit 1 (TP1): แนวรับ Fib 0%
Take Profit 2 (TP2): แนวรับ Fib -0.272%
Take Profit 3 (TP3): แนวรับ Fib -0.618% บริเวณ Demand Zone

เงื่อนไขเปลี่ยนมุมมอง: หากราคา Break และปิดยืนเหนือ **Stop Loss (SL)** ได้อย่างชัดเจน จะเป็นการทำลายโครงสร้างขาลงและ Bias อาจเปลี่ยนเป็นขาขึ้น

กฎความเสี่ยง: ควรเลือกออเดอร์ที่มี Risk : Reward ≥ 1:2

-----------------------------------------------------------------------------------

คำเตือนความเสี่ยง: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาและให้มุมมองเชิงเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การเทรดมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ควรใช้วิจารณญาณและบริหารความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#76
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค CHFJP...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤศจิกายน 19, 2025, 02:03:14 ก่อนเที่ยง
วิเคราะห์ CHF/JPY 📉
ChfJpy 19-11.png
คู่เงิน/สินค้า: CHFJPY

Bias: ขาลง (Bearish) ราคามีการฟอร์มตัวเป็นรูปแบบกลับตัวขาลง **Double Top Pattern** โดยได้ Break ทะลุเส้น **Neckline** ลงมาแล้ว ซึ่งยืนยันการเปลี่ยนแปลงทิศทาง ขณะนี้ราคากำลัง Rebound กลับขึ้นไปทดสอบบริเวณ **Neckline** และแนวต้านที่ Break ลงมา ซึ่งเป็นโอกาสในการเข้า Short

โซนสำคัญ: Neckline, Resistance

แผน SHORT: พิจารณาเปิดสถานะ Short (ขาย) หากราคาแสดงสัญญาณการกลับตัวหรือถูกปฏิเสธ (Reject) บริเวณ **Neckline/Resistance**

Stop Loss (SL): เหนือจุด **SL** ในภาพ (เหนือยอดสูงสุดของรูปแบบ)
Take Profit x (Pattern Target): เป้าหมายจากรูปแบบ Double Top

เงื่อนไขเปลี่ยนมุมมอง: หากราคา Break และปิดยืนเหนือ **Stop Loss (SL)** ได้อย่างชัดเจน จะทำให้รูปแบบ Double Top ไม่สมบูรณ์และ Bias อาจเปลี่ยนเป็นขาขึ้น

กฎความเสี่ยง: ควรเลือกออเดอร์ที่มี Risk : Reward ≥ 1:2

----------------------------------------------------------------------

วิเคราะห์ GBP/CHF 📈
GbpChf 19-11.png
คู่เงิน/สินค้า: GBPCHF

Bias: ขาขึ้น (Bullish) ราคามีการฟอร์มตัวเป็นรูปแบบกลับตัวขาขึ้น **Inverted Head and Shoulder Pattern** และได้ Break ทะลุเส้น **Neckline** ขึ้นมาแล้ว ซึ่งยืนยันความแข็งแกร่งของแรงซื้อ ขณะนี้ราคากำลังย่อตัวลงมาใกล้ **Neckline** ซึ่งเป็นโอกาสในการเข้า Long เพื่อไปต่อตามเป้าหมายของรูปแบบ

โซนสำคัญ: Neckline

แผน LONG: พิจารณาเปิดสถานะ Long (ซื้อ) หากราคาแสดงสัญญาณการ Rebound จากบริเวณ **Neckline**

Stop Loss (SL): ใต้จุด **SL** ในภาพ (ใต้ไหล่ขวา)
Take Profit 1 (TP1): แนวต้านแรก
Pattern Target (TP2): เป้าหมายจากรูปแบบ Inverted Head and Shoulder

เงื่อนไขเปลี่ยนมุมมอง: หากราคา Break และปิดต่ำกว่า **Stop Loss (SL)** ได้อย่างชัดเจน จะทำให้รูปแบบ Inverted Head and Shoulder ไม่สมบูรณ์และ Bias อาจเปลี่ยนเป็นขาลง

กฎความเสี่ยง: ควรเลือกออเดอร์ที่มี Risk : Reward ≥ 1:2

------------------------------------------------------------------------------------

คำเตือนความเสี่ยง: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาและให้มุมมองเชิงเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การเทรดมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ควรใช้วิจารณญาณและบริหารความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#77
การวิเคราะห์ทางเทคนิค / ธรรมชาติของกราฟแท่งเทียน
กระทู้ล่าสุด โดย support-1 - พฤศจิกายน 18, 2025, 01:55:06 หลังเที่ยง
กราฟแท่งเทียน หรือ Candlestick คือ กราฟประเภทหนึ่ง เหมาะสำหรับใช้ดูความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น กราฟแท่งเทียนถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Munehisa Homma ในช่วง ค.ศ. 1850

และถูกเผยแพร่ไปสู่ชาวตะวันตก โดยนาย Steve Nison ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "Japanese Candlestick Charting Techniques"  กราฟแท่งเทียน ได้รับความนิยม และถูกนำมาใช้แทน กราฟแบบเส้นแบบเดิม เพราะมันสามารถบอกรายละเอียดของข้อมูลราคาได้มากกว่า นี่เป็นตัวอย่างของกราฟแท่งเทียน

253.jpg

ลักษณะของแท่งเทียน
แท่งเทียนจะประกอบไปด้วย ราคาเปิด Open , ราคาปิด Close , ราคาสูงสุด High และ ราคาต่ำสุด Low ในช่วงเวลาที่กำหนด ( แท่งเทียน ที่ใช้ใน SET-SPY นั้น 1 แท่งเทียน จะเท่ากับ การเปลี่ยนแปลงราคา ใน 1 วัน )  เราเรียกลำตัวของแท่งเทียน (ส่วนสีเขียวและสีแดง) ว่า "Body" มันคือส่วนต่างของ ราคาเปิดและราคาปิด ถ้าแท่งเทียนเป็น สีเขียว แสดงให้เห็นว่าราคาปิด สูงกว่า ราคาเปิด  กลับกัน แท่งเทียน เป็น สีแดง แสดงให้เห็นว่า ราคาปิด ต่ำกว่า ราคาเปิด ( กราฟของบางที่อาจใช้ สีขาว แทนขึ้น  และ สีดำ แทนลง ก็ได้ไม่ต่างกัน )  ส่วน เส้น ด้านบน และ ด้านล่าง เราเรียกว่า "Shadow" หรือ "ไส้เทียน" ใช้บอกราคาสูงสุด และต่ำสุด ของวัน เราใช้แท่งเทียน เพื่อบอกข้อมูล จุดสำคัญๆ ของราคา โดยไม่สนใจว่า ภายในวัน ราคาจะวิ่งขึ้นลง อย่างไร

254.jpg

รูปแบบต่างๆ ของ แท่งเทียน
แท่งเทียน 1 แท่ง อาจมีรูปร่างแตกต่างกัน ซึ่งสามารถบ่งบอกความหมายบางอย่างได้ดีเลย
ตัวอย่างเช่น อันที่ 1 และอันที่ 2 เป็นการ ขึ้น และ ลง แบบปกติ ของกราฟหุ้น โดยทั่วไป แต่ถ้าเกิดตัว Body ยืดมากๆ  อย่างอันที่ 3 คือ เปิดที่ราคาต่ำสุดเลย แล้ววิ่งขึ้นไปปิดที่จุดสูงสุดเลย หมายความว่า ขึ้นแรงมาก และ อย่างอันที่ 4 หมายความว่า ลงแรงมาก เป็นต้น
ส่วน อันที่ 5 6 และ 7 อันนี้ เค้าเรียกว่า "โดจิ"  คือ ราคาวิ่งขึ้น วิ่งลง ค่อนข้างมาก แต่สุดท้าย ก็กลับมา ที่จุดใกล้ๆ เดิม  หมายถึง เกิดความสับสน ลังเล มีการ ขาย-ซื้อ เปลี่ยนไปมา จะลงก็ไม่ลง จะขึ้นก็ไม่ขึ้น ( สีเทา คือ ปะป๊าหมายถึง จะเป็นสีเขียว หรือสีแดง หรือจะ เท่ากันจนเป็นเส้น เลยก็ได้ ) แท่งเทียนลักษณะนี้ (อาจ)จะเป็นจุดเปลี่ยน ของทิศทางราคาได้ต้องลองฝึกสังเกตดู

การจัดเรียงของแท่งเทียน ( Candlestick Pattern )ข้อดี ของกราฟแท่งเทียนอีกอย่างหนึ่งก็คือมันมีทฤษฏี เกี่ยวกับ การจัดเรียงของแท่งเทียนแบบต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เราคาดการณ์อนาคตประกอบการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างของการจัดเรียง ดูจากรูปภาพด้านล่าง

255.jpg

จากภาพ เราจะเห็นว่าการจัดเรียงของแท่งเทียนในแบบต่างๆ จะมีชื่อเรียกและความหมายต่างกัน
ยกตัวอย่าง เช่น ตัวที่ขีดเส้นใต้สีชมพูเอาไว้
Bullish Grave Stone Doji : หมายถึงราคาลง ลง แล้วเจอลบแรง แล้วเจอหลุมศพ  ต่อไป จะเปลี่ยนเป็น ขึ้น
Hammer : หรือ ค้อน หมายถึง ราคา ลง ลง แล้วเจอค้อน  ต่อไป จะเปลี่ยนเป็น ขึ้น
Inverted Hammer : หรือ ค้อน หมายถึง ราคา ลง ลง แล้วเจอค้อน กลับด้าน  ต่อไป จะเปลี่ยนเป็น ขึ้น
Bearish Grave Stone Doji : หมายถึง ราคาขึ้น ขึ้น ขึ้น เจอบวกแรง เจอหลุมศพ  ต่อไป จะเปลี่ยนเป็น ลง
Shooting Star : หรือ ดาวรุ่ง หมายถึง ราคาขึ้น ขึ้น แล้วเจอ โดจิลง แบบนี้ ต่อไป จะเปลี่ยนเป็น ลง
Hanging Man : หรือ แขวนคอ หมายถึง ราคาขึ้น ขึ้น แล้วเจอ โดจิขึ้น แบบนี้ ต่อไป จะเปลี่ยนเป็น ลง
ประมาณนี้ เป็นต้น
การอ่าน Pattern ของกราฟแท่งเทียนเป็นศิลปะ มีรายละเอียดมาก ต้องเรียนกันเป็นคอร์สใหญ่ แถมยังต้องใช้ ประสบกาณ์ และความชำนาญ ส่วนตัว มากจริงๆ เราเรียนรู้แค่เล็กๆน้อยๆ แล้วไปตีความผิดๆถูกๆไป ก็จะเสี่ยงทำให้เข้าเทรดแล้วเสียหายได้ ต้องระวัง หวังว่าทุกท่านจะอ่านเพื่อทบทวนและได้ความรู้เพิ่มเติมจากตรงนี้บ้างไม่มากก็น้อย
#78
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / Forex Signal
กระทู้ล่าสุด โดย narjant - พฤศจิกายน 18, 2025, 04:11:17 ก่อนเที่ยง
#79
วิเคราะห์กราฟ Crypto ประจำวัน / บทวิเคราะห์ BTCUSD ประจำวันที่...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤศจิกายน 18, 2025, 02:16:20 ก่อนเที่ยง
วิเคราะห์ BTC/USD 📉
BTCUSD 18-11.png
คู่เงิน/สินค้า: BTCUSD

Bias: ขาลง (Bearish) ราคายังคงอยู่ในทิศทางขาลงอย่างรุนแรง โดยได้ Break แนวรับสำคัญลงมาแล้ว และกำลังเคลื่อนที่ลงสู่ **Demand Zone (Fresh)** ซึ่งเป็นเป้าหมายของการขาย (Sell Target)

โซนสำคัญ: Supply Zone (2 โซน), Demand Zone (Fresh)

แผน SHORT: พิจารณาเปิดสถานะ Short (ขาย) หากราคา Rebound กลับขึ้นไปทดสอบ **Supply Zone** หรือเปิดตาม Momentum ลงสู่เป้าหมายหลัก

Stop Loss (SL): เหนือจุด **SL** ในภาพ
Take Profit x (Sell Target): บริเวณ **Demand Zone (Fresh)**

เงื่อนไขเปลี่ยนมุมมอง: หากราคา Break และปิดยืนเหนือ **Stop Loss (SL)** ได้อย่างชัดเจน จะเป็นการทำลายโครงสร้างขาลงและ Bias อาจเปลี่ยนเป็นขาขึ้น

กฎความเสี่ยง: ควรเลือกออเดอร์ที่มี Risk : Reward ≥ 1:2

-----------------------------------------------------------------------------------

คำเตือนความเสี่ยง: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาและให้มุมมองเชิงเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การเทรดมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ควรใช้วิจารณญาณและบริหารความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#80
วิเคราะห์กราฟ Forex ประจำวัน / บทวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค EURCA...
กระทู้ล่าสุด โดย support-2 - พฤศจิกายน 18, 2025, 01:52:37 ก่อนเที่ยง
วิเคราะห์ EUR/CAD 📈
EurCad 18-11.png
คู่เงิน/สินค้า: EURCAD

Bias: ขาขึ้น (Bullish) ราคายังคงเคลื่อนที่อยู่ใน **Uptrend Channel** โดยมีเส้น **Support Trendline** รองรับ ขณะนี้ราคากำลังย่อตัวลงมาใกล้ **Demand Zone** ซึ่งเป็นบริเวณที่คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเพื่อผลักดันราคาขึ้นต่อ

โซนสำคัญ: Demand Zone, Support Trendline

แผน LONG: พิจารณาเปิดสถานะ Long (ซื้อ) หากราคาเข้าสู่หรือแสดงสัญญาณการ Rebound จากบริเวณ **Demand Zone** หรือเมื่อแตะเส้น **Support Trendline**

Stop Loss (SL): ใต้จุด **SL** ในภาพ (ใต้ Support Trendline)
Take Profit 1 (TP1): แนวต้านแรก
Take Profit 2 (TP2): แนวต้านสูงสุด

เงื่อนไขเปลี่ยนมุมมอง: หากราคา Break และปิดต่ำกว่า **Stop Loss (SL)** รวมถึงหลุดเส้น **Support Trendline** ลงไปอย่างชัดเจน จะเป็นการทำลายโครงสร้างขาขึ้น

กฎความเสี่ยง: ควรเลือกออเดอร์ที่มี Risk : Reward ≥ 1:2

-----------------------------------------------------------------------

วิเคราะห์ USD/CAD 📈
UsdCad 18-11.png
คู่เงิน/สินค้า: USDCAD

Bias: ขาขึ้น (Bullish) ราคามีการ Rebound จากแนวรับ และกำลังเคลื่อนที่อยู่ภายใน **Uptrend Channel** โดยมีเส้น **Support Trendline** รองรับ ขณะนี้ราคากำลังย่อตัวลงมาใกล้ **Demand Zone** ซึ่งเป็นบริเวณที่คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา

โซนสำคัญ: Supply Zone, Demand Zone, Support Trendline

แผน LONG: พิจารณาเปิดสถานะ Long (ซื้อ) หากราคาเข้าสู่หรือแสดงสัญญาณการ Rebound จากบริเวณ **Demand Zone** หรือเมื่อแตะเส้น **Support Trendline**

Stop Loss (SL): ใต้จุด **SL** ในภาพ (ใต้ Support Trendline)
Take Profit x (TP): บริเวณ Supply Zone

เงื่อนไขเปลี่ยนมุมมอง: หากราคา Break และปิดต่ำกว่า **Stop Loss (SL)** รวมถึงหลุดเส้น **Support Trendline** ลงไปอย่างชัดเจน จะเป็นการทำลายโครงสร้างขาขึ้น

กฎความเสี่ยง: ควรเลือกออเดอร์ที่มี Risk : Reward ≥ 1:2

------------------------------------------------------------------------------------

คำเตือนความเสี่ยง: บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาและให้มุมมองเชิงเทคนิคเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน การเทรดมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ควรใช้วิจารณญาณและบริหารความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง